Thursday, March 17, 2016

Donate to Unicef

Donating to Unicef

ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนที่จะเกิดมาในสภาพแวดล้อม หรือ บรรยากาศที่ดี มีครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้า มีอาหารที่ดีที่ถูกสุขลัษณะ ได้รับการศึกษาและมีที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย ในประเทศไทยยังมีเด็กอีกกว่าล้านชีวิตที่เกิดมาประสบกับปัญหาต่างๆ ด้อยซึ่งโอกาสที่จะได้รับการดูแล เนื่องจากการถูกทิ้ง หรือ มีสภาพครอบครัวที่ยากแคลน ไม่มีโอกาสได้เข้ารับการศึกษา ทำให้อนาคตของเด็กเหล่านี้มืดบอด ดังนั้นองค์การยูนิเซฟ จึงอาสาเป็นตัวกลางที่สำคัญ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตรงจุดนี้ โดยที่บุคคลทั่วไปเองก็สามารถให้ความร่วมมือได้ในหลายลู่ทางที่องค์การUNICEFเปิดให้บริการ ผ่านทางช่องทางหนึ่งที่สะดวกที่สุดสำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการช่วยเหลือเด็กผู้ด้อยโอกาส แต่ขาดซึ่งความรู้ ความสามรถ หรือ ไม่มีเวลาเข้ามาช่วยเหลือเด็กๆได้โดยตรง ท่านสามารถร่วมกิจกรรม Donating to unicef หรือก็คือการบริจาคให้กับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรง โดยเชื่อว่านโยบายเหล่านี้ จะนำความเปลี่ยนแปลงกับชีวิตของเด็กๆเหล่านี้อย่างยั่งยืน

 

Donating to Unicef

Donating to unicef

หลายท่านอาจมีคำถามว่าเพราะอะไร เราถึงควรเข้าควรร่วมโครงการ donating to unicef หรือ ก็คือการบริจาคเงินให้กับองค์การยูนิเซฟ และโครงการ donating to unicef มีประโยชน์อย่างไร แตกต่างกับกิจกรรมขององค์กรรายอื่นๆ ที่ก็มีส่วนช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสได้เหมือนกัน

ทั้งนี้ทั้งนั้นเลยหลายๆท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับองค์การยูนิเซฟ มาบ้างแล้ว ไม่ว่าจากการรับฟังข่าวสาร หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ตหรือสื่อโทรศัพท์ องค์การยูนิเซฟ คือโครงการที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลไทย ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน กลุ่มเยาวชน ชุมชุนท้องถิ่น และตัวเด็กๆเอง เพื่อส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองสิทธิของเด็กทุกคนในประเทศไทยตั้งแต่อยู่ในครรถ์ของคุณแม่ไปจนกระทั้งเด็กอายุครบ18 ปีโดยสมบูรณ์ แน่นอนว่าองค์การUNICEFไม่ได้มีแค่เพียงเพียงในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่องค์การนี้ยังกระจายครอบคลุมไปอีกหลายๆประเทศทั่วทั้งโลก    

        การช่วยเหลือของคุณ แม้จะเป็นเพียงการช่วยบริจาคเงินเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กๆน้อยๆสำหรับท่าน แต่เชื่อเถิดค่ะว่า จำนวนเงินของท่านสามารถเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบของเด็กผู้ด้อยโอกาสให้กลับมาส่องสว่าง ราวกับจุดไฟให้กับอนาคตของพวกเขาอีกครั้ง องค์การUNICEF เปิดรับบริจาคเป็นสองแบบด้วยกัน นั้นคือ

  1. ร่วมบริจาคแบบรายเดือน

โดยการเข้าไปในเว็บไซต์ของ donating to unicef ของUNICEFโดยตรง ตัวเว็บไซต์จะมีให้ท่านเลือกว่าต่อเดือนท่านสามารถบริจาคเป็นจำนวนเงินได้ตั้งแต่ 600 บาท, ห้าร้อยบาท, 400 บาท, หรือท่านอาจจะต้องการที่จะระบุจำนวนเงินที่จะบริจาคเอง

  1. ร่วมบริจาคเป็นรายครั้ง

โดยการเข้าไปในเว็บไซต์ของ donating to unicef แล้ว เมื่อท่านเลือกบริจาคแบบเป็นรายครั้ง ท่านจะเลือกบริจาคได้ตั้งแต่ 3000 บาท, 2000 บาท, 1000 บาท, หรือว่าท่านต้องการจะระบุจำนวนเงินที่จะบริจาคด้วยตัวเองก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ

 

หรือหากบางท่านที่มีความประสงค์ที่จะบริจาคแต่ไม่ค่อยทราบเรื่องอินเตอร์เน็ตและระบบออนไลน์ ท่านสามารถบริจาคผ่านทางธนาคาร ชื่อบัญชี องค์การยูนิเซฟ หรือ ท่านสามารถบริจาคผ่านบัตรเครดิตได้โดยผ่านตู้ATM, หรือบริจาคผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสใน7-11ทุกสาขา และหลังจากท่านได้ทำงานบริจาคเสร็จเรียบร้อย อย่าลืมที่จะกรอกแบบฟอร์มยืนยันว่าท่านได้ทำการบริจาคแล้วด้วยนะคะ

        มาถึงตรงนี้ หลายๆท่านอาจจะยังคงสงสัยอยู่ว่า นอกจากเราจะช่วยเหลือเด็กเป็นรายครั้งแล้ว เหตุใดการบริจาคแบบรายเดือนถึงเป็นเรื่องที่ดี

 

donating to unicef

Donating to unicef

สิ่งสำคัญเลย ประโยชน์ที่ได้จากการบริจาคของท่านก็คือ องค์กรจะมีเงินทุนสำหรับการทำงานเหล่านี้ต่อไป โดยการทำงานของUNICEFตามที่กล่าวไปตอนต้นคือ การช่วยเหลือเด็กทุกคนตั้งแต่ช่วงที่ยังอยู่ในครรภ์ของมารดาไปจนถึงอายุ 18 ปี (ตามกฏหมายของสิทธิเด็ก) โดยเน้นการให้เด็กด้อยโอกาสได้รับการศึกษาที่ดี การเป็นอยู่ที่ดี การคุ้มครองเด็กในเรื่องต่าง และเอชไอวี/เอดส์ การบริจาครายเดือนจึงทำให้การช่วยเหลือเด็กๆเหล่านี้ไม่ขาดตอน

        เงินทุกบาททุกสตางค์ มีส่วนช่วยให้องค์การUNICEFมีเงินทุนเพิ่มมาก มีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง เนื่องจากองค์การยูนิเซฟเป็นองค์การที่ร่วมกันกับรัฐบาล แต่เป็นองค์กรที่เอกชนเป็นคนก่อตั้งขึ้น ดังนั้นเงินทุนโดนส่วนใหญ่ที่องค์การได้รับจะมาจากการบริจาคแทบทั้งสิ้น เมื่อท่านบริจาค องค์การยูนิเซฟจะมีเงินทุนสำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารงานและมีเงินในการช่วยเหลือเด็กๆมากขึ้น เนื่องจาก85%ของเงินบริจาคจะถูกใช้สำหรับการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ท่านจะได้คืนจากร่วมกิจกรรม donating to unicef เพื่อสนับสนุนการทำงานขององค์การUNICEF ก็คือความภาคภูมิใจที่ท่านได้มีส่วนช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับชีวิตของเด็กๆทั้งนี้ท่านยังได้รับข่าวการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับdonating to unicef ว่าการเงินบริจาคของท่านได้ใช้เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสอย่างไรบ้าง และ หลังจากการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ท่านยังสามารถนำใบเสร็จการบริจาคไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย 

        บริจาคเงินในวันนี้ เพื่อมอบชีวิตใหม่และอนาคตที่สดใสให้แก่เด็กๆ ยังมีเด็กอีกนับล้านคนที่มีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก ครอบครัวขาดแคลนทุนทรัพย์ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้รับการเรียบรู้ กำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ UNICEFเป็นผู้นำองค์กรการกุศลที่ทำการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเด็กเหล่านี้โดยเฉพาะ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศทั่วโลก มากว่า 65 ปี การทำงานขององค์การUNICEF เป็นแนวทางที่ได้รับการพิจารณาและพิสูจน์แล้วว่า มีต้นทุนต่ำในการดำเนินงาน ซึ่งนำไปสู่การช่วยเหลือเด็ก และ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กทุกคน โดยไม่ได้คำนึงถึงฐานะ เชื้อชาติ หรือ ถิ่นที่อยู่ของเด็ก ๆ



ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/other/why-donate-unicef

อุปการะเด็กกำพร้า ซักคนเพื่อ สร้างรอยยิ้มที่สดใสให้โลกใบนี้

อุปการะเด็กกำพร้า

อุปการะเด็กกำพร้า ซักคน ไม่ใช่คือเรื่องลำบากมากมาย เพียงเราเปิดใจรับเด็กซักคนหนึ่ง ผมเท่าตรึกตรองว่า เขาคือมิตรสหายร่วมโลก ของกระผม พวกเขาทั้งหลายไม่รับจังหวะเช่น ดีฉัน ไร้จังหวะดีๆไร้ พ่อ ขัดสนแม่ ปราศจากอาคารบ้านเรือน เขาจำเป็นการคนดูแล เขาก็ดุจเราที่พึงประสงค์ ญาติโกโหติกา ความชอบพอ ความอบอุ่น เหมือน พร้อมด้วยฉัน แค่นี้ก็น่าจะคือสาเหตุพอเพียงที่กระผมจะ อุปการเด็กกำพร้า ซักคนหนึ่ง

 <b>อุปการะเด็กกำพร้า</b>

อุปการะเด็กกำพร้า

จากสถิติพบว่า เด็กถูกไม่ไยดีถึงวันละ สิบห้า - 20 คน พร้อมทั้งจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ตามโลกเวลา ไซเบอร์ ที่ล่าสุด แต่กลับการงานการอบรมเลี้ยงดูเยาวชนลูกกำพร้าเหล่านี้พลิกผันจืดจาง สถานรับเลี้ยงผู้เยาว์ต่าง ต่าง ประกอบด้วยลูกกำพร้าจำนวนรวมเกินการที่ พี่เลี้ยงที่จะดูแล ทั้งสถานที่มิเพียงพอ มีความแน่น ลำบากของ และ ไม่ได้ยอมรับการดูแลรักษามีน้ำใจอย่างดีจาก ผู้เลี้ยง จากเว้นวรรคหลายหลายทางที่มี ทั้ง การล่อ ผู้เยาว์กำพร้าไปขายต่อยังต่างด้าว การ เกื้อกูลผู้เยาว์เพื่อให้ไปใช้ผู้ใช้แรงงาน การสวมสิทธิ์บิดา ท้ายที่สุดของสถานที่อนุเคราะห์เด็กกำพร้า คือ หลังวัย 18 ปี ไปแล้ว เด็ก โตมา ด้วยพ้นไปความรู้สึกคิดคิดดู ผิดชอบชั่วดี  พร้อมกับ ทีหลัง ก็จะเวียนวนมาเป็น วัฎจักรตอนแรกคือ เยาวชนลูกกำพร้า ถูกทอดทิ้ง  จากลูกกำพร้า คนที่แล้วที่เคยเป็น เกี่ยวข้องจาก ในทางกฎหมายประเทศไทย ทันทีที่ วัย สิบแปด ปี แล้ว จำเป็นผ่านพ้นของสถานที่อนุเคราะห์ นั้น นั้น มันจึงเป็น วัฎจักร เดิม เดิม กับเด็กกำพร้าที่ มิได้ยอมรับการ อุดหนุน ใครดวงดีก็ได้มีอยู่กับวงศ์วานซึ่งเจริญ ใครดวงไม่ดี ก็ ลำบาก

อุปการะเด็กกำพร้า ที่ปัจจุบัน หามิได้คือเรื่องราวลำบากลำบน แห่งไทย ครอบครัวฉัตรบริรักษ์  พร้อมทั้ง น้องวันใหม่ ฉัตรบริรักษ์ น้องหญิงคนเอี่ยม ของ บอย ปกรณ์ คือแบบที่มองเห็นกันได้ ข้างในเนื้อความ อุปการะเด็กกำพร้า

ส่วนในที่ต่างประเทศ มีหลากหลายเรื่อง ตัวอย่างเช่น

ความ วูดดี อัลเลน  ผู้กำกับภาพยนตร์อเมริกัน เป็นและคนเขียนบท ผู้แสดง และดาราตลก มีอยู่งานยอดเยี่ยมหลาย ๆเรื่องราว วูดดี อัลเลน 

ใช้ชีวิตคู่อยู่กับ มีอา ฟาร์โรว์ และคู่ อุปการะเด็กกำพร้า เป็นลูกเลี้ยงไว้หลายคนทีเดียว หลังจากนั้น วูดดี อัลเลน  กอบด้วยความเกี่ยวเนื่องพร้อมกับ ซุน - ยี เพรวิน ลูก เลี้ยงดู ชาวเกาหลี สิ่งของเขา เอง

มาดู ดารา ฮอลลีวูด คนอื่น อื่น ที่ อุปการะเด็กกำพร้า กัน

เจ้าแม่เพลง pop มาดอนน่า อุปการะเด็กกำพร้า ที่แว่นแคว้นมาลาวี ในทวีป แอฟริการับมาเป็นลูกบุญธรรม 

ชารอน สโตน อุปการะ เด็กหนุ่มมา สาม คน  โรแอน โจเซฟฟ์ บรอนสไตน์,ควิน เคลลี่ และ เลิร์ด วอนน์ สโตน 

แซนดร้า บูลล็อค  อุปการะเด็กกำพร้า ที่นิวออลีนส์มาคือบุตรบุญธรรม โดยชื่อว่า หลุยส์ บาร์โด บูลล็อค

ฮิวจ์ แจ็คแมน อุปการะเด็กกำพร้า 2 คน คือ ออสการ์ แม็กซิมิลเลียน และ เอวา เอเลียต

แคเธอรีน ไฮเกล อุปการะเด็กกำพร้า ชาวประเทศเกาหลีใต้ แนนซี่ ลีห์ ลูกผู้ซึ่งมีปมปัญหาทางพวกหัวใจ

ที่ปัจจุบัน การจะ อุปการะเด็กกำพร้า ซักคน คือเรื่องราวไม่ยากมากหลาย แค่ เรามั่นใจว่า พร้อมทั้ง ที่จะประดัง เอาใจใส่ใครซักคน เพียงนี้ก็สนับสนุนลบล้างความความยากจนและความสิ้นหวัง ของบรรดา เด็กกำพร้า ไปได้มากหลาย แล้ว ข้าพเจ้าจักคิดว่า ทุกวันนี้ ประกอบด้วยมูลนิธิ พร้อมทั้ง สมาพันธ์ต่าง ๆ เกิด ขึ้นเหลือแสน  ดังเช่น

มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ฯ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่กำเนิดมาจากองค์กร ซี.ซี.เอฟ.สากล ส่งให้ความเจือจุนผู้เยาว์ ที่ด้อยโอกาส

สถานสงเคราะห์สงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทยซึ่งจัดแจงตั้งขึ้นโดยพระ ราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านบางละมุง กับ สถานอาชีวบุคคลวัยรุ่น ส่งให้กรณีอุดหนุนเด็กผู้ชายซึ่งมีวัยระหว่าง เจ็ด - 18 ปี สำนักงานในที่สังกัดสำนักป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก (ส.ป.ป.) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

มูลนิธิ/สมาคมสงเคราะห์เด็กกำพร้า แห่งประเทศไทยรับผู้เยาว์ลูกกำพร้า กับลูกด้อยโอกาสอายุ ตั้งแต่ สอง - 8 ปี พร้อมด้วยเลี้ยงจนทั้งๆ ที่วัย 18 ปี

มูลนิธิสันติสุข หรือ บ้านสันติสุข ให้การหนุนหลังและทะนุถนอมเด็กคับแค้นไร้ที่พึ่ง พร้อมทั้งผู้เยาว์ด้อยโอกาสทางการเรียนรู้ วงศ์วานที่แตกแยก ถูกทิ้ง พร้อมด้วยญาติพี่น้องที่ประกอบด้วยรายรับน้อย

องค์การยูนิเซฟ ส่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์  แห่งการเอาใจใส่เรื่องพลานามัย การศึกษา ความเท่ากัน และการป้องกัน เด็กด้อยโอกาสภายใต้สนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

            อุปการะเด็กกำพร้า ซักคนหนึ่ง ไม่ใช่ข้อความยากเข็ญผมอย่าสังเกตเพียงแค่ รู้สึกสงสาร เด็กกำพร้า กับ มองผ่านไป ลองก้าวเดินเข้าไป ติดต่อสอบถาม จะเห็นว่าขั้นตอนต่างต่าง มิได้ซับซ้อน เฉพาะ ตามนิติแล้วข้าพเจ้าไม่อาจจะ คัดเลือกว่าจะรับผู้เยาว์คนไหนมี ทำได้รับเท่านั้น แจ้งว่า อยาก รับ เยาวชนเพศไหน ช่วงเวลาวัยเท่าใด เพื่อจะเป็นการคุ้มกัน การนำผู้เยาว์หน้าตาน่ารัก กับหน้าตาดี ไปออกตัวต่อ ให้บรรดาคนมั่งคั่ง ซึ่งใคร่ได้ประกอบด้วยเด็ก  ส่วน มูลนิธิ หรือสถานสงเคราะห์ ก็จะตรวจดูข้อมูลของฉันน้อย ว่ามีความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงจะไม่ละทิ้งเด็กกำพร้า พร้อมกับจะวิเคราะห์ ว่า เราจะ เลี้ยงดูผู้เยาว์กำพร้าจริงหรือเปล่า  สำหรับหากผม อุปการะเด็กกำพร้า แล้วไม่เอาธุระ หรือชี้ทางค้าต่อ นำไปทรมาน กับใช้กรรมกร ผู้รับ อุปการะเด็กกำพร้า หลาย หลาย ราย ซ่อนมาเป็นผู้ อุปการะเด็กกำพร้า แต่แต่นำ ผู้เยาว์กำพร้า ไปหาทางประโยชน์พาไปทำการค้าดาม  ประทุษร้าย หรือใช้พลังงานผู้เยาว์ กับแม้กระทั่ง การสวมสิทธิ์ ตั้งแต่ ลูกยังไม่คลอด ที่ การสวมสิทธิ์นี้ จักมีการทำกันโดย มีความร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่ายคือ แม่ หมอ บิดาผู้สวมสิทธิ์ ด้วยความสมยอมสิ่งของ คุณแม่ลูกที่ คงเกิดจาก แม่เด็กไร้ความพร้อม กับ มารดาลูก ไม่มีรายรับ ตระกูล ปฏิเสธ ซึ่งคำถามกลุ่มนี้ หาก ได้ คุณพ่อผู้สวมสิทธิ์ ที่รักเด็กกับมุ่งหมายตัวลูกจริง จริง ผลดีก็จะเกิด และ เด็ก แต่หาก แม่ผู้เยาว์ ใคร่ได้แค่เงิน กับ หลอกๆ พ่อผู้สวมสิทธิ์  หลาย หลายคน จนลงท้ายไม่มีพ่อผู้ ให้เด็ก จริง ลูก จากที่ น่ามี พ่อ มารดาดูแล ก็จะกลับกลาย เยาวชนลูกกำพร้า พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลง ภาระ สังคมต่อไป

ในทุกวันนี้สภาพ เด็กลูกกำพร้า ขาดซึ่งความรัก การเอาใจใส่และความรู้ความเข้าใจ ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ บั่นทอนทั้งช่องทางของพวกเขา และ ภาร ของเข้าสังคม การควบคุม ให้การหาความรู้แก่เด็กกำพร้าเป็นภาระที่ทุกคนควรรับผิดชอบร่วมกัน ในประจุบัน ประเทศไทยประสบปัญหาลูกลูกกำพร้า ขาดตลาดปัจจัยพื้นฐาน ตลอดจนไม่รับการ เล่าเรียน เกิดเด็กกำพร้า เร่ร่อน คำถามลูกกำพร้าถูกส่งไปออกตัวพลังงาน หรือถูกล่อลวงให้ ค้าประเวณี

โดยสรุปข้อสงสัยเยาวชนกำพร้า สาเหตุหลัก จริง จริง คือ ครอบครัว หากสกุลวางใจ พร้อมทั้งเปิดโอกาส หนุ่มสาวได้มากว่านี้ ข้อสงสัยผู้เยาว์ลูกกำพร้าคงจะลดน้อยลง หลาย ๆตระกูล อุปการะเด็กกำพร้า ไปแล้ว ก็มิได้อุปการะ ใฝ่ใจให้ดี ตอนท้าย ผู้เยาว์ มิเรียนรายงาน ปริศนาผู้เยาว์ลูกกำพร้า ออกจากสถานศึกษากลางคัน พบได้หนาตาในภาคเหนือและภาคอีสาน  ซึ่งจากค่านิยมตำบลที่ผิด ๆ  การให้เด็กที่ขัดสนคุณลักษณะทาง โภชนาการของพ่อแม่ ผู้เยาว์กำพร้าจึงเป็น ผู้เยาว์ลูกกำพร้าต่อ ถึงแม้ จะมี พ่อ แม่ ค้ำชู ก็ตามที



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th

Wednesday, March 16, 2016

บริจาคเงินกับยูนิเซฟ บริจาคเพื่อใคร

บริจาคเงินกับยูนิเซฟ

บริจาคเงินกับยูนิเซฟ หากเสนอคำถามใครซักคนว่าเคยบริจาคบ้าง ก็คงจะมีบุคคลฝ่ายข้างน้อยที่สนับสนุนขานรับว่าได้เคยบริจาคมาแล้ว ยูนิเซฟ องค์กรการกุศลลำดับที่ 315 ตามหมายประกาศกระทรวงการคลังที่ติดตั้งขึ้นมาจากจุดหมายที่จะลดปมปัญหาผู้เยาว์เริ่มมาเมื่อ 50 ปีที่แล้วที่สงครามโลกเงียบสงบลงเนื่องจากภาวะอดอยาก โรคระบาดที่แผ่ขยายทำลายชีวิต เยาวชน กับครัวเรือนที่ไม่รู่อิโหน่อิเหน่เหลือหลายแยะ  จากการบริจาคเงินกับยูนิเซฟ  ที่ผ่านมา  ศกนี้ก็ครบปีที่ห้าสิบแล้วที่ ยูนิเซฟ ได้เข้าไป หนุนหลัง งานต่างๆที่เกี่ยว กับผู้เยาว์ ถ้าไม่รับการสละ จากทั่วทุกมุมโลก Unicef  คงอยู่ไม่ได้ยาวเหยียดนานเพียงนี้  หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดเราต้อง บริจาคเงินกับยูนิเซฟ ก็สำหรับ Unicef ไม่แค่เพียงตั้งองค์กรมาหรูๆ แต่ยูนิเซฟ มีภารกิจเป็นอย่างมากที่ต้อง ดูแลรับผิดชอบ ทรัพย์สินบริจาคมิใช่แค่ก้าวเข้าสู่กองทุน ของUnicef แต่มันได้ขยายไปสู่ เด็ก พื้นที่ห่างไกล เพื่อให้การช่วยเหลือกับเยาวชนที่ทุกข์ร้อนอย่างกว้างขวางซึ่งเงินบริจาค ประมาณ แปดสิบห้า % จะถูกส่งไปทะนุถนอมเยาวชน  ต่อหน้า ส่วนเงินทองที่หลงเหลือ สิบห้า % จะเป็นไปเพื่อการจัดการระดมทุน เพื่อหาเงินสนับสนุนต่อไป

 

บริจาคเงินกับยูนิเซฟ

บริจาคเงินกับยูนิเซฟ

ยูนิเซฟได้มีการชี้ชวนบุคคลทั่วไปเข้าบริจาคสตางค์อนุเคราะห์โครงการต่าง ๆ ของUnicefซึ่งอาจจะเสียสละได้หลาย ๆทาง ได้แก่ 

 สละผ่านทางสื่อ ออนไลน์ โดยวิธีการการนี้ เป็นแบบที่สบาย สะดวก พร้อมทั้งมั่นคงเป็นยอดด้วยเหตุที่มี ระบบการตกลงมาตรฐานความปลอดภัยในการจัดส่งข้อมูลโดย องค์กร Synmantec ผมจึงปักใจได้ว่าเงินทองที่ได้บริจาคจะส่งไปถึงมือ Unicef ถึงมือ เด็กจริง ๆ ซึ่งทางนี้จำต้องต้องมีบัตรเครดิตเพื่อให้ใช้ในการหักบัญชีในแต่ละเดือน ซึ่งมีรูปแบบอยู่ สอง แบบคือ

การเสียสละรายเดือนจะมีวงเงินในการบริจาค 4 ยอดเงินคือ  หกร้อย,ห้าร้อย,สี่ร้อย บาท กับ ระบุจำนวนเงิน ต่อเดือน

การบริจาครายครั้งจะมีวงเงินในการสละ 4 ยอดเงินคือ  3000 ,สองพัน ,1000 บาท กับ ระบุจำนวนเงิน ต่อครั้ง ก็ได้

หรือดิฉันสามารถดาวน์โหลดแบบพิมพ์ กับส่งกลับไปยังUnicef ซึ่งอาจคืนไปได้ที่ Email psfrbangkok@unicef.org  กับคืนไปแบบแหล่งตามแบบแบบฟอร์มก็ได้

เสียสละผ่านจดหมาย การแจกเช่นนี้ ยูนิเซฟจะส่งหนังสือถึงผู้ที่เคยบริจาค หรือเคยติดต่อสื่อสาร ยูนิเซฟโดยตรง กับเป็นการส่งจดหมายหาองค์กรต่าง ๆเพื่อให้คนในองค์กรนั้นได้มีส่วนร่วมในการ บริจาคเงินกับยูนิเซฟ

เสียสละผ่านคนแทน การแจกเงินกับกองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติยังงี้จะกระทำผ่านคนกลางของกองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติซึ่งจะระดมทุนด้วยการให้คนกลางพบผู้เสียสละต่อหน้าเช่น อาคารสำนักงาน แหล่งชุมชน โดยคนกลางจะเข้าชี้ชวน บริจาคเงินกับยูนิเซฟ ในแบบแผนสละเงินตราแบบตัดผ่านบัญชีบัตรเครดิต

ขอรับสละทางโทรศัพท์ Unicefจะมีการติดต่อสื่อสารไปยังที่ทำงานต่าง ๆสำหรับขอรับสละให้กับหน่วยงาน โดยการขอรับเสียสละแบบนี้จะใช้การตัดบัตรเครดิตเป็นรอบ ๆ ไป

 หรือหากใครอยากได้เสียสละเป็นรอบ ๆ ไปอาจจะโอนเงินตรามาถึง กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติโดยตรงได้ ซึ่งวิธีการนี้จะสะดวกสบายกับคนที่ไม่อยากมีภาระผูกพัน เนื่องจากว่าการบริจาคตัดผ่านบัตรเครดิตที่คนกลางระดมทุนทำจะเลิกล้มได้ค่อนข้างยากลำบาก กับการจัดการชักช้ามาก ซึ่งบางคนก็เจอะปมปัญหาทางด้านการเงิน ต้องต้องขอล้มเลิกแต่อาจช้าไม่ทันใจ การให้ โดยการโอนเงินต่อหน้าเข้าสู่ Unicefโดยตรงน่าจะเป็นวิธีการที่ดีกว่า ซึ่งบ/ชของทาง กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติมีอยู่หลายบัญชีคือ

บัญชีแบงค์กสิกรไทย บัญชีกระแสรายวัน สาขาบางลำพู เลขที่ 008-1-09766-6

บัญชีแบงก์กรุงศรีอยุธยา บ/ชกระแสรายวัน สาขาบางลำพู เลขที่ 011-0-06153-6

บัญชีแบงก์ไทยพาณิชย์ บัญชีกระแสรายวัน สาขาบางลำพู เลขที่ 003-3-10443-3

บัญชีแบงค์กรุงไทย บ/ชกระแสรายวัน สาขาบางลำพู เลขที่ 167-6-00662-1

สมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพ บ/ชกระแสรายวัน สาขาสำนักงานก.พ.เลขที่ 201-3-01324-4

หากใครอยากใช้ทานเงินเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีอากร สามารถขอเอกสารใบกำกับภาษีได้โดยส่งสิ่งพิมพ์เอกสารสำคัญการโอนเงิน fax ไปที่เบอร์ 02-356-9229 , 02-281-6033 ด้วยวงเล็บว่า “O0015” เพื่อทางยูนิเซฟจะได้ส่งเอกสารให้ท่านนำไปลดภาษีอากรได้

มากท่านอาจมีคำถามว่า แล้วเหตุเดิมสิ่งไรที่ข้าพเจ้าจำต้องสละให้Unicef เพราะด้วยเงินทุนที่ใช้ในโปรเจ็คของยูนิเซฟได้มาที่การให้ในฝ่ายเดียวหากมิได้ยอมรับเงินทองค้ำจุน การดำเนินการต่าง ๆก็ทำได้ลำบากลำบนยิ่งขึ้นจำเป็นจะต้องต้องได้รับเงินบริจาค ซึ่งเงินสนับสนุนส่วนใหญ่ก็จะได้รับมาจากภายในประเทศเป็นสำคัญเพื่อช่วยเคลื่อนหน่วยงานให้ปฏิบัติการได้อย่างสม่ำเสมอและสำหรับเป็นการอุดหนุน การกลายให้ชีวิตเด็กๆได้มีคุณภาพที่ดีขึ้น แต่หากเงินเอาใจช่วยภายในประเทศพอเพียงกับความสมหวังแล้วก็จะนำเงินตราส่วนที่มากเกินไปเกื้อหนุนยังประเทศด้อยพัฒนาอื่นๆด้วย คนรับบริจาคก็ไม่ต้องกังวลใจ คนให้ก็ได้ความเพลิดเพลินใจ แต่เพื่อคนที่ต้องเสียภาษีอากรการที่เรานำทรัพย์สินไปสละเงินตราส่วนนี้ก็จะกลับมาสู่ดีฉันในแบบ เงินหักลดก่อนเสียภาษี ซึ่งสามารถลดได้ เท่ากับปริมาณทรัพย์สินที่ต้องจ่ายจริงแต่ไม่เกินเปอร์เซ็นต์ สิบ ของเงินตราได้ภายหลังหักค่าใช้สอยพร้อมกับการหักค่าลดหย่อนต่าง ๆแล้ว เห็นกับเปล่าว่าการบริจาคก็คือการได้สตางค์กลับ เงินก็ไม่ไปไหน ซึ่งบางคนก็คิดว่า จะสละกันไปเพราะอะไร ไม่เห็นจะได้ประโยชน์ หากแม้มันจะเปล่าๆจริง ๆ แต่เมื่อท้ายที่สุดแล้วมันก็หมุนกลับมาในรูปภาษีอากรอยู่ดี ถึงแม้ใครมิได้รับประโยชน์ แต่เป็นอย่างน้อยที่สุดก็ได้ทำให้ดีฉันได้พอใจซักเล็กน้อยจริงๆ

สำหรับใครที่บริจาคเงินกับยูนิเซฟแล้วประสงค์เลิกกับไม่พร้อมกับการเสียสละสตางค์ต่อเป็นได้มีภาระเพิ่ม กับไม่ถนัดใจหรือด้วยเหตุใดก็ตามฉันสามารถแจ้ง เลิก หนทางติดต่อผ่านทางEmailที่ psfrbangkok@unicef.org กับ โทรศัพท์ 02-356-9299 เพื่อขอเลิกล้มบริจาคเงินกับยูนิเซฟ



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th

รับอุปการะเด็กกำพร้า เพื่อชีวิตที่สดใส ร่วมสร้างอนาคต ให้เด็กกำพร้า ร่วมกัน รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ปัจจุบัน คำถาม ลูกกำพร้า ได้แปรไปเป็นปมปัญหา ระดับชาติ ไปแล้ว เนื่องจากว่า ต้นเหตุ หลาย ๆ ชนิด อย่างเช่น ชายหนุ่ม หญิง มีหน้าที่ ไม่สามารถรับผิดชอบลูกชายลูกหญิงได้ ธุระทางแวดวงไม่อาจแสดงตัวได้ ขาดคน อุปถัมภ์ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำเอาเกิด ข้อสงสัย ลูกกำพร้า ขึ้นเหลือล้น   เราจะเจอะว่ามีประกาศ ในใจความสำคัญ ผู้เยาว์ลูกกำพร้า การละเลยเด็ก การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ให้เห็น ไม่หยุดแม้แต่ละวัน  เค้ามูล หลัก ๆ ที่กำเหนิดเยาวชนกำพร้า เกิดของการขาดความรับผิดชอบ สิ่งของบิดามารดาผู้เยาว์เป็น เอ้ ประกอบพร้อมทั้ง ความไม่พร้อมของบุรพาจารย์, สกุล รวมกระทั่งถึง คนใกล้ชิดของบิดามารดาลูกเอง ที่คือตัวแปรทำให้เกิด เยาวชนกำพร้า เหล่านี้ขึ้น จากสถิติที่น่าขวัญเสีย กระผมพบว่ากึ่งของสมาชิกทั้งโลกที่พักพิงอยู่บนโลก ใบ เล็ก ๆ ใบนี้ เข้าอยู่ในความยากแค้น  เยาวชน พร้อมกับ วงศ์วาน แตะต้องดิ้​​นรนปะทะต่อสู้เพื่อให้ความรอดตาย การทอดทิ้งลูก การละเมิด  ,ทิ้ง,เกียดกัน หรือ แม้กว่าการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมกับ ลูก ก็เกิด ขึ้น และมีให้เห็นบ่อย ๆ  ในทางกลับตาลปัตร ปัญหา ผู้เยาว์กำพร้า ก็เกิดขึ้นมาโดยตรง กับ สาเหตุ ที่ปรากฎว่าความ “ ยากจน “  ด้วยอธิกรณ์นี้ เราจึงเจอ มูลนิธิต่าง ๆ ออกมา อ้อนวอนความประสาน ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า อย่างมาก

รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

คำถาม ผู้เยาว์ลูกกำพร้า ล่าสุดได้ถูกทอดทิ้ง พร้อมกับนับวันจะกลับกลายคือคำถามยืดเยื้อ ทุแก่การเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งวิเคราะห์จากสถานีที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หน่วยงานในสังกัด กรมพัฒนาสังคม และ สวัสดิการ  กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเฝ้ารอเป็นทางเลือก จัดการปัญหา ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า ซึ่งดีฉันจะเห็นว่าช่วงปัจจุบัน มีการนำลูก ของการ ไปจับมาจาก ที่พักอาศัยเยาวชนต่าง ๆ ออกมา ทำทำร้าย หรือใช้กำลังแรงงานเด็ก หรือหยิบยกไปแลกเปลี่ยนต่อให้ คนมีสตางค์ และภายใน กับ นอกประเทศชาติ เพื่อสืบหาทางได้ของเยาวชนลูกกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า หรือ การรับลูกลูกกำพร้า  ที่เป็นบุตรของบุคคลอื่นรับมาเอาอกเอาใจ อาจพบพบได้ในสังคมไทยรับมานาน เช่น รับอุปการะเด็กกำพร้า จาก ครอบครัว สกุล กับคนที่รู้จักใกล้ชิด กันดี แต่ขาดแคลนเงินทุน

 

       การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ตามนิติเริ่มมีขึ้นทันทีที่มี การป่าวประกาศใช้ประมวลกฎปฏิบัติแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 ซึ่งออกกฎให้จงมีการจดระเบียน ตามพระราชบัญญัติ จดบัญชีรายชื่อครอบครัว ในปี พ.ศ. 2478

     ใน   พ.ศ. 2508 กรมประชาสงเคราะห์ ได้ ดำเนินการตระเตรียมหาจัดญาติโกโหติกา ที่ อุปการะเด็กกำพร้า ที่ โดนเพิกเฉย โดยมีการออก เป็นหลักเกณฑ์ กรมประชาสงเคราะห์ ว่าด้วยการสนับสนุนผู้เยาว์กำพร้า โดยวิธีหาผู้อุปการะส่งให้แก่เยาวชนลูกกำพร้า แม้กระนั้นการดำเนินงานดังที่กล่าวมาแล้วก็ยังแคบอยู่เฉพาะเจาะจงลูกลูกกำพร้า แค่ในความคุณของกรมประชาสงเคราะห์เท่านั้น พร้อมกับ ในตอนนั้นยังไม่มีการขีดเส้นให้สถานี สถานพยาบาล หรือ สถานสงเคราะห์ ที่มีลูกลูกกำพร้า ถูกเพิกเฉยจะต้องส่งผู้เยาว์ให้กรมประชาสงเคราะห์ พร้อมด้วยขัดสนนิติกับองค์กรเฉพาะที่ปฏิบัติภาระสั่งงานป้องกันงานด้านการ รับอุปการะเด็กกำพร้า จึงเกิดระยะมอบให้มีอยู่การสืบประโยชน์จากเด็กกำพร้ากลุ่มนี้ ที่พบในรูปแบบของการรับผู้เยาว์เป็นลูกหลาน ราวปี พ.ศ.2519 - 20 มีการซื้อขายลูกลูกกำพร้าให้กับคนต่างด้าวเป็นปริมาณมาก จึงได้มี  มาตรการป้องกันการ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า

โดย ห้ามร.พ. สถานพยาบาล หรือ มูลนิธิ ต่างๆ ยกลูกลูกกำพร้าให้แก่คนใดไปเอาอกเอาใจหรือรับไปเป็นกุลบุตรบุญธรรม ต่อมามีการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการรับบุตรบุญธรรม" และมีการร่างกฎปฏิบัติเฉพาะออกมาเรียกว่า พ.ร.บ.การรับผู้เยาว์เป็นลูกเลี้ยง เป็น "ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม" จนปัจจุบัน ซึงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การรับลูกเป็นลูกบุญธรรมไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะเป็นผู้เยาว์มี พ่อ แม่ กับลูกลูกกำพร้าถูกทอดทิ้ง ต้องดำเนินการภายใต้ข้อจด ของพ.ร.บ.การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมทุกประการ

 รับอุปการะเด็กกำพร้า

       ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมนั้นประกอบด้วยภาระหน้าที่รับผิดชอบในการส่งให้บริการด้านการทำงานสวัสดิการเด็กโดยการ

หาตระกูลตอบแทน ให้กับลูกกำพร้า กับเด็กที่ พ่อ แม่ ไม่สามารถส่งให้การคุณชุบเลี้ยงผู้เยาว์ได้ และผู้เยาว์ที่มีกฎศาลยุติธรรมแทนการให้ความยอมตามของพ่อแม่ลูก โดยปฏิบัติตามพ.ร.บ.การยอมรับเด็กคือลูกเลี้ยง และต้องดำเนินการแบบกระบวนการของข้อบังคับอย่างถูกต้อง

โดยจะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อหาพี่น้องที่เหมาะเจาะในการปฏิบัติภารกิจเป็นพ่อแม่ส่งให้แก่เยาวชน เพื่อให้เด็กได้มีความก้าวหน้าที่ดีทั้งทางด้านร่างกาย ความรู้สึก อารมณ์ และเข้าสังคม รวมทั้งให้การหาความรู้ เพื่อให้มีชีวิตเป็นบุคคลที่มีคุณค่าของแวดวงต่อไปในเบื้องหน้า

ขั้นตอนการติดต่อขอเป็นครอบครัวชุบย้อม กับ รับอุปการะเด็กกำพร้า

ในกรุงเทพฯ สามารถสื่อสารได้ที่ ฝ่ายครอบครัวอุปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือที่ที่ประกอบการพัฒนาสังคมและสวัสดิการกทม.  ส่วนในต่างจังหวัด ติดต่อสื่อสารได้ที่ ที่ประกอบการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในจังหวัดที่ผู้ขออุปการะมีภูมิลำเนาอยู่

โดยต้องใช้ใบสำคัญดังนี้

  1. ทะเบียนสำมะโนครัว ( สำเนา )
  2. บัตรประจำตัว ( สำเนา )
  3. ทะเบียนสมรส หรือ ทะเบียนหย่า หากมี ( สำเนา )
  4. ใบรับรองแพทย์ ( โรงพยาบาลรัฐ )
  5. รูปถ่าย 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 รูป

การติดตามการเลี้ยงดูเด็กลูกกำพร้าที่ขออุปการะ

   เมื่อสกุลอุปการะที่ได้รับอนุมัติ ให้นำเยาวชนไปอุปการะดูแล นักสังคมสงเคราะห์ที่ยอมรับผิดชอบจะตามเยี่ยมเด็กกำพร้าและครอบครัวเป็นระยะระยะ เพื่อที่จะตามและให้คำหารือชี้ช่องในการปรนนิบัติลูก เพื่อให้ลูกลูกกำพร้าและพี่น้องอยู่ด้วยกันอย่างอย่างง่ายดาย โดยในปีแรกจะสำรวจแวะเยี่ยมทุก 2 เดือนต่อครั้ง ส่วนในปีถัดถัดไปจะเยี่ยมเยียนตามความพอเหมาะพอควรแต่ไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง จนกว่าเยาวชนลูกกำพร้าที่เกื้อกูลจะมีอายุครบ 18 ปีสมบูรณ์ หรือเปลี่ยนวิธีการให้เด็กเป็นการขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม

กรรมวิธีการดำเนินงานของวงศ์วาน รับอุปการะเด็กกำพร้า               

  1. ผู้มีความจำนง รับอุปการะเด็กกำพร้า ที่อยู่ในความเลี้ยงดูของสถานส่งเสริมของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                1.)           รับเรื่องและสัมภาษณ์ข่าวสารเบื้องต้น พร้อมด้วยตรวจดูสิ่งพิมพ์และให้คำแนะลู่ทางต่างๆ

                2.)           ตรวจจับไปพบที่อยู่อาศัยและสอบความเป็นจริงเกี่ยวกับสภาพชีพและความพอดี ทั้งนี้อาจร้องของานพิมพ์เสริมในรายที่นำงานพิมพ์มาให้ครบถ้วน ประกอบการพินิจคุณสมบัติ

                3.)           มีดำเนินเรื่องร้องขออนุมัติคุณวุฒิต่ออธิบดี เพื่อให้ผู้ขออุดหนุนเยาวชนกำพร้า ที่มีสรรพคุณพอเหมาะไปพบเด็กที่สถานที่อนุกูล

                4.)           แจ้งให้ผู้ขอเกื้อกูลเยาวชนกำพร้าทราบ พร้อมด้วยมีการส่งจดหมายการเข้าพินิจลูกให้สถานอนุกูลที่สัมพันธ์เข้าใจ

                5.)           ผู้ร้องขอส่งเสียพบผู้เยาว์กำพร้าที่จำนงจะยอมรับให้ สถานอุปถัมภ์แจ้งประวัติส่วนตัวผู้เยาว์ที่พอเหมาะพอควรและอาจจะมอบให้ให้ไปให้ได้ แล้วดำเนินการร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้ความเกื้อกูลเยาวชนลูกกำพร้า

                6.)           บอกกล่าวให้ผู้อุปการะผู้เยาว์ลูกกำพร้าทราบ และส่งรายงานแจ้งสถานอนุเคราะห์ให้มอบเด็กแก่ผู้ขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า

                7.)           ในเหตุที่ผู้ขอความเกื้อกูลเยาวชนกำพร้ามีคุณสมบัติไม่เหมาะสม จะแจ้งให้ผู้ขออุปถัมภ์ลูกปรากฏชัดเป็นคู่มือ

                8.)           ตามการดูแลผู้เยาว์ลูกกำพร้าในปีแรกเยี่ยมทุก 2 เดือน ในปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความเหมาะสม

 

  1. ผู้แสดงความมุ่งหวังขอความเกื้อกูลเยาวชนลูกกำพร้าถูกทิ้งขว้างซึ่งมีผู้เลี้ยงดูไว้ในครอบครัว

                1.)           รับเปลาะ และถามไถ่ข้อมูลดั้งเดิม พร้อมตรวจทานเอกสารและให้ข่าวคราวต่างๆ

                2.)           สอบทานเยี่ยมเยียนที่อยู่ และสอบความจริงเกี่ยวกับสภาพชีพตามความควร และความเป็นจริงว่าด้วยประวัติความเป็นมาของผู้เยาว์กำพร้า

                3.)           ความที่เยาวชนกำพร้าไม่มีงานพิมพ์เอกสารสำคัญเกี่ยวกับตนเอง และผู้รับคุณลูกกำพร้าไม่จำนงส่งเยาวชนเข้าสถานที่ช่วยเหลือเพื่อดำเนินกิจการเรื่องใบสำคัญของลูก  ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้เกื้อกูลผู้เยาว์กำพร้า

                4.)           กรณีที่ลูกลูกกำพร้ามีชื่ออยู่ในระเบียนเรือนของผู้ขอแล้ว ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้ความเกื้อกูลผู้เยาว์ลูกกำพร้าและขออนุมัตินำชื่อเยาวชนกำพร้าเข้าไปมีอยู่ในความเลี้ยงดูของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                5.)           สถานที่สงเคราะห์เพิ่มชื่อเสียงเรียงนามเด็กกำพร้าเข้าทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเด็กกำพร้า

                6.)           ตามการอุปถัมภ์ค้ำชูลูกกำพร้า โดยในปีแรกต้องเยี่ยมเยียน 2 เดือน ต่อครั้ง และปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความพอควร

ขั้นตอนการดำเนินการขอให้ผู้เยาว์กำพร้าในสถานที่สนับสนุนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการแบบครอบครัวอุปถัมภ์

ดิฉันจะเห็นได้ว่า ขั้นตอนการดำเนินการขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า ไม่ยุงยากเลย แค่เพียงข้าพเจ้ามีใจคอที่คิดจะช่วยเหลือ เด็กเหล่านี้ก็จะได้ รับส่งเสีย แล้ว



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th

เงินบริจาค ลดหย่อนภาษี ได้เท่าไหร่

เงินบริจาค ลดหย่อนภาษี

ถึงเดือนมีนาคมแล้วใครมีสตางค์ได้เยอะ ๆ ก็เริ่มต้นจะหนาว ๆ กับการเสียภาษีอากรเงินได้รายปีการเสียภาษีอากรถึงแม้แบบกฎปฏิบัติบ่งชี้ชัดว่าบุคคลธรรมดาทั้งหมดมีกิจการงานต้องเสียภาษี ให้รัฐเพื่อใช้ในกิจจานุกิจของรัฐ ทั้งการนำไปใช้งาน การปรับปรุงหน่วยงานต่าง ๆ นำไปขยายประเทศด้านต่าง ๆ ถึงแม้จะมีเงินได้ลุเกณฑ์ หรือ ไม่ถึงเกณฑ์ก็ตามที เงินบริจาค ก็สามารถลดหย่อนภาษีได้อีกช่องทางหนึ่ง สำหรับผู้ที่มีอารมณ์ทางใจจะค้ำจุนคนอื่นก็อาจจะ นำเงินทองสละที่ได้เสียสละให้ที่ทำการต่าง ๆ เพื่อนำมาประกอบการลดหย่อนเงินภาษีได้ ตอนนี้คนอย่างดีฉันต้องเสียภาษี แต่จะทราบได้อย่างไรว่าต้องเสียเงินภาษีแบบอย่างไหน ปกติแล้ว รายการภาษีรายได้บุคคลธรรมดาจะมีอยู่ด้วยกัน สี่ แบบ คือ

 <a href=เงินบริจาค ลดหย่อนภาษี" width="500" height="410" />

เงินบริจาค ลดหย่อนภาษี

เงินภาษีรายได้บุคคลธรรมดา 90  หรือ ภงด.90 เป็นเงินภาษีที่จัดเก็บสำหรับผู้มีเงินได้ทุกลักษณะ นอกเหนือจากเงินเดือน เช่นอาทิ เงินปันผล ต้องยื่นแบบเสียภาษีอากร  ตั้งแต่ หนึ่ง ม.ค. ยัน 31 มีนาคม ของปีเงินภาษีที่ต้องจ่ายเช่น ได้รับเงินปี ห้าแปด ก็ต้องจ่ายภาษีอากรปี ห้าเก้า

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เก้าหนึ่ง กับ ภงด.91 จัดเก็บเพื่อผู้มีค่าตอบแทนรวมถึงเบี้ยบำนาญด้วย ต้องยื่นรูปแบบเสียภาษี  ตั้งแต่ หนึ่ง มกราคม จนถึง สามสิบเอ็ด มี.ค. ของปีเงินภาษีที่ต้องชำระ

ภาษีรายได้บุคคลธรรมดา เก้าสาม กับ ภงด.93 เรียกเก็บสำหรับผู้มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีล่วงหน้า อย่างเช่น เงินรายได้จากค่าเช่า

เงินภาษีรายได้บุคคลธรรมดา เก้าสี่ หรือ ภงด.เก้าสี่ จัดเก็บสำหรับผู้มีรายได้เฉพาะเช่น รายรับจากวิชาชีพอิสระ รายได้จากธุรกิจการพาณิชย์ ต้องยื่นแบบเสียภาษีอากรตั้งแต่ 1 เดือนกรกฎาคม ลุ สามสิบ เดือนกันยายน ของปีเงินภาษี

แล้วผมจะลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่หากดิฉันสละเงินให้องค์กรต่าง ๆ เงินทองลดหย่อนภาษีหากผมบริจาคจะหักลดหย่อนได้ สอง แบบคือ

1.การบริจาคเงินทองเพื่อให้อุดหนุนการเรียนรู้ พร้อมด้วยสถาบันการหาความรู้ต่าง ๆ  อาจนำมาหักลดหย่อนได้สูงถึง 2 เท่าของเงินตราพึงจ่ายที่จำต้องจ่ายเงินภาษี แต่กลับ  2 เท่านี้จะต้องไม่เกิน สิบ % ของเงินที่จำเป็นจะต้องแบ่งจริงหลังหักค่าลดหย่อนทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเพียงนั้น พร้อมกับอีกอย่างคือต้องเป็นสถานที่เรียนตามรายชื่อของประกาศกรมสรรพากรเท่านั้น ในกรุงเทพฯ ตัวอย่างโรงเรียน อาทิ

ร.ร. ทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดโบสถ์) โรงเรียน วัดโสมนัส ,รร. อนุบาลวัดปรินายก,โรงเรียน อนุบาลพิบูลเวศม์,รร. อนุบาลสามเสนฯ,รร. วัดพลับพลาชัย

เป็นต้น ถึงจะได้หักลดหย่อนภาษีเป็น 2 เท่า แต่ในเวลานี้มีเอกชน กับผู้คนน้อยรายที่ให้การช่วยเหลือ เงินบริจาคเพื่อลดหย่อนภาษีด้วยวิธีนี้ เพราะกระบวนการ พร้อมกับเงือนไขค่อนข้างยาก ใกล้เคียงว่า เยอะ จึงหันไป บริจาคให้ ที่ทำงานกับองค์กรต่าง ๆ แทน

2.การสละทั่วไป กับองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามจริงแต่จะต้องไม่เกิน สิบ เปอร์เซ็นต์ ของเงินที่จำต้องจ่ายจริงหลังหักค่าลดหย่อนทุกอย่างแล้วเพียงนั้น เช่นนี้ก็ต้องเป็นรายนามตามหมายประกาศของกรมสรรพากรเช่นกัน ตัวอย่างมูลนิธิต่าง ๆที่จะได้ส่วนลดเอามาหักได้อย่างเช่น องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ) ,มูลนิธิเพื่อเด็กไทย ,มูลนิธิชัยพัฒนา,มูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย เป็นต้น



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/give_monthly_donation_th

มนุษย์เงินเดือนยืดหยุ่นเงินภาษีอะไรได้บ้าง

ลดหย่อนภาษี

ตามกฎหมายแล้ว บุคคลที่มีรายได้ทั่วๆไปมีหน้าที่ที่ต้องเสียภาษีอากรบุคคลธรรมดาตามที่ข้อบัญญัติบัญญัติ  เพื่อที่รัฐบาลจะได้นำเงินส่วนนี้มาใช้ในการดำเนินการและพัฒนาประเทศ เชื่อว่าหลายๆคนคงกำลังมองหาวิธีผ่อนปรนภาษีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินส่วนนี้ถ้วน ก่อนที่จะทำการลดหย่อนภาษีเราต้องมาเรียนรู้ก่อนว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีอากรนั้นมีอะไรบ้าง

ในทุกๆปีจะมีการคำนวณเงินได้ทั้งปีและภาษีอากรที่แต่ละบุคคลนั้นต้องชำระ อัตราภาษีจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่เงินได้สุทธิของแต่ละบุคคลในแต่ละปี ซึ่งอัตราภาษีอากรนั้นเราสามารถทำการลดหย่อนได้ สิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นก็มีให้เลือกหลายประเภท ได้แก่

 

 ลดหย่อนภาษี

ลดหย่อนภาษี

ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล

สามารถผ่อนปรนได้เต็มจำนวน 30,000 บาท สำหรับผู้ที่มีเงินได้ทุกคนสามารถใช้สิทธินี้ได้เต็มๆ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ

ค่าผ่อนปรนคู่ชีวิต

กรณีที่คู่สมรสที่ไม่มีเงินรายได้ หรือเลือกยื่นแบบแสดงรายการรวมกัน จะได้สิทธิลดหย่อนเพิ่มอีกจำนวน 30,000 บาท โดยมีเงื่อนไขคือ คู่สมรสต้องมีการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามนิติ หรือคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้ระหว่างปี

ค่าลดหย่อนบุตรธิดา และค่าลดหย่อนการศึกษาบุตร

บุตรตามกฎหมายหรือลูกเลี้ยงสามารถลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท ใช้หักสูงสุดได้ไม่เกิน 3 คน โดยบุตรต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี แต่ถ้าอายุระหว่าง 20 - 25 ปี ต้องเล่าเรียนในระดับ ปวส. ขึ้นไป สำหรับบุตรที่กำลังศึกษาภายในประเทศจะได้ค่าผ่อนปรนเพิ่มอีกคนละ 2,000 บาท โดยระดับการศึกษาจะคือชั้นอนุบาลจนถึงปริญญาเอก และบุตรต้องไม่มีรายได้ในปีภาษีนั้นๆเกิน 15,000 บาท จึงจะสามารถทำการผ่อนปรนได้

ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา

สำหรับผู้มีรายได้ที่มีพ่อแม่อายุตั้งแต่ 60 ปีเป็นต้นไป และมีเงินรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท โดยผู้มีเงินได้ที่จะใช้สิทธินี้ต้องเป็นบุตรที่แท้จริง หรือลูกบุญธรรมที่ถูกต้องตามข้อบังคับ โดยสามารถหักลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท แต่ถ้าพ่อแม่มีบุตรหลายคน สามารถใช้สิทธินี้ได้กับบุตรแค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้สิทธิซ้ำกันได้

ค่าประกันลูกกตัญญูรู้คุณ

ผู้มีรายได้ที่ซื้อ “ประกันลูกรู้คุณ” ซึ่งเป็นประกันสุขภาพให้กับพ่อแม่ สามารถนำเบี้ยประกันส่วนนี้มาหักผ่อนปรนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยที่บิดามารดาต้องมีอายุไม่ถึง 60 ปี และมีเงินรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท

ค่าอุปการะส่งเสียผู้พิการ

สำหรับคนที่ต้องเลี้ยงดูผู้ทุพพลภาพ ที่มีเงินได้ปีละไม่เกิน  30,000 บาท สามารถนำลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาท โดยผู้ส่งเสียและผู้ทุพพลภาพไม่จำเป็นต้องเป็นเครือญาติกันก็ได้ แต่ผู้พิการต้องมีบัตรคนพิการรับรองตามกฎหมายและผู้อุปการะต้องอยู่ในรายชื่อผู้ปกครองในบัตรผู้พิการนั้นด้วย จึงจะสามารถทำการผ่อนปรนได้

เงินบริจาคสาธารณกุศล

สามารถนำมาลดหย่อนได้เท่ากับปริมาณที่จ่ายจริง ยิ่งถ้าเป็นการบริจาคเงินเพื่อการศึกษาเล่าเรียนแล้ว สามารถนำมาหักผ่อนปรนได้ถึง 2 เท่า ของจำนวนที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินคงเหลือจากการหักค่าลดหย่อนอื่นๆและค่าใช้สอยแล้ว

กองทุนสำรองดำรงชีพ

เป็นเงินที่ลูกจ้างและนายจ้างตกลงสะสมร่วมกัน โดยลูกจ้างจะจ่ายเงินที่เรียกว่าเงินสะสม และนายจ้างจะจ่ายเงินอุดหนุนให้ลูกจ้างอีกในทุกๆเดือนรวมกัน บริษัทจะดำเนินงานเงินส่วนนี้โดยการนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ และจะจ่ายคืนให้กับลูกจ้างเมื่อลาออกหรือเกษียณ เงินส่วนนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เท่ากับจำนวนที่จ่ายจริงรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุน RMF

เป็นเงินเงินทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ สนับสนุนการออมเงินระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุน LTF

เป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว เพื่อส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหุ้นจดทะเบียน สามารถนำไปผ่อนปรนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

ประกันเบี้ยบำนาญ

สามารถนำเบี้ยประกันมาผ่อนปรนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และเงินออมเข้ากองทุนสำรองดำรงชีพหรือกองบำเหน็จบำนาญราชการ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และประกันเบี้ยบำนาญที่นำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ ต้องมีช่วงเวลาในการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป

ประกันชีวิต

นำมาลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยสัญญาประกันชีวิตต้องมีเวลาในการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป ในกรณีที่ไม่มีรายได้สามารถใช้ลดหย่อนได้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น

ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านพักอาศัย

สำหรับผู้ที่มีภาระในการผ่อนบ้านหรือบ้านพักอาศัย สามารถนำดอกเบี้ยจากการกู้เงินไปลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท ในกรณีที่มีผู้กู้ร่วมหลายคน สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ทุกคนแต่ต้องรวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท

จะเห็นว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นมีให้เลือกหลากหลายรายการ ก่อนทำการจ่ายภาษีทุกครั้งอย่าลืมที่จะตรวจเช็คกันก่อนนะคะว่าตัวคุณเองสามารถใช้สิทธิผ่อนปรนภาษีอะไรได้บ้าง เพื่อเป็นผลประโยชน์ของตัวคุณเอง จะได้เสียภาษีลดน้อยลงหรือได้เงินคืน มีเงินเหลือไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ มากขึ้น

 



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/give_monthly_donation_th

เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

สิทธิเด็ก

คำกล่าวที่ว่า เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า หรือ เด็กเปรียบเหมือนผ้าขาว เราต้องการให้ผ้านั้นเป็นสีอะไร ก็อยู่ที่ผู้ใหญ่จะระบายลงไป แต่ทว่าเด็กบางคน เขาเกิดมาในสังคมและสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน บ้างอาจจะเกินมาในสังคมที่ดี บ้างอาจจะเกิดมาในสังคมที่โหดร้าย นั้นทำให้มีการเกิดสิทธิเด็ก(Right of the Child)ขึ้นมา เพราะเด็กทุกคนที่เกิดมา ต่างต้องการความรักความเอาใจใส่จากทั้งพ่อและแม่ หรือกระทั้งผู้ใหญ่ในสังคม การที่จะให้เด็กเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ ผู้ใหญ่ก็ต้องปฎิบัติต่อเด็กเป็นเหมือนเป็นมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งเด็กในที่นี่ หมายถึงบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า18ปี สิทธิเด็กนี้ต่างลงความเห็นว่าทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามกฏหมาย โดยการร่วมรวบรวมรายชื่อ ว่าให้วันที่ 20 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น ‘วันสิทธิเด็กสากล’ เพื่อให้ทุกคนให้ความสำคัญและใส่ใจกับสิทธิแก่เด็กกันมากขึ้น

 <b>สิทธิเด็ก</b>

สิทธิเด็ก

กลุ่มของสิทธิเด็กจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน ได้แก่

  1. กลุ่มสิทธิทั่วไปที่เด็กควรได้รับ

เป็นกลุ่มของเด็กตามปกติ ที่ต้องได้รับการดูแลและส่งเสริมการพัฒนาให้เป็นไปตามวัย และจะต้องไม่มีการเลือกปฎิบัติโดยเด็ดขาด

  1. กลุ่มสิทธิสำหรับกลุ่มเด็กที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

คือกลุ่มเด็กที่ได้รับการทารุณ ได้รับความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางกายและทางจิตใจ ไปจนถึง เด็กที่เกี่ยวข้องกับการประพฤติตนด้วยความผิด ซึ่งกลไกของกฏหมายกลุ่มนี้ จะให้สิทธิในการตัดสิน และช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ พฤติกรรมของเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเปลี่ยนมุมมองความคิดและกลับมาใช้ชัวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข

          กฏหมายสิทธิเด็ก มีที่มาจากอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก(Convention on the Rights of the Child) ซื่งเป็นกฏหมายระหว่างประเทศที่ได้รับกำหนดให้เป็นแบบเช่นเดียวกันหมดในทุกๆรัฐภาคี โดยที่กำหนดเอาสิทธิพื้นฐานเอาไว้ 4 ประการ ได้แก่

  1. สิทธิการมีชีวิตรอด(Right of Survival) กล่าวคือ เด็กทุกคนเมื่อเกิดมา มีสิทธิที่จะใช้ชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ผิดปกติหรือไม่สมบูรณ์ก็ตาม โดยที่เด็กต้องถูกพาไปจดทะเบียนการเกิดตั้งแต่แรกเกิดและได้รับสิทธินี้ได้โดยปริยาย รวมไปถึงสิทธิที่จะได้รับการเลี้ยงดูทั้งทางร่างกาย(มีสิทธิที่จะได้รับอาหารในปริมาณที่เพียงพอและสะอาด) สภาพจิตใจ ตลอดจนบ้านพักอาศัยที่ต้องให้ความปลอดภัยความปลอดภัย โภชนาการและการบริการทางการแพทย์(การได้รับสิทธิวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ)
  2. สิทธิได้รับการปกป้องคุ้มครอง(Right of Protection) เป็นสิทธิที่เด็กจะได้รับการปกป้องคุ้มครองให้รอดพ้นจากการทารุณทุกรูปแบบ เช่น การทารุณทางกาย สภาพจิตใจ ทางเพศ และการใช้แรงงาน ที่ได้รับผลประโยชน์จากการทำงานของเด็ก ทำให้เด็กขาดการเรียนรู้และการพัฒนา ไม่ว่ามาจากจากบิดา มารดา หรือไม่ว่าจะมาจากผู้ใดก็ตาม อีกทั้งสิทธินี้ยังครอบคลุมไปถึงเด็กที่ลี้ภัยจากอันตรายเข้ามาในประเทศของรัฐภาคี ก็ต้องได้รับการคุ้มครองด้วยเช่นกัน
  3. สิทธิในด้านพัฒนาการ(Right of Development) เด็กทุกคนที่เกิดมา ได้จะรับสิทธิให้ได้รับความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม ตลอดจนความพึงพอใจและความสุข การมีกิจกรรมร่วมกันกับคนในครอบครัว หรือของโรงเรียน และเด็กต้องได้รับการศึกษาที่ดี ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี ได้รับอาหารที่มีประโยชน์ที่เหมาะสมกับวัย ได้รับการเล่นสนุก การพักผ่อน และรับรู้ข่าวสารอย่างมีอิสระ
  4. สิทธิการมีส่วนร่วม(Right of Participation) เป็นสิทธิที่ให้ความสำคัญแก่เด็กเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ คือ เด็กมีสิทธิแสดงออกทั้งด้านความคิดและการกระทำ สามารถเรียกร้องสิทธิในการคุ้มครองผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนได้ และอนุญาตให้เด็กมีส่วนร่วมให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับตนเองโดยความคิดนั้นต้องไม่กระทบกับสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นด้วย ในกฏหมายของเราเองก็เช่นเดียวกัน พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ได้บัญญัติหลักเกณฑ์ในการสงเคราะห์คุ้มครองสวัสดิภาพและคุ้มครองการละเมิดสิทธิเด็กไว้หลายประการ ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของเด็กตามที่กล่าวไปข้างต้น

การปกป้องคุ้มครองเด็ก กฏหมายได้ทำการกำหนดหน้าที่ของผู้เป็นผู้ปกครองและผู้ที่ญาติเอาไว้อย่างชัดเจน ผู้ใดที่ละเมิดข้อกำหนดเหล่านี้ย่อมมีโทษทั้งทางปกครองและทางอาญา โดยผู้ปกครองต้องไม่กระทำการดังต่อไปนี้

  • ทอดทิ้งเด็กไว้ในสถานที่รับเลี้ยง หรือ สถานพยาบาล หรือไว้กับบุคคลที่รับจ้างเลี้ยงเด็ก หรือ ในที่สาธารณะ หรือ สถานที่ใดๆก็ตามแต่โดยมีเจตนาที่จะไม่รับเด็กกลับมา
  • ละทิ้งเด็กไว้ในสถานที่ใดๆ โดยไม่จัดให้มีการป้องกันดูแลสวัสดิภาพ หรือ ให้การเลี้ยงดูที่เหมาะสม
  • จงใจหรือละเลยไม่ให้สิ่งที่จำเป็นแก่การใช้ชีวิต สุขอนามัยจนอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
  • ปฏิบัติต่อเด็กในแบบที่เป็นการขัดขวางการเจริญเติบโต หรือ พัฒนาการของเด็ก
  • ปฏิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการเลี้ยงดูโดยไม่ถูกต้อง

แนวทางการแก้ไขการละเมิดสิทธิของเด็ก คือการทำให้ครอบครัวเกิดความอบอุ่นโดยการให้ความรัก การดูแลที่ดี การปลูกฝังความคิดที่ดี จริยธรรมให้กับคนในสังคม เพราะเด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน การที่ตัวเด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้นั้น ก็ต้องมีผู้ใหญ่ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆได้ ฉะนั้นแล้วผู้ใหญ่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก เช่น การพูดจาอ่อนโยน ใช้หลักเหตุและผลในการพูดคุย ไม่ทอดทิ้ง ไม่ใช้อารมณ์ และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเด็ก ให้กำลังใจเด็กที่กำลังประสบปัญหา ไม่ใช่แค่เฉพาะพ่อแม่ แต่ควรจะเป็นผู้ใหญ่ทุกคน และคนในสังคมเองก็ควรที่จะช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยสามารถแจ้งเบาะแสการทารุณเด็กให้กับเจ้าหน้าที่ทราบ

หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือเด็ก ในปัจจุบัน มีหน่วยงานช่วยเหลืออยู่มากมาย อาธิเช่น

  1. มูลนิธิคุ้มครองเด็ก จัดตั้งเพื่อให้เด็กได้รับการปกป้อง คุ้มกัน ช่วยเหลือ ฟื้นฟู และพัฒนาให้เด็กไทยที่ประสบภาวะทุกข์ยาก หรือถูกทอดทิ้งในสังคม
  2. มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก เป็นอีกหนึ่งโครงการของมูลนิธิเด็ก ที่ได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิศูนย์พิทักษ์เด็ก เพื่อวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ ปกป้อง คุ้มครองเด็กที่ถูกละเมิดสิทธิตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี และคุ้มครองตั้งแต่เรื่องการถูกทำร้ายร่างกาย การถูกละเมิดทางเพศ การล่อลวงบังคับให้ค้าประเวณี การใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรมไม่ถูกต้อง
  3. มูลนิธิปวีณา หงสกุล เป็นมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็กและสตรีด้อยโอกาส ที่ถูกสะเมิดสิทธิ ถูกทารุณในทุกรูปแบบ ไปจนถึงการช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ

และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีกฏหมายข้อบังคับออกมาคุ้มครองเด็กมากขึ้นแล้ว แต่บุคคลสำคัญที่มีส่วนช่วยให้เด็กเติบโตขึ้นมาเป็นพลเมืองที่ดีของชาติได้นั้น มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ครอบครัวนะคะ



ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th

ภาษีสรรพสามิตปฐมที่ควรรู้

ภาษีอากร

การเสียสรรพากรเป็นหน้าที่ที่พึงต้องปฏิบัติในฐานะที่เป็นราษฎรของประเทศชาติที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง นอกจากบุคคลธรรมดาทั่วไปมีหน้าที่ต้องไปเสียภาษีอากรแล้ว สมาคมทางธุรกิจก็มีหน้าที่ดังกล่าวเช่นเดียวกัน แต่จะมีความซับซ้อนในแง่ของรายละเอียดเนื้อหาที่เพิ่มมากขึ้นจากบุคคลธรรมดาอยู่ซักหน่อยแต่ก็ไม่ใช่สิ่งขัดขวางในการเรียนรู้ในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องของภาษีนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่เจ้าของธุรกิจรายใหม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจและทำความเข้าใจให้ชัดเจนเสียก่อน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจโดยตรง ทั้งยังมีผลในทางนิติในการทำธุรกิจอีกด้วย โดยเรื่องประกอบของภาษีเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมีดังนี้

ภาษีอากร

ภาษีอากร

ความหมายของภาษี

ภาษี หมายถึงเงินที่เรียกเก็บจากประชาชนเพื่อนำไปวิวัฒน์ประเทศ ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภทคือ ภาษีทางตรง เป็นภาษีที่เก็บจากประชาชนที่มีรายได้จากการประกอบอาชีพและภาษีที่ได้จากการประกอบกิจการทางพาณิชย์ บริการ และอุตสาหกรรม และภาษีทางอ้อม เป็นภาษีที่เก็บจากประชาชนเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประชาชนทุกคนจำเป็นที่จะต้องเสียภาษีเพราะผลประโยชน์ของการเสียภาษีจะกลับมาตอบแทนประชาชนใน 2 รูปพรรณสัณฐานคือ 

  1. นำไปแบ่งเงินเดือนให้ข้าราชการเพื่อให้บริการประชาชนและใช้จ่ายเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ของสถานที่ราชการต่างๆ
  1. นำมาใช้ในการงอกงามประเทศ เช่น สร้างถนน สร้างโรงเรียน เป็นต้น ประเภทของภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ภาษีที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจมีอยู่มากมายหลายประเภท

แต่ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเพียง 2 ประเภทเท่านั้น คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีนิติบุคคล เหตุผลก็เนื่องมาจากมีความเกี่ยวข้องกับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ ที่กิจการยังไม่มีขนาดกำยำมากนัก จึงเข้าเกณฑ์ของภาษีทั้ง 2 ประเภทนี้มากที่สุด ซึ่งข้อปลีกย่อยของภาษีทั้ง 2 ประเภทมีดังต่อไปนี้

- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากบุคคลธรรมดาทั่วไป ตามที่ข้อบังคับบัญญัติและมีรายได้เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเจ้าของกิจการหรือธุรกิจอะไรก็ตามแต่ ที่มีตัวเองเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว จะเข้าข่ายอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีประเภทนี้ โดยปกติจะทำการจัดเก็บเป็นรายปี โดยรายได้ที่เกิดขึ้นในปีใดๆก็ตาม ผู้มีเงินรายได้ต้องนำไปยื่นแสดงโพยภาษีที่กำหนดในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมของปีถัดไป

- ภาษีเงินได้นิติบุคคล

คือ ภาษีอากรประเภทหนึ่งที่ข้อกำหนดไว้ ซึ่งจะเรียกเก็บจากนิติบุคคล ที่มีความหมายถึงการรวมตัวกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในการลงทะเบียนเพื่อก่อตั้งกลุ่มขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจการค้าอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งในที่นี้หมายถึงห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด ฯลฯ ด้วยเป็นต้น

กฎระเบียบในการคิดเงินภาษีจากผู้ประกอบการค้างาน

เกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีเงินได้ในภาษีแต่ละวรรณะมีความแตกต่างกันออกไป โดยวินัยการเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่เป็นผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจแต่เพียงผู้เดียวจะต้องไปเสียภาษีตามมาตรฐานดังนี้คือ กรณีไม่มีคู่สมรสและมีเงินได้ที่ประเมินแล้วเกิน 30,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคมจะต้องเสียภาษี ถ้าน้อยกว่านี้ได้รับการละเว้น กรณีมีคู่สมรสต้องมีเงินได้ที่รวมกันแล้วเกิน 60,000 บาท และห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคลถ้ามีเงินได้เกิน 30,000 ก็ต้องเสียเงินภาษีเช่นกัน ส่วนภูมิหลังของภาษีเงินได้นิติบุคคลมาจากการคำนวณเงินได้ที่ใช้เป็นหลักพยานในการคำนวณคูณด้วยอัตราภาษีที่กำหนด ซึ่งเงินได้ที่ต้องเสียภาษีอากรเงินได้นิติบุคคลหรือฐานภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น ทั่วไปมักมาจากดอกผลสุทธิที่คำนวณตามข้อจำกัดที่กะเกณฑ์ แต่ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมจึงทำการบัญญัติการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากเงินได้ที่แตกต่างกันดังนี้ 1. กำไรสุทธิ 2. ยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย 3. เงินได้ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย 4. การจำหน่ายเงินกำไรออกไปจากประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งการคำนวนภาษีทั้ง 2 รูปแบบ ผู้ประกอบการสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.rd.go.th/publish/286.0.html

การยื่นแบบแสดงค่าธรรมเนียม

สำหรับเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คุณสามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา โดยต้องเติมเอกสารให้ครบถ้วนจากนั้นจึงยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด. 91 ส่วนค่าธรรมเนียมรายได้นิติบุคคล ถ้าอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.50 ,ภ.ง.ด.51,ภ.ง.ด.53,ภ.ง.ด.54 ได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในท้องที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ถ้าในเขตจังหวัดอื่นให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.50 ,ภ.ง.ด.51,ภ.ง.ด.53,ภ.ง.ด.54 ที่ว่าการอำเภอหรือ อำเภอท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่   แต่ในปัจจุบันการยื่นภาษีแสดงรายได้นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วและเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น โดยเปิดให้บริการยื่นแบบแสดงรายชื่อค่าธรรมเนียมผ่านทางอินเตอร์เน็ตโดยคลิกไปที่เว็บไวต์ http://rdserver.rd.go.th/publish/index.ph

ผู้ผลิตควรตระหนักไว้ว่าเงินเงินภาษีที่จ่ายออกไปนั้นจะมีส่วนช่วยพัฒนาประเทศชาติให้เจริญมั่นคงมากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดผลดีก็จะมาตกอยู่กับตัวผู้สร้างนั่นเอง ดังนั้นการจ่ายภาษีจึงเป็นหน้าที่ที่ฝูงชนเต็มขั้นพึงกระทำ อย่าได้คิดพยายามบ่ายเบี่ยง  หรือหาระยะห่างทางกฎหมายที่จะไม่จ่าย เพราะการเสียสรรพากรคือหน้าที่ของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินที่ดีที่ควรวางตนกันเป็นประจำทุกปี



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th

unicef children เส้นทางอันแสนขมขื่นของเด็ก ๆ

Unicef Children

unicef children ประหนึ่งจะเป็นการเน้นว่ามีขึ้นมาเพื่อให้ โพนทะนาการวางตัวที่ไร้ความรับผิดชอบของคุณพ่อคุณแม่ที่นับวันจะทวีคูณความร้ายแรงเพิ่มขึ้น  ผ่านการชี้แจงของผู้เยาว์ ที่อยู่อย่างทุกข์ยากปราศจากช่องทางแม้มองเห็นหน้าบุพการี unicef children หรือ กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ เอาแบบที่รู้ความหมายกันง่าย ๆ ก็ ยูนิเซฟ องค์กร ลำดับที่ 315 ตามประกาศกระทรวงการคลัง ที่มีขึ้นเพื่อให้ส่งเสริมสนับสนุน ช่วยเหลือ ขยาย สุขภาพอนามัย ชีวิตความเป็นอยู่ ของเด็ก  แนวทำงาน unicef children  จะเน้นการลงพื้นที่ พร้อมด้วย อาสาสมัคร  ที่มีสมาชิกอยู่ยิ่งกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ในเมืองไทยมีท่านนายก อานันท์ ปันยารชุน เป็นทูตยูนิเซฟ ทูตพิเศษของเมืองไทย เป็น คุณ แอน ทองประสม, เคน ธีรเดช,คัทลียา แมคอินทอช ,พอลล่า เทย์เลอร์ , นิชคุณ หรเวชกุล ทำหน้าที่ ช่วยรณรงค์สิทธิเด็ก ช่วยระดมทุนพร้อมด้วยอุดหนุนการทำงานของ unicef children

 Unicef Children

Unicef Children

                unicef children ต้องดำเนินการหนักขึ้นเจียนจะทุกเมื่อเชื่อวันก็งานมันยิ่งขึ้นตลอดเวลา ผมเห็นกันอยู่บ่อย ๆ กรณีเยาวชนถูกไม่ไยดี ตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ อันนี้ยังไม่นับที่ไม่เป็นข่าวคราวอีกไม่รู้เท่าไหน ยังกับกับว่ายิ่งแก้ปัญหาก็ไปทำให้ปมปัญหามันมากขึ้นทวีคูณตลอดเวลา ช่วงนี้ unicef children ก็ได้เพิ่มการส่งเสริมการให้ข่าวคราวเนื่องด้วย ไข้หวัดนกมากขึ้นมา ณ เวลานี้ ก็น่าจะมากขึ้นความเอาใจใส่ในเรื่องราวไข้เลือดออกหลังจาก ข้อมูล ปอ ทฤษฎี สหวงษ์ ดาราขวัญใจมหาชนของกระผมถึงแก่ชีวิตไป จะเห็นว่า งานของ unicef children ขยายทุกเมื่อเชื่อวัน เอาเฉพาะเรื่องราว AIDS ก็รับมือกันไม่หวาด ไม่ไหว   เนื่องจากเวลานี้มันเกิดปมปัญหาแนวนี้ได้ง่าย เหตุผลหลักก็ทั้งนี้เพราะเยาวชนมี โลกOnline เป็นเพื่อน ทั้ง ๆที่ ผู้เยาว์มีพ่อแม่อยู่ที่บ้านเรือน แต่ เปรียบเสมือนจะอยู่กันคนละมุม ยิ่ง พ่อแม่วัยหนุ่มสาวพักนี้ ที่มี face book เป็นเพื่อนเหมือน ๆกันกับ ลูกเต้า เพียงแค่ ดิฉันรับฟังเสียง เยาวชนซักนิด ปัญหานี้ก็จะลดลดน้อยลง เด็ก ที่จะออกมาเป็น เด็กแว้น - สก๊อย ที่เห็นข่าวกัน ทหาร ผสานตำรวจ ปิดสะพาน เพื่อที่จะล้อมจับ เด็กแว้น - สก๊อย กว่า สี่ร้อย คนเลยที่เดียว

Unicef Children

Unicef Children

ปัญหาที่ไม่จบสิ้นสังคมไทยมานาน และทำท่าว่าจะมากมากขึ้นเพิ่มมากขึ้นเป็นประจำ  “ เอดส์ “ ในภาพรวมแล้วปัญหาตรงนี้จักบางลงแต่ก็กลับเพิ่มขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น กับกลุ่มที่แพร่เชื้อได้มาก  ทันทีที่ติดเชื้อแล้วแทนที่จะมีการดูแลรักษาก็กลับช่วยแพร่กระจายเชื้อไปสู่ถิ่นอื่นๆด้วยยังกะจะแจ้งให้วงการปรากฏชัดว่าอย่าได้ขับไล่เขาทั้งหลายไปไหน พวกเขาทั้งหลายยังอยู่ หากแม้การงาน ของ unicef children จะมีข้อความสำคัญเรื่อง การบำรุง พร้อมด้วยให้ความอนุเคราะห์ เยาวชนจากเชื้อHIV พร้อมกับโรคภูมิคุมกันบกพร่อง ก็ตามที ปัญหาก็ยิ่งแพร่กระจายเหมือนไม่เห็นปัญหาที่จริงๆ ทั้งๆ ที่ว่าความยากจนข้นแค้นจะเป็น เหตุหนึ่ง แต่ โลกออนไลน์ ก็มีส่วนเป็นอย่างยิ่งที่ทำเอามันแผ่กว้างออกไป สำหรับมันง่าย พร้อมทั้งรวดเร็วทันใจ เสมอเหมือน HIV ที่มันก็ไม่ยาก และรวดเร็วทันใจเช่นเดียวกัน  เยาวชนข้างถนนที่มีเท่านั้นสมาร์ทโฟนไว้ค้าบริการทางเพศ กับเข้าใช้บริการ ร้าน อินเทอร์เน็ต ก็ทำมาหากินกับร่างกายของตัวเองได้แล้ว ที่ยอดนิยมก็คงเป็นตัวเมืองเที่ยวต่าง ๆ หากมีโชคเจอะ ผู้ใช้ที่มีเงินหน่อยก็ใส่คอนดอม หากเป็นผู้บริโภคที่แค่ต้องการ เซ็กส์ ก็ดวงไม่ดีไปที่ไม่ใช้ถุง สุดท้าย ก็ติดเชื้อ โดยไม่มีสติ และยิ่งแพร่ระบาดไปสู่คนอื่น ๆ ไม่เว้นกระทั่งผู้สูงอายุที่มีความเข้าใจ หรือการหากิน ของนักเรียนหญิงต่าง ๆ ไซด์ไลน์ ที่คนทำมาหากินพอใจนักชอบหนา ว่ามันสดใหม่น่าลิ้มรส ในที่สุดก็เกิด ปัญหาทั้ง ลูกหลานปราศจากบิดามารดา เอช ไอ วี พร้อมทั้งปมปัญหาสังคม   unicef children คงมิได้เข้าเลี้ยงดูได้อย่างทั่วไป หากครัวเรือนไม่ยอมรับฟังหรือ เป็นที่ตัวอย่างผู้เยาว์เองก็ไม่รู้เรื่อง โดย ช่วงวัยเอ๊าะ ต่างก็ต้องประสบความท้าทายก่อนจะเป็นผู้ใหญ่ ใครผ่านมิได้ก็จบ

 Unicef Children

ทางอันแสนขมขื่นของเด็กในวันนี้ กับกิจการงานของ Unicef เด็ก ถึงแม้ในสยามจะประกอบด้วย บุคลากรอยู่กว่า 30 คนก็ตามที และอีกกว่า 30 หน่วยงานที่เข้ามาค้ำจุน unicef children เพื่อให้ผู้เยาว์ได้มีชีวิตที่ก้าวหน้า อาจช่วยเหลือ พร้อมด้วย อยู่ในสังคมได้อย่างสงบ จากวันเด็กที่ผ่านมา unicef children ได้ทวงให้เยาวชนมีปากมีเสียงในสังคมมากขึ้น ตามอนุสัญญาของ unicef children ที่ได้ระบุว่า เด็กมีอำนาจอันชอบธรรมที่จะถกเถียงอย่างเสรีที่ไหนก็ได้ แต่ สังคมบ้านกระผมถ้าไม่แก่จน หัวขาว ไม่ค่อยมีใครได้ยินสำเนียงปัญหาจึงตามมาแบบนี้ ทั้งนี้เพราะมองกันไปคนละทาง คนชราบ้านเมืองเราก็คิดดีหวังจะให้ผู้เยาว์ได้สิ่งที่ดีเลิศ แต่ไม่ได้สอบถามคนรับเลยว่ามุ่งหมายอะไร ผู้สูงวัยต้องการให้เด็กกำพร้าได้มีสถานสงเคราะห์ แต่ตรงนั้นก็ได้ประทุษร้าย และผลักดันให้เด็กต้องอยู่คนเดียว ไสให้ผู้เยาว์ต้องพบชีวีแบบฝ่ายเดียว มีเหตุศึกษาเล่าเรียนเหลือล้นที่ เราๆไม่อยากสำนึกพร้อมทั้งในที่สุดคือพูดว่าเด็กๆพวกนั้นว่าไม่ดี หนีไปแล้ว ไม่เชื่อตาม หรืออีกร้อยแปดพันสาเหตุที่นำมาบอกอ้างโดยที่เด็กปราศจากสิทธิมีเสียงในการสวนตอบ เพราะว่าในที่สุดก็ไม่มีใครฟังอยู่ดี นี่คือสังคมประเทศไทยของเรา unicef children ได้มุ่งเน้นในเรื่องราวมุ่งหวังให้ทุกคนรับฟังน้ำเสียงของพวกเขา ให้เขาได้พูดคุยได้ถกเถียง และ เคารพในการตกลงใจ ของผู้เยาว์ทวีคูณ เพื่อลดปัญหาต่าง ๆมากมายที่จะอุบัติขึ้นแค่เพียงฉันฟังน้ำเสียงพวกเขาแค่เพียงน้อยมากก็ยังดี

 Unicef Children

ปัจจุบัน มีเยาวชนถึง 16 ล้านคนที่ กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติผู้เยาว์บอกว่า เกิดมาท่ามกลางศึกสงคราม นี่แค่ปี 2558 หนึ่งปี ก็คิดเป็น หนึ่ง ใน 8 ของเด็กแรกเกิดทั่วโลกมันก็ชี้ให้เห็นว่า จะมากขึ้น  และสุดท้ายคือการต้องเคี่ยวเข็ญให้ครอบครัวเคลื่อนย้ายถิ่นกำเนิด ประสบปัญหาทั้งการหาเลี้ยงตัว พร้อมทั้งการชุบเลี้ยงผู้เยาว์ในคราวหน้า unicef children หวังว่า ปมปัญหาต่าง ๆเหล่านี้จะน้อยลงได้ก็ต้องมีความร่วมมือกับทุก ๆฝ่าย พร้อมด้วยต้องได้รับการเกื้อหนุนที่ดีแก่ unicef children ด้วย



ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

องค์การยูนิเซฟ ภาระของใคร

องค์การยูนิเซฟ

องค์การยูนิเซฟ ตั้งมากับมีเป้าประสงค์ที่ พึงประสงค์ให้คุณภาพของเยาวชนดีขึ้น ครั้งแรกๆ  ที่เริ่มทำมี องค์การยูนิเซฟ ขึ้นนั้นสาเหตุหลักก็มาจากผลกระทบกระเทือนจากWW II ทั่วถึงทั้งทวีปยุโรปพร้อมกับเอเชียผู้เยาว์ ต้องพบกับสถานะที่เป็นอยู่อดโซ โรคระบาดที่ยิ่งทวีความป่าเถื่อนขึ้นทุกทีทุกทีจากความกระทบกระเทือนของสงครามโลก ตอนหลังในปี 1946 องค์การยูนิเซฟก็ได้ริเริ่มตั้งขึ้น หลังสงครามจบแล้ว หนึ่ง ปี ภายใต้ชื่อ United Nations International Children's Emergency Fund โดยสมัชชาสามัญแห่งองค์การสหประชาชาติได้ร่วมกันลงนามรับรองให้มี UNICEสากล ส่วนในเมืองไทย องค์การยูนิเซฟ  ได้จัดตั้งขึ้นหลังจากมี การรับรองการจดทะเบียนแล้ว สอง ปี   ด้วยในช่วงแรกจะเน้นหนักเรื่องโภชนาการพร้อมกับอนามัยเด็ก พร้อมด้วยดำเนินการเรื่อยมาจนช่วงปัจจุบัน UNICE ในไทยมีการทำกรอบข้อตกลงภายใต้ความร่วมมือของยูเอ็นและรัฐบาลไทยในช่วง ปี 2012 - 16 ซึ่งกรอบข้อกำหนดดังกล่าว จะมีความพ้องกับ แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 โดยเนื้อหาจำนวนมากจะเน้น คุ้มครองเด็ก ลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมกับรักษาสิทธิผู้เยาว์โดยมีกรอบการทำงานดังนี้

 องค์การยูนิเซฟ

องค์การยูนิเซฟ

การมุ่งเน้นความเสมอกันในสังคมสยาม ระหว่างชานเมืองและตัวเมืองใหญ่ อาทิความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอาหาร หนังสือ ยาแก้โรค

การมุ่งเน้นในสาระสำคัญกรณีความอ่อนไหวทางเพศ ชาย พร้อมด้วย หญิง ความต่างระหว่างเพศ

การมุ่งเน้นการวางตัวในแวดวงของ เด็ก พร้อมด้วยวัยรุ่น

การเน้นการสื่อสารเพื่อการพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อช่วยปรับปรุงอนามัย การเรียนรู้ โภชนาการ ดูแลระแวดระวังเด็ก

แผนฉุกเฉิน ที่จะสงเคราะห์ให้ความเกื้อหนุนผู้ประสบภัยทั้ง ก่อนกำหนด ระหว่างพร้อมทั้งหลังเกิดเหตุคับขัน

การช่วยระดมทุน สำหรับคือทุนสำรองในการเข้าถึงทุกการช่วยเหลือของ องค์การยูนิเซฟ ในภายภาคหน้า

องค์การยูนิเซฟ  ไทยมุ่งเน้นเป็นเป็นที่สุดที่จะให้เยาวชนและสตรีมีความเทียบเท่ากับทั้งหมดในเมืองไทย โดยมิต้องมีการขัดแย้งกันชนชั้น เผ่า กับ ศาสนา มุ่งให้ทั้งหมดยอมรับฟังเสียงเด็กเพิ่ม โดยจะเน้นภารกิจในเรื่อง

การเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน ของเด็ก สุภาพสตรี

การป้องกันเด็กที่การใช้ความป่าเถื่อน การทรมาน และร้ายกาจเด็ก

การพัฒนาการพร้อมกับความอยู่รอดของเด็กอ่อน

โรคโรคภูมิคุมกันบกพร่อง พร้อมด้วย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

การรณรงค์สิทธิเยาวชนสตรี

เพื่อ องค์การยูนิเซฟ  ในประเทศไทย สามารถติดต่อสื่อสารได้ที่ เลขที่ 19 ถนน พระอาทิตย์ แขวงบางลำภู เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

หรือติดต่อ 02-356-9499 Fax02-281-6032

องค์การยูนิเซฟ

องค์การยูนิเซฟ  ณประเทศไทยจะดำรงอยู่ได้ก็จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมจากหลาย ๆหน่วยงาน ณไทย องค์การยูนิเซฟ ทำการทำงานด้วยกันอย่างดีพร้อมรัฐบาลไทยในทุกระดับพร้อมกับแนวร่วม องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรศาสนา หน่วยงานยูเอ็น เพื่อให้กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ  ได้ดำรงอยู่และขับเคลื่อนองค์กรไปได้ เช่น

สปท.หรือสำนักงานปลัดกระทรวง ด้วยเข้าทำงานประสานพร้อมทั้ง องค์การยูนิเซฟ เน้น อารักษ์เยาวชนส่งให้มีศักยภาพลดการถูกรังแกของผู้เยาว์ การถูกแสวงประโยชน์จากเด็ก การละเลย ในช่วงเวลาเดียวกัน องค์การยูนิเซฟ  ก็ให้การสนับสนุน สปท. เรื่องการปรับปรุง คนของ สปท.ด้วยเพื่อให้ให้การทำงานเต็มความสามารถ

สท. หรือสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพเด็ก เพราะว่า สท. ดูแลกฎปฏิบัติพร้อมกับนโยบายเกียวกับเด็กการที่ องค์การยูนิเซฟ ได้ประสานมือกับ สท.จะได้เป็นกำลังหลักในการเพิ่มอารักษ์เด็กไปให้ถ้วนทั่วยิ่งขึ้น

สพฐ. หรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน องค์การยูนิเซฟ พร้อม สพฐ ได้ร่วมมือกันแก้การลงโทษผู้เยาว์ในสถานศึกษา พร้อมทั้งได้คลุกคลี พัฒนาแนวนโยบายต่าง ๆที่จะปกป้องเยาวชนในสถานศึกษา

กรมพินิจฯ ทำหน้าที่คลุกกับ องค์การยูนิเซฟ ในการรักษา ให้การช่วยเหลือเยาวชนที่ทำผิดกฎเกณฑ์ โดย องค์การยูนิเซฟช่วยเงินด้านวิชาการ ความรู้ และแนวทางอื่นๆที่จะระแวดระวังเยาวชนจากการกักขัง

กรมการปกครอง เข้าทำงานในส่วน การลงบัญชีการเกิดโดย องค์การยูนิเซฟ ได้เกื้อหนุนในเรื่องระบบสมองกลในการทำงานเพื่อให้ทันสมัย พร้อมด้วย สอดคล้องกับประจุบันเพิ่ม

ศบ.จอ.หรือศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ ในขึ้นอยู่กับของ กรมควบคุมโรค ที่ดำเนินหลักด้านเอดส์ ปฏิบัติการร่วมกันกับ องค์การยูนิเซฟ แนวหลักหลัก ๆ จะเป็นการระแวดระวังการแพร่ระบาดจากมารดาสู่เด็ก

กรมสุขภาพจิตเข้ากับ องค์การยูนิเซฟ นั้นจะให้ความช่วยเหลือในด้านจิตสังคมแก่ผู้เยาว์ที่อพยพเข้ามาเช่น ชาวโรฮิงญา

สศช.กับสำนักงานกรรมการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ ที่ขึ้นตรงต่อสำนักนายกฯ องค์การยูนิเซฟ ได้เข้าไปเข้าทำงานร่วมมือในการให้เงินตราเลี้ยงดูพร้อมกับศึกษาความแร้นแค้นไปพร้อม ๆกัน

สป.สช. กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็น คือหลักของ องค์การยูนิเซฟ เลยที่เดียวที่ทำหน้าที่เพิ่มปริมาณงานระบบออนไลน์ในการจดรายชื่อการเกิด

มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ พร้อม องค์การยูนิเซฟ ได้ร่วมมือกันพัฒนาอารักขาทางสังคมสำหรับผู้เยาว์ที่มีหนทางรับเชื้อ HIV

TDRI กับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย องค์การยูนิเซฟ ได้คลุกคลีกันทำความเข้าใจเศรษฐกิจในหลาย ๆด้านที่โดนกับเยาวชน

มหาลัยขอนแก่น  ด้วยมีคณะแพทยศาสตร์ ทำการทำงานคลุกคลีกับ องค์การยูนิเซฟ ในการช่วยเหลือเด็กที่ได้รับเชื้อ HIV พร้อมด้วยการเข้าถึงยาต้านภูมิคุ้มกันบกพร่อง

จุฬาลงกรณ์มหาลัย องค์การยูนิเซฟ ได้เกื้อกูล คณะนิเทศศาสตร์ ของมหาลัย สำหรับศึกษาเล่าเรียนการนำเสนอข่าวที่ยุ่งเกี่ยวกับเด็ก ในเรื่องต่างๆที่กระทบต่อเด็ก

มหาลัยธรรมศาสตร์ องค์การยูนิเซฟ ให้การเกื้อกูลทุนรอนพร้อมกับวิชาการแก่ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์  ของมหาลัย เพื่อสนับสนุนความชำนาญการทำงานคลุกคลีกับเยาวชนพร้อมด้วยครัวเรือน

มหาลัยมหิดล พร้อมทั้ง องค์การยูนิเซฟ ได้เห็นด้วยให้สำนักงานต่าง ๆได้เข้าใจแจ่มแจ้งในเรื่องอารักขาเยาวชนตั้งแต่ระดับท้องถิ่น เช่นว่า ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่ไม่ว่างเว้นมาถึงปมปัญหาผู้เยาว์ไม่มีพ่อแม่สอดส่อง จนในที่สุดก็กลายเป็นหนึ่งในขบวนการไฟใต้

                ข้าจะเห็นว่า องค์การยูนิเซฟ ได้เข้าไปมีส่วนเอาใจช่วยงานในหลาย ๆ ที่ทำการมากหน้าหลายตาหน่วยงาน ดังนี้โดยสาเหตุหลักก็จะเป็นเพื่อให้ช่วยเหลือ พร้อมกับ เกื้อกูลมอบให้เด็กมั่นคงแทบทั้งสิ้น นับจากที่ได้มี ยูนิเซฟขึ้นมาในไทย ปมปัญหาผู้เยาว์ได้ตั้งต้นลดน้อยลงเรื่อย ๆ แม้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมจะสวนทางกับการขยายก็ตามที ด้วยเหตุนี้กระผมจึงยังต้องต้องมี  “ องค์การยูนิเซฟ “ อยู่คู่สังคมสยามต่อไป



ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th

เตรียมใจก่อนบริจาค

บริจาค

จากคำสั่งสอนที่ว่า “ชีวิตคือการให้” ที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่เด็กจนใหญ่โต บ้างก็ต่างดูดซับและนำไปดัดแปลงในการดำเนินชีวิต บางคนก็เลือกคัดที่จะแบ่งให้กับคนรอบข้างอาจจะเป็นสมบัติ เงินทอง สิ่งของต่างๆ หรืออาจจะเป็นความจุนเจือในแบบแผนต่างๆ ซึ่งเราจะเรียกสิ่งนี้ว่า “น้ำใจ” นั่นเอง หรือเพิ่มปริมาณการให้ที่มากขึ้นในแบบของ “การบริจาค” ทั้งสิ่งของ เงิน ยามหรืออื่นๆ แล้วแต่เรื่องและสภาพการณ์ หากพูดถึงการบริจาคหลายๆ ท่านคงจะนึกภาพถึงการบริจาคสิ่งของเนื่องในยามต่างๆ เช่นน้ำท่วม ภัยแล้งหรือภัยพิบัติอื่นๆ หรือที่เราเห็นกันชินตากับการบริจาคสิ่งของ เงินทองไปตามมูลนิธิต่างๆ โรงเรียนตามเขตชายแดนที่ทุรกันดารที่พัฒนาการยังเข้าไม่ถึง เพราะถึงแม้ว่าจะปี 2558 แล้วก็ตามแต่สาธารณูปโภคขั้นต้นก็ยังไม่สามารถทั่วถึงในทุกสถานที่ทั่วประเทศไทย

            จากวิธีการให้ในหนทางต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น หากกล่าวถึง “การบริจาค” แล้วจะมีใครทราบบ้างว่าเราควรเตรียมความพร้อมอะไรบ้างก่อนบริจาคในแต่ละครั้ง บ้างอาจเกิดความเห็นต่างแค่คิดจะบริจาคแล้วจำเป็นต้องเตรียมตัวด้วยหรือ เพียงเงินและสิ่งของก็คงจะเพียงพอแล้ว? คนส่วนใหญ่อาจจะเกิดคำถามและแง่มุมไปในอย่างเดียวกันนี้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการบริจาคในแต่ละครั้งหากหมายมั่นให้ได้ผลออกมาดีที่สุดก็ควรจะเตรียมความพร้อมเสียก่อน

 บริจาค

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนบริจาค

  1. ตรวจตราตนเอง

            ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานของการบริจาคหรือแม้กระทั่งการลงมือทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต เริ่มต้นตั้งแต่การสำรวจตนเองว่ามีความพร้อมสำหรับการบริจาคในแบบแผนใดได้บ้างตามที่คุณสะดวกและพึงประสงค์ บ้างก็สะดวกโดยการบริจาคในหนทางของตัวเงิน การบริจาคสิ่งของสำหรับแต่ละเขตหรือเรื่องราวสำคัญๆ หรือแม้แต่การบริจาคด้วยเวลาส่วนตัวผ่านการลงมือปฏิบัติด้วยตนเองหรือการเดินทางไปด้วยตนเอง ทั้งนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการลงมือทำโดยไม่ฝืนขีดความสามารถและฝืนความพึงประสงค์ของตัวเอง เพียงเลือกสรรวิธีการให้ที่คุณรู้สึกสะดวกและสุขใจที่สุดด้วยความ เต็มใจ เมื่อเสร็จการทำงานนอกจากจะอิ่มบุญแล้วยังจะอิ่มอกอิ่มใจได้ด้วย

  1. แหล่งรับบริจาค

            แหล่งรับบริจาคจากทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นตามโรงเรียนหรือหมู่บ้านตามเขตชายแดน ตามแหล่งทุรกันดาร มูลนิธิต่างๆ หรือองค์กรที่เปิดรับบริจาคแบบเฉพาะกิจ และอื่นๆ หากคุณมีความเอาจริงเอาจังที่จะให้เพียงอุทิศเวลาสักเล็กน้อยหาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้พร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็นความน่าเชื่อถือของแหล่งรับบริจาค จากถิ่นรับบริจาคนับร้อยนับพันที่คุณกำลังให้ความสนใจอยู่ เพียงหาข้อมูลเพิ่มเติมสักนิด คุณตั้งใจจะให้ใครและใครจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการบริจาคของคุณในครั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อความปลื้มใจทั้งผู้ให้และผู้รับอีกทั้งคุณจะได้ไม่เสียความรู้สึกในภายหลังหากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ขึ้นมา

  1. ของบริจาค

การบริจาคเงินคงจะเป็นวิธีที่มีลึกลับซับซ้อนและยุ่งยากน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการหย่อนตามตู้บริจาคที่พบเห็นตามสถานที่ต่างๆ หรือการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร แต่หากคิดจะบริจาคสิ่งของคุณก็ควรจะจัดเตรียมสิ่งของให้ครบถ้วนและเหมาะสมตามความตั้งใจที่แท้จริงของโครงการ เพียงติดต่อสอบถามจากถิ่นรับของบริจาคโดยตรงถึงสิ่งของที่ขาดและจำเป็นแล้วจัดเตรียมตามความต้องการของผู้รับ โรงเรียนที่ห่างไกลความเจริญอาจจะไม่ได้ต้องการเพียงตำราหรือวัสดุอุปกรณ์กีฬาเท่านั้น แม้แต่เครื่องปรุงสำหรับอาหารการกินกลางวันเด็กก็สำคัญไม่แพ้กัน ทั้งนี้ก็ควรคำนึงถึงคุณค่าสิ่งของที่คุณต้องจัดซื้อด้วยเช่นกัน

  1. การเดินทาง

สำหรับผู้ที่ตั้งใจจะเดินทางไปยังภาครับบริจาคด้วยตนเอง สิ่งสำคัญที่ควรเตรียมความพร้อมคือการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นยวดยานพาหนะที่ใช้ สภาพเส้นทางและเส้นทางที่สะดวกที่สุดเพื่อให้การไปถึงยังจุดหมายถูกต้องเป็นไปตามการวางแผนการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องเดินทางในช่วงที่มีฝนตกสภาพเส้นทางในบ้างแห่งจะไม่พร้อม ยากลำบากและเสี่ยงภัยกว่าหรือแม้แต่เส้นทางที่ลาดชัน บางโรงเรียนอาจจะต้องข้ามเขากันเลยทีเดียว ดังนั้นความสามารถของพาหนะและผู้ขับขี่ก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังที่เราจะได้ฟังข่าวรถจากคณะทัวร์ผู้บริจาคต่างๆ ที่ต้องประสบอุบัติเหตุจากความไม่คุ้นชินเส้นทางของคนขับ

  1. สถานที่รับบริจาค

            จุดหมายปลายทางที่คุณวางแผนไว้อาจจะอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่ห่างไกลความเจริญก้าวหน้า ขาดแคลนน้ำดื่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่คุณเจอในชีวิตประจำวัน ดังนั้นนอกจากการเตรียมพร้อมสำหรับการบริจาคแล้วการเตรียมความพร้อมให้กับตนเองโดยเกี่ยวเนื่องกับสถานที่ก็เป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน เพราะบางครั้งคุณอาจจะต้องนอนค้างในสถานที่นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นตามโรงเรียน วัดหรือหมู่บ้านใกล้เคียง ดังนั้นแน่นอนว่าคงจะไม่สะดวกสุขสบายเหมือนอย่างเคยแน่นอน การดูแลตนเองให้เรียบร้อยไม่สร้างภาระให้แก่ผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมคณะบริจาคหรือเจ้าหน้าที่ประจำถานที่นั้นๆ จะได้ไม่ต้องรบกวนหรือหากหมายมั่นความอนุเคราะห์จริงๆ จะได้รบกวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

            ด้วยการเตรียมความพร้อมก่อนลงมือทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “การบริจาค” ที่คุณคิดวางแผนและตั้งเป้าหมายไว้ก็จะให้ผลตามที่คุณวาดหวังไว้ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งคุณยังสามารถปรับใช้ขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้กับสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย สิ่งสำคัญคือการสร้างอรรถประโยชน์ให้ได้มากที่สุดและสร้างภาระให้แก่ผู้อื่นน้อยที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ เพียงเท่านี้การให้ของคุณก็จะสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างแน่นอน



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

บริจาคเงิน บริจาคใจ

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน หามิได้เรื่องลำบากกระไรแค่ก้าวเดินไปแถวปากซอย หยอดสตางค์ใส่ลังบริจาคในเซเว่นที่มีอยู่ทุกซอยก็แค่เนี้ยง่ายๆจะตายแต่จะมีใครรู้หรือเปล่าว่าเงินตราไปไหนหยอดแล้วเงินตราไปไหน  ผู้ที่ต้องการเงินเป็นอันมากที่คอยจังหวะจากกระผมแค่เพียงเราบริจาคเงิน ผู้รับต้องการแค่ลู่ทางที่กระผมจะหยิบยื่นมอบให้ แค่บริจาคเงิน เศษเงิน เล็กๆน้อยๆนี้ก็อาจจะทำอนาคตให้ใครต่อใครมานักต่อนักแล้ว เชื่อหรือเปล่าว่า เงินตราเหรียญเล็ก ๆที่ดิฉันไม่ใคร่อยากสะสมไว้ กับขว้างให้วนิพกข้างถนน ที่ร้องเรียกให้หรู ๆว่ากระผมได้บริจาคเงินให้พวกเขาทั้งหลายด้วยซ้ำ ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ขอ ฉันให้ด้วยความอาสา ขอทาน มั่งคั่งกว่าข้าพเจ้าหลายเท่านักเพราะกากเงินนี่ล่ะ ขอทานบางท่านแรก ๆก็ขอไปงั้น ๆ ไร้อย่างไรทำ หลัง ๆ มีเงินทองเก็บมากเข้าก็ชักเพลิน กลายเป็นขอจนเป็นอุปนิสัยก็เยอะแยะ เรียกว่าลูกอีช่างขอ แต่ที่พิสดารกว่านั้นก็เป็นพวกที่ ไม่ได้ขอเช่นกัน แต่ให้เรียกหาให้โก้เก๋ว่า บริจาค คนรุ่นเก่า ๆ อาจจะไม่ชำนาญกับ การบริจาคอย่างนี้ เนื่องจากเมื่อนานมาแล้วไม่ค่อยจะมี ประเดี๋ยวนี้ใครมีเด็กวัยกำลังร่ำเรียนก็จะมองเห็นการ บริจาคเงิน อย่างนี้ บริจาคเงินทั้งทีจำเป็นต้อง ห้า หมื่นอัพ กับการจะเข้าห้องเรียนสถานศึกษาซักแห่ง อย่างในเวลานี้ ในบางกอกอาจเห็นภาพไม่ค่อยชัดเนื่องจากมีตัวเลือกสถานที่เรียนแยะ แต่ในบ้านนอก มีอำเภอเมือง อำเภอเดียว นักเรียนของทั่วจังหวัดก็หวังจะมาศึกษาในเมือง วิธีการ บริจาคเงิน ก็เริ่มตรงนี้ ขอสนับสนุนบริจาคเงิน ห้า หมื่น ช่วยสถานศึกษา แล้วเด็กจะได้เล่าเรียน ปวดใจหรือเปล่า ไม่ชำระก็ได้ แต่ไม่ได้ร่ำเรียนนี่คือเรื่องจริงอันแสนร้าวรานของผู้ดูแลที่มีบุตรยอดเยี่ยม สอบได้แต่ไร้หนทางศึกษาเพราะด้วยไม่รู้จักคำว่า บริจาคเงิน

 บริจาคเงิน

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน ถ้าหากจะพูดจาไปแล้ว ประเทศไทยของผมก็ติดอันดับในเรื่องการบริจาคเงินกับเขาเช่นเดียวกัน เปรียบชั้นคนมั่งมีแถวหน้าก็ว่าได้ถ้าเอาเรื่องราว บริจาคเงินมาเป็นตัววัด ปี สองพันสิบสี่  ฉันติดระดับ  3 กรณีบริจาคเงินเลยทีเดียว เนื่องจากคนไทยขี้กังวล และการบริจาคเงิน มีผลสำรวจหามาแล้วว่าเป็นวิถีทางที่ง่ายสุด ๆ ที่คนเราจะสละกัน อย่างปัจจุบันนี้ที่มีข่าวออกทีวี ชาวไทยนี้ดี เสียสละให้วัดซะมาก จนมิจฉาชีพมาปล้น ตู้บริจาคไปแล้วถึง แปดใบ ประเดี๋ยวนี้ก็ต้องรับเสียสละกล่องรับบริจาคไปพลาง ๆการ บริจาคเงิน ในที่พักอาศัยข้าพเจ้าเป็นที่นิยมสละให้กับมูลนิธิต่าง ๆ ด้วยจะเน้นการบริจาคเงิน มอบให้เพื่อให้สงเคราะห์เด็กกำพร้า การบริจาคเงิน สำหรับเป็นทุนการศึกษาเยาวชน และแม้เป็นระยะที่มีปัญหากรณีความฉิบหายต่าง ๆเช่นปี ห้าสิบสี่ ที่มีอุทกภัยกับปี สี่สิบหก ที่เกิด สึนามิ ชาวไทยก็มีการ บริจาคเงิน กันอย่างเหลือเฟือ ส่วนสิทธิค่าที่ได้มาถ้ามีการบริจาค อย่างคนที่บริจาคอย่างอื่นที่มิได้ตัวเงิน เพราะด้วยบางท่านก็ไม่เป็นที่นิยม บริจาคเงิน แต่ จะเสียสละวัสดุเครื่องใช้ทดแทน กับ เสียสละเลือด เสียสละเกร็ดเลือดที่สามารถทำได้ทุกเดือน หรือแม้ใครของที่เรือนเยอะก็สามารถนำทางเสียสละได้ หรือใครพร้อมที่จะเสียสละสังขาร แขนขา ดวงตา ก็อาจจะทำได้หากมิปรารถนาบริจาคเงิน การบริจาคเงิน นั้นทุกวันนี้มีการกำหนดจุดหมายชัดเจน ดังเช่น  บริจาคเงิน เพื่อไถ่ชีวิตโคควาย บริจาคเงิน เพื่อ ช่วยเหลืออุทกภัย สิ่งนี้จะทำเอาเรารู้ว่าเงินเราไปแห่งใดบ้าง อย่างที่วัด การบริจาคเงิน บางวัด เสียสละ 10 บาท ยี่สิบ บาท ก็มีการขึ้นชื่อ แจ้งไว้ว่าใครบริจาคบ้าง ส่วนการใช้ประโยชน์ก็ต้องสุดแท้แต่วัดว่าจะนำไปใช้ดำเนินงานอย่างไร

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน

การบริจาคเงิน หรือ การบริจาคทานสมัยปัจจุบัน หากจะทำก็ต้องเลือกทำให้ดี ให้ตรงจุด เช่นว่า การซื้อนก ปลา เพื่อนำไปอนุญาต หากมีจงใจดีก็อย่าไปจ่ายเงิน นกปลาที่เขามีการจัดแจงไว้ มันก็ดุจดังไปสนับสนุนให้เขา ไปจับ ไปล่อมาซื้อขาย กับนกที่กระผมปล่อย ๆ ไป มันก็แต่มาที่เดิม ก็นกมันมีอยู่แต่ในกรงไม่รู้จะไปไหน กับการ บริจาคเงิน ให้เด็กขอเงิน หรือคนยาจกต่าง ๆ ยิ่งให้ก็ประหนึ่งเป็นการสงเคราะห์ให้มีกระยาจกอยู่ถัดไป ลองข้าพเจ้าไม่ให้ ไม่ส่งเสริม เขาก็เลิกขอกันไปเอง การบริจาคเงินครู่หนึ่งนี้ ดูจะเป็นเรื่องราวธรรมดา ไปแล้วสำหรับคนทั่ว ๆไป เพราะแค่คิดว่าหยอดไป ไม่กี่ตังค์ ไม่ต้องคิดอย่างไรมาก ดังเช่น ตู้ที่ตั้งอยู่ในร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ กับในห้างสรรพสินค้าที่ ชำระสตางค์ค่าของใช้เสร็จปั๊บ ก็เจอตู้เสียสละ กระผมก็ทำจนเป็นความชินที่ต้องหยอด ด้วยไม่รู้ว่าเงินตรานั้นเอาไปทำสิ่งไร เอาไปไหน  หรือการบริจาคเงินกับตัวนำต่าง ๆ ที่มีการโหนทางต่าง ๆ ให้ข้า บริจาคเงินกัน เมื่อก่อนจะมีการชักชวนบุคคลบริจาคเงินโดยมีการขับร้อง คนก็โทรเข้าไปเสียสละจำนวนมาก หากใครมีใจที่ได้คิดจะสละจริง ๆ ก็ตรองกันสักนิดก่อนได้คิดที่จะหยอดเงิน กับโอนเงินตราให้ใคร แม้คิดว่าใช่ ก็สละไปเถอะ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ภูมิใจ สตางค์จะไปไหนก็ค่อยมาว่ากัน

บริจาคเงินแล้ว นอกจากได้ความเพลิดเพลินใจ หากใครเสียสละบ่อย ๆ ก็ลองดูเรื่องการลดเงินภาษีไว้บ้าง คนกินค่าจ้างรายเดือนที่ค่าตอบแทนรายเดือน สอง สาม หมื่นทางบ.ของกระผมมีการหักเงินได้ส่งภาษีไปทั้งหมดเดือนหากผม ไม่ได้นำเงินที่ดิฉันสละ ไปทั่วเดือนมาหักลดหย่อนภาษีอากร คิดว่า ค่าแรงงาน 25,000 รวมยอดเงินโบนัส อีกใกล้เคียง แปด 9หมื่น รวมแล้วชำระภาษีไป เกือบ หกพัน ถ้าอุ้มชูบุตรธิดา พ่อ แม่ด้วย กับ ใช้สิทธิลดจากการบริจาคเงินมาร่วมด้วย ก็จะได้คืนเงินภาษีแน่นอน หากดิฉันเสียสละให้สถานศึกษาตามที่ภาษีกำหนด เยอะแยะแห่งก็จะนำรับมาหักลดได้ถึง 2เท่าของยอดเงินสละ แต่ทั้งนี้ต้องดูรายนามจากภาษีอากรพร้อมกันไปกับเพื่อให้จะได้ใช้สิทธิ์ให้เต็มเปา

บริจาคเงิน ผมจะเสียสละแห่งใด เมื่อไหร่ หรือให้ใครก็ได้เป็นเงินของฉัน สิทธิของข้าที่จะ บริจาคเงิน แต่ ลองดูนิดนึงว่า เขาเอาไปทำอย่างไร ที่ใด ให้เข้ากับใคร น่าไว้วางใจมากน้อยแค่ไหน อย่าเพียง โยน ใส่ตู้ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำแล้วก็ให้ดีนิด ถ้าหากฉันนึก จะ บริจาคเงิน



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

ทำบุญวันเกิด ให้มีสุข ทั้งกายและใจ

ทำบุญวันเกิด

ทำบุญวันเกิด แทบจะจะทุกคน จะชินกับคำนี้ ด้วยพุทธมามกะมีความเชื่อเรื่อง บุญ บาป ทันทีที่ถึงวันวันเกิด คนจำนวนมากมักเป็นที่นิยมทำบุญทำกุศลคล้ายวันเกิด ที่นิยมดำเนินงานกันคือ การถวายสังฆทาน ( ทานที่ถวาย โดยไม่จำเพาะเจาะจงว่าให้ผู้ใด ) ซึ่งได้รับกระทำตกลงว่า บุญกุศลมากโขที่สุดอย่างศาสนาอื่น เช่น อิสลาม ไม่ได้ส่งให้มีการจัดเตรียม  งานเริงร่า และสังสรรค์ให้จัดเตรียมเพียง สอง วันเพียงนั้นในรอบปี คือ วันอีดิลอัฎหา และ อีดิลฟิฏริ โดย ไม่ขัดกับแนวทางของศาสนา การจัดงาน วันเกิดของตนเอง จึงถือเป็นการขัดหลักคำสั่งสอน ของพระศาสนา

แล้วทำไมต้องทำบุญวันเกิด ทำบุญวันเกิด จะได้อะไรเรามาดูกันก่อนว่า การทำบุญ มีกี่แบบ พระพุทธเจ้าทรงสั่งว่า การทำบุญมี 10 แบบ เรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ 10 คือ

 

1.ทานมัย   ทำบุญด้วยการส่งให้เงิน หรือ สิ่งของ การส่งให้อภัยทาน

2.สีลมัย     การรักษาศีล ปฏิบัติตัวดี

3.ภาวนามัย พฤติการณ์ธรรม ปฏิบัติสมาธิภาวนา

4.อปจายนมัย             การกระทำตนอ่อนน้อมถ่อมตน

5.เวยยาวัจจมัย           การช่วยเหลือ ขวนขวาย ปรนนิบัติวัตถาก

6.ปัตติทานมัย             การบอกบุญ

7.ปัตตานุโมทนามัย      การอนุโมทนา

8.ธัมมัสสวนมัย           การฟังธรรม

9.ธัมมเทสนามัย          การเผยแพร่คุณความดีและสอนสั่งหลักธรรมะ

10.ทิฏฐุขุกัมม์             การทำความเห็นให้ตรง ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

ทำบุญวันเกิด

ทำบุญวันเกิด

วิธีทำบุญคล้ายวันเกิด ซึ่งเป็นที่นิยม กันคือ ทานมัย    คือ ทำบุญด้วยการให้เงินทอง หรือ สิ่งโดยมาก จักนิยมการปฏิบัติ การถวายสังฆทาน การแจกเงินเลี้ยงดู สละสำหรับกำพร้า โดยเหตุนั้น การทำบุญวันเกิด คือ การวางตนจิตใจให้บริสุทธิ์ ในวันครบรอบวันเกิด มีผลให้เกิดความสุขแก่เจ้าของวันเกิด เป็นสำคัญ

การ ทำบุญวันเกิด เปิดตัวมีมาตั้งแต่ในรัชกาลที่ 4 ครั้งที่พระองค์ยังทรงผนวชอยู่ โดยเรียกว่า เฉลิมพระชนมพรรษา   การทำบุญวันเกิด มีนานาประการวิธี หลายโอกาสเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะเจาะจงการทำทานนั้นเป็นการส่งให้โอกาสให้แก่ผู้ที่ยากจน เด็กพิการ กำพร้าผู้ด้อยโอกาส ทำให้ทั้งคนรับและผู้ให้มีความสุขทั้งสองฝ่าย

ทำบุญวันเกิด

ทำบุญวันเกิด

มาดูทางการเลือก ทำบุญ วันเกิด ตามวันเกิดกัน

ทำบุญ คล้ายวันเกิด สำหรับ คนเกิด วันอาทิตย์   คุณที่ทำบุญวัน กำเหนิดวันอาทิตย์ มีพระประจำวันเกิดคือ พระปางถวายเนตร ให้ทำบุญใส่บาตรของคาวหวาน เป็นสีขาว  ไถ่ชีวิตสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา ควรบวงสรวง พระแก้วมรกต กับส้ม และดอกไม้สีแดง ทำให้รุ่งเรือง ถือศีลกินเจ

ของคาว : ต้ม แกงกะทิ ประเภทไข่ ดาว เจียว  ลูกเขย 

อาหารหวาน : ไข่หวาน น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะพร้าว น้ำขิง เงาะ มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก้ว ขนมใส่กะทิ

ของถวายพระ : อุปกรณ์แสงสว่าง  หลอดไฟฟ้า ไฟฉาย เทียน ธูป แว่นตา

ไหว้พระประจำวันเกิด : พระปางถวายเนตร  กำลังวันเท่ากับ ๖ (สวดแบบย่อ อะ วิช สุ นุส สา นุต ติ)

ทำทาน : เติมน้ำมันตะเกียงตามวัด คนตาบอด โรงพยาบาลโรคตา มูลนิธิคนตาบอด โรงพยาบาล โรคหัวใจ มูลนิธิโรคหัวใจ

กิริยาท่าทาง : เลิกทิฐิ ทำตัวเป็นผลกำไรต่อผู้อื่น อย่ารีบร้อน

ทำบุญ วันเกิด เพื่อ คนเกิด วันจันทร์ ท่านที่ดำเนินงานบุญวัน วันเกิด วันจันทร์ มีพระประจำวันเกิดคือ พระปางห้ามญาติ  ของคาวหวานที่ต้องถวายควรเป็นสีเหลือง ไถ่ชีวิตสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา ควรสักการะ พระโพธิสัตว์กวนอิม ด้วยกล้วยน้ำว้า และมะลิ จะทำโชคลาภ ถือศีลกินเจ

อาหารคาว : ข้าวผัดปู แกงจืดเต้าหู้ เต้าหูทอด  ไก่ทอดปูผัดผงกะหรี่  ข้าวมัน

อาหารหวาน : นมถั่วเหลือง น้ำอ้อย น้ำเต้าหู้ โดนัท ลางสาดนมสด เผือก มัน ขนมเปี๊ยะ

ของถวายพระ : ของโปร่งๆ ใสๆ เช่น แก้วน้ำ แจกัน

ไหว้พระประจำวันเกิด : พระปางห้ามญาติ  อำนาจวัน เท่ากับ ๑๕ (สวดแบบย่อ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา)

บำเพ็ญทาน : มูลนิธิช่วยเหลือสุภาพสตรี เช่น มูลนิธิเพื่อนหญิง

ท่าทาง : ทำจิตใจให้รื่น มีชีวิตชีวา อยู่บ่อย อย่าหนักอกไม่สบายใจเกินเหตุ ให้ความทะนุถนอมเพศหญิง

ทำบุญทำทาน คล้ายวันเกิด สำหรับ คนเกิด วันอังคาร คุณที่ทำบุญทำทานวัน คล้ายวันเกิด วันอังคาร มีพระประจำวันเกิดคือ พระปางไสยาสน์ ให้ทำบุญสุนทานอุทิศข้าวของเครื่องใช้แก้อาคาร อาหารคาวหวานที่ต้องอุทิศพึงเป็นเส้น กับ  สีเหลือง ไถ่ชีวิตสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา ควรสักการะ พระพิฆเนศวร ด้วยกล้วยน้ำว้า  กล้วย อ้อย ส่งผลให้ได้โชคลาภ ถือศีลกินเจ

อาหารคาว : บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว เนื้อวัว ขนมจีน วุ้นเส้น

ของหวาน : ระกำ ขนุน  ฝอยทอง สลิ่ม ลอดช่อง ทุเรียน

ของถวายพระ : สิ่งของเครื่องใช้ซ่อมแซมอาคาร  เครื่องมือประเภทเหล็ก แปรงสีฟัน ยาสีฟัน

ไหว้พระประจำวันเกิด : พระปางไสยาสน์ (พระนอน) มีกำลังเท่ากับ ๘ (สวดแบบย่อ ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง)

ทำทาน : คนง่อยทางปาก ปากแหว่ง ผู้ป่วยโรคลมชัก

พฤติกรรม : ลดโมโหง่าย ปฏิบัติให้กระฉับกระเฉง

ทำบุญทำกุศล วันเกิด สำหรับ คนเกิด วันพุธ (กลางวัน) ท่านที่ทำบุญทำกุศลวัน วันเกิด วันพุธ กลางวัน มีพระประจำวันเกิดคือ พระปางอุ้มบาตร ทำบุญทำกุศลใส่บาตรด้วยวัตถุส่งเสริมการหาความรู้ อาหารคาวหวานที่ต้องถวายควร สีเขียว ไถ่ชีวิตสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา ควรสักการะบูชา พระพุทธชินราช ด้วยไข่ เสร็จด้วยดอกดาวเรือง จะทำให้เรื่องร้าย กลายดี ถือศีลกินเจ

ของคาว : แกงเขียวหวานหมู คะน้าน้ำมันหอย หมูปิ้ง หมูทอด ผัดพริกหมู

ของหวาน :องุ่นเขียว มะม่วงเขียวเสวย  ขนมเปียกปูนเขียว ชมพู่เขียว ฝรั่ง

ของถวายพระ : อุปกรณ์การเรียนการศึกษา

พระประจำวันเกิด : พระปางอุ้มบาตร  มีกำลังเท่ากับ ๑๗ (สวดแบบย่อปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท )

ให้ทาน : ร.พ.โรคสมอง สถานที่เรียนสอนคนหูหนวก

ความประพฤติ : ฝึกหัดสร้างความแน่ใจให้ตัวเอง อ่านหนังสือความถูกต้อง

ทำบุญทำกุศล คล้ายวันเกิด เพื่อ คนเกิด วันพุธ (กลางคืน) ท่านที่ทำบุญทำทานวัน วันเกิด วันพุธ เนื่องด้วยท่านที่เกิดวันพุธ (กลางคืน)กลางวัน มีพระประจำคล้ายวันเกิดคือ พระ ปางป่าเลไลย์  ทำบุญสุนทานใส่บาตรด้วย หยูกยา สิ่งของส่งเสริมการศึกษา ของคาวหวานที่ต้องอุทิศควร สีเขียวดำ ไถ่ชีวิตสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา ควรสักการะ เจ้าพ่อเสือ ด้วยเนื้อหมู พร้อมกับกับดอกดาวเรือง จะทำส่งให้ผู้อาวุโสรักใคร่ ประเทืองบุญอำนาจวาสนา ถือศีลกินเจ

อาหารหวาน : เม็ดมะม่วงหิมพานต์  ข้าวหมาก ขนมเปียกปูนดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ  ทุเรียน

ของถวายพระ : ยา พัดลม  ยาหอม

ไหว้พระประจำวันเกิด : พระปางป่าเลไลย์  มีกำลังเท่ากับ ๑๒ (สวดแบบย่อ คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ)

ทำทาน : มูลนิธิที่เกี่ยวกับยาเสพติด

ความประพฤติ : เลิกทำตัวเสเพล เว้นยาเสพติด ยุติเที่ยวกลางคืน

ทำบุญทำกุศล คล้ายวันเกิด สำหรับ คนเกิด วันพฤหัสบดี คุณที่ทำบุญทำทาน วันเกิด สำหรับท่านที่กำเหนิดวันพฤหัสบดี มีพระประจำวันกำเหนิดคือ พระปางสมาธิ หรือ ปางตรัสรู้  ทำบุญทำกุศลตักบาตรด้วย ข้าวของเครื่องใช้สงฆ์ อาทิ กาสาวพัสตร์ อาสนะ สบง จีวร อาสนะยา ของคาวหวานที่ควรให้จำต้อง สีเหลืองส้ม ไถ่ชีวิตสิงสาราสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา พอที่กราบไหว้ ท้าวมหาพรหม ด้วยมะพร้าวน้ำหอม กับดอกดาวเรือง จะทำให้มิตรกลายเป็นศัตรู กิจการค้าพัฒนารุ่งเรือง ถือศีลกินเจ

ของคาว : บวบผัดไข่ น้ำเต้า แกงเลียง

อาหารหวาน : ส้ม สาลี่ น้ำสมุนไพร แตงโม น้ำว่านหางจระเข้ แตงไทย น้ำมะตูม

สิ่งของอุทิศถวายพระ : จีวร อาสนะ สบง จีวร อาสนะยา หนังสือธรรมะ โต๊ะหมู่บูชา ตู้ยา

ไหว้พระประจำวันเกิด : พระปางสมาธิ  มีอำนาจเท่ากับ ๑๙ (สวดแบบย่อ ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ)

ทำทาน : ปล่อยวางข้าวสาร เสื้อผ้า ร.พ.สงฆ์

พฤติกรรม : อย่าเถรตรงจนเกินไป นั่งสมาธิ สวดมนต์

ทำบุญทำกุศล คล้ายวันเกิด สำหรับ คนเกิด วันศุกร์ ท่านที่ทำบุญทำทานวัน วันเกิด สำหรับคุณที่กำเหนิดวันศุกร์ มีพระประจำวันเกิดคือ พระปางรำพึง ทำบุญทำทานใส่บาตรกับ เครื่องแต่งตัว อาหารคาวหวานที่ต้องให้สมควร สีขาวหรือฟ้า ไถ่ชีวิตสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา จำต้องไหว้พระ เจ้าแม่อุมาเทวี กับนมสด พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาว จักทำเอา ก้าวหน้าในที่การงานการงาน ถือศีลกินเพล

อาหารคาว : ไข่เจียวหอมใหญ่ ข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ยำหัวหอม

อาหารหวาน : ผลไม้ที่มีกลิ่นหอม น้ำเก๊กฮวย กล้วยหอม เค้ก

ของถวายพระ : เครื่องแต่งกาย ระฆัง ย่าม

พระประจำวันเกิด : พระปางรำพึง  มีอำนาจเท่ากับ ๒๑ (สวดแบบย่อ วา โธ โน อะ มะ มะ วา)

บริจาคทาน : ทำทานเด็กกำพร้า

ความประพฤติ : ทำตัวให้ชื่นบานปลอดโปร่ง เว้นการฟุ่มเฟือย

ทำบุญ วันเกิด เพื่อ คนเกิด วันเสาร์ ท่านที่ทำบุญทำทาน คล้ายวันเกิด สำหรับคุณที่เกิดวันเสาร์ มีพระประจำคล้ายวันเกิดคือ พระปางนาคปรก ทำบุญตักบาตรด้วย ยารักษาโรค ของคาวหวานที่ต้องถวายพึงจะ คือสี ม่วง สีเลือดหมู  ไถ่ชีวิตสิ่งมีชีวิต ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา ชอบสักการะ พระปางนาคปรก  กับพวงมาลัยดอกกุหลาบสีแดงม่วงชมพูจะส่งผลให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี ถือศีลกินเพล

อาหารคาว : น้ำพริกปลาทู มะเขือยาว  ของขม ของดำ มะระยัดไส้ 

ของหวาน : กาแฟ โอเลี้ยง

ของถวายพระ : ยารักษาโรค ปลูกสร้างห้องน้ำถวายวัด

พระประจำวันเกิด : พระปางนาคปรก  มีอำนาจเท่ากับ ๑๐ (สวดแบบย่อ โส มา ณะ กะ ระ ถา โธ)

บริจาคทาน : ร.พ.โรคประสาท ร.พ.โรคจิต

กิริยาท่าทาง : มองโลกในแง่ยอดเยี่ยม  ไม่กังวล ลดความซกมก



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/give_one_donation_th

สนับสนุน “องค์การยูนิเซฟ” ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนในสังคม

ยูนิเซฟ

คำถามความเลื่อมล้ำที่ประกอบด้วยเสด็จภายในสังคมพร้อมด้วยข้อสงสัยเหตุงานพัฒนาสาธารณูปโภค{ต่างๆ|หลายชนิด|หลายอย่างแหล่งอีกทั้งประกอบด้วยไม่โดยตลอดในนานัปการพื้นที่เครื่องใช้มณฑล เป็นพิเศษในแหล่งห่างไกล ส่งดอกผลสละประชากรส่วนแบ่งมากยังต้องการข้อคดีในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์สภาพความเป็นอยู่ ประชาชนที่สิงอยู่ภายในพื้นที่จังหวัดที่ไกลหูไกลตาความศีวิไลพร้อมด้วยความโตขึ้นแนววงการ เขาทั้งหลายอีกต่างหากเข้ามาไม่ลุสิทธิในอีกหลายขั้ว ไม่ว่าจะคือขั้วการศึกษา การมีอยู่ส่วนร่วมแนว หรือถูกเอารัด ซึ่งวงการนรชาติแหล่งได้รับผลพวงลูกจากความมิเท่าเทียมและละเลยเครื่องใช้สถานีภาคแว่นแคว้นแห่งเกี่ยวข้องในงานจัดสรรควบคุมเหตุการณ์อำนาจการดำรงอยู่ยศขั้นต้นมากเป็นยอดเยาวชนพร้อมด้วยเด็ก ซึ่งหนีบเป็นกำลังสำคัญของมณฑลข้างในเบื้องหน้า อย่างไรก็ดีเปลี่ยนมีผู้เยาว์และเยาวชนภายในประเทศจำนวนมิน้อยศักดาแตะต้องทิ้ง เป็นแหล่งที่มาแหล่งทำมอบบังเกิดองค์การส่วนกลางกุศลคาดหวังวิวัฒน์พร้อมทั้งแปลงสังคมให้ขึ้นไป เพราะว่าอาศัยร่วมแรงร่วมใจขวางข้าวของบุคคลภายในแวดวงแบบ “องค์การต้นทุนเพื่อลูกแห่งสหประชาชาติ หรือ “สมาพันธ์ยูนิเซฟ”

ยูนิเซฟ

ยูนิเซฟ

องค์การทุนเพื่อเด็กณองค์การสหประชาชาติ หรือ สมาพันธ์ยูนิเซฟ ได้เกิดกำเนิดขึ้นไปข้างในยุคสมัยข้างหลังสงครามโลกคราวที่ 2 เพราะว่ากอบด้วยวัตถุลูบไล้สงแม่แบบณสมัยนั้นคือการให้การอุ้มชูแก่เด็กๆ แห่งร่วงหมายถึงเหยื่อของสงครามรวมหมดข้างในทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ซึ่งจงพบปะรวมหมดคำถามเหตุงานขาดโภชนา สถานการณ์อดอยาก บวกทั่วการมีขึ้นโรคระบาด ซึ่งล้วนแต่ครอบครองข้อสรุปจากข้อคดีร้ายกาจเครื่องใช้การสู้รบ

สมาคมยูนิเซฟได้มาสู่ปิดเงียบสถานีรุ่งข้างในประเทศไทยในศักราชพุทธศก 2491 เพราะยูนิเซฟเริ่มต้นงานข้างในสยามในเหตุการณ์เครื่องใช้สำราญสุขภาพอนามัยและโภชนาการข้างในเด็ก ในสมัยตรงนั้นกอบด้วยการบังเกิดโรคระบาดเข้ากับเด็กเล็ก ทำนอง โรคโรคกุฏฐัง ซึ่งรูปพรรณสัณฐานข้าวของโรคตรงนี้อุบัติลูกจากเชื้อบักเตรีกระทำสละบังเกิดรอยคราบรอยแผลที่หมายถึงแมลงช้างขนาดมหาขึ้นไปติดตามหนังบนบานศาลกล่าวสังขาร เด็กเล็ก ที่อยู่ล้มเจ็บเพื่อความเจ็บไข้ตรงนี้จักประกอบด้วยสภาพเจ็บปวดรวดร้าว รายแหล่งกอบด้วยท่าทางรากเลือดรอยแผลจะฉกใช้เข้าไปเดินตราบเท่าโครงกระดูก นอกจากนี้องค์การยูนิเซฟยังลุ้นเริ่มต้นแผนการพ่นวัคซีนปกป้องรักษาวัณโรค จับกลุ่มทั้งยังหมั่นเพียรเนรมิตเรื่องทันเหตุการณ์ใจความสำคัญของบริโภคนงาน ถ้อยคำสุขภาพอนามัยอนามัยภายในดินแดนทุรกันดาร อำนวยคดีสำคัญกับดักงานต้องประกอบด้วยน้ำเปล่าแดนดีงามเสถียรด้วยว่าทุกท่าน ยอมสถานศึกษาระดับชั้นทีแรกจำเป็นจะต้องอุปการะข้อคดีเด่นคดีโภชนาการอาหารถิ่นที่มีผลกำไรเข้ากับเยาวชนเด็กนักเรียน มีอยู่งานยื่นให้กษีรมอบให้เข้ากับลูกเด็กนักเรียนพร้อมกับปรุงกระยาหารเพราะเกลือทะเลไอโอดีนคุ้มครองอาการขาดตกบกพร่องวิถีสมอง

ละทิวากาลประถมแถวเกริ่นตั้งสำนักงานในที่ชาติบ้านเมืองประเทศไทยจนตรอกมาริถึงแม้ว่าวันนี้ สมาคมยูนิเซฟ ใจจดใจจ่อพปล้นดุนปลูกสร้างกระแสความปรับปรุงเนื้อที่เป็นผลดีรุ่งโรจน์ส่งมอบตกฟากขึ้นไปที่แวดวงเมืองไทย เพราะสหพันธ์ยูนิเซฟยกให้เรื่องบรรเทาทุกข์ด้วยกันคุ้มครองน้องๆ กับเด็กในที่หลายๆ หัวเรื่องไม่ว่าจักคือ การคุ้มกันบริหารผู้เยาว์ทิ้งงานแตะต้องโจมตี งานแตะต้องล่วงละเมิด งานไม่ผิดสืบเสาะคุณประโยชน์ ด้วยกันงานย่อมเยาไม่รับผิดชอบ รณรงค์แบ่งออกเกิดการคืบหน้าผลงานทิศพลานามัยลูกพร้อมทั้งความเจริญข้าวของเครื่องใช้เด็กๆ การระแวดระวังผู้เยาว์เดินทางการติดเชื้อเอชไวี พร้อมทั้งปันออกข้อคดีช่วยเหลือเกื้อกูลเด็กย่านหาได้ยอมรับผลพวงขนมจากเอชไอวีพร้อมทั้งเอดส์ บำเพ็ญส่งให้เด็กทุกคนได้รับเข้าถึงงานทำความเข้าใจด้วยกันก้าวหน้าคุณค่างานเล่าเรียน เสริมงานเล่าเรียนหลาย เพราะแกะรอยสำรวจแนวทางแวดวง  รณรงค์ส่งเสียตกฟากข้อบัญญัติกับแนวทางทำเนียบคุ้มกันปกปักรักษาสิทธิ์เด็ก ด้วยกันโน้มน้าวอำนวยเข้าผู้เข้าคนไหว้และระแวดระวังคำอธิบายอำนาจอันชอบธรรมลูกณสื่อมวลชน ยิ่งไปกว่านี้องค์กรยูนิเซฟอีกต่างหากให้การประคับประคองแก่เฒ่าผู้พื้นดินประจวบภัยพิบัติทิ้งการณ์ภัยมรรคาธรรมชาติถิ่นที่เอามาซึ่งเรื่องบรรลัยระบิลมืดฟ้ามัวดินประสานประชาผลรวมจัด จำเป็นต้องมุ่งหมายข้อความปลดเปลื้องเหมือนฉับพลัน ไม่ว่าจักยังไม่ตายสภาวะการสึนามิและห้วงน้ำท่วมทั้งดินแดนปางชันษาพุทธศักราช 2554 ออกันทั่วการปลูกสร้างกรณีรู้ชัดที่บทไขหวัดปักษีพร้อมทั้งไข้หวัดใหญ่ H1N1 ซึ่งเพราเอ็ดเคยระบาดรากเลือดภายในชาติสยาม

งานกอบด้วยส่วนรวมในการเพิ่มขึ้นชูประเภทหัวข้ออำนาจอันชอบธรรมพร้อมด้วยเนื้อความเสมอภาค งานพยุงเด็กๆ กับผู้ที่อยู่ต่ำต้อยช่องณแวดวงคลุกคลีกับดักสหภาพยูนิเซฟตรงนั้น สดหัวเรื่องเนื้อที่เราทุกคนทำได้เข้าร่วมดำรงฐานะส่วนใดส่วนหนึ่งในที่กิจกรรมที่คืออรรถประโยชน์กลุ่มนี้คว้า โดยสหพันธ์ยูนิเซฟข้างในด้าวไทย แงะคราวยื่นให้ทุกคนผสานละวางเวินเหตุด้วยเสริมกิจกรรมด้วยกันโครงการต่างสิ่งองค์การยูนิเซฟ ซึ่งลู่ทางงานบริจาคทรัพย์สมบัติสงเคราะห์ประกอบด้วยอื้อซ่าแหล่ทางเลือก ไม่ว่าจะยังไม่ตายงานสละพ้นถนนหนทางอินเทอร์เน็ต การสละเปลี่ยนวิธีพระราชหัตถเลขาไปรษณีย์ ซึ่งหนังสือแถววิธีสมาคมยูนิเซฟชำระคืนด้วยการโหมแรงราคาทุนจะแตะต้องส่งเพราะเด่จากจรดเพื่อให้ผู้ในตั้งใจปล่อยวางเหรอสามารถจะครอบครองงานส่งเปลี่ยนหน่วยงานหรือไม่ก็องค์กรหลายชนิด ซึ่งระบุมีชีวิตสดรายงานเขตแน่เทียวทรัพย์สินตำแหน่งเราสละจะเดินทางจวบจวนอีกต่างหากองค์กรยูนิเซฟพร้อมทั้งได้รับนำเสด็จชดใช้ในกิจกรรมขยายกลุ่มเหล่าแม่นมั่น นอกจากนี้อีกต่างหากกอบด้วยงานรองเสียสละทะลวงคนกลางเร่งราคาทุน ซึ่งเป็นขั้นตอนร่วมละวางพื้นที่บริสุทธ์มัตถกะที่อยู่หน่วยงานยูนิเซฟใช้คืนเพราะว่านิมนต์จ่ายผู้สละหนุนหลังธุระสรรพสิ่งยูนิเซฟ กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติจักประกอบด้วยการจัดโต๊ะเร่งทุนรอนแห่งพื้นที่อู่ฝูงชน ห้างสรรพสินค้า ตึกที่ประกอบการ สถานีรถไฟแถน ทั่วแห่งกทม. และชนบท  ด้วยซ้ำวิธีการโหมราคาทุนแบบแผนนี้ ตัวสำรองข้าวของเครื่องใช้สหพันธ์ยูนิเซฟจะจัดหามามีหนสื่อสารบรรยายตำรากิจกรรมความเจริญรุ่งเรืองเข้าผู้เข้าคนย่านยูนิเซฟคว้าทำงานสุกผู้พื้นที่จดจ่อจะผสานปล่อยวางสินทรัพย์

สังคมข้าวของกระผมอีกต่างหากหมายเจริญพร้อมกับยักน้ำกระสายกว้านวรรณะคุณลักษณะชีพของประชาณสังคมอีกสล้าง ซึ่งการประพฤติส่งให้แวดวงของข้าพเจ้าปกติรุ่งโรจน์ฉันใครก็ตามเก่งมีอยู่ส่วนร่วมหมายถึงส่วนหนึ่งส่วนใดที่งานปฏิรูปแวดวงของใช้ข้าได้มา การผสานสละเบี้ยเกี่ยวกับหนุนกิจกรรมสรรพสิ่งสหภาพบริเวณปฏิบัติผลประโยชน์ด้วยสังคมพร้อมด้วยได้มารองการยกนิ้วในลำดับขั้นโลกมนุษย์จำพวกสมาพันธ์ยูนิเซฟ ก็หยิบดำรงฐานะอีกหนึ่งหนทางสถานที่ข้าใครก็ตามเชี่ยวชาญกรุณากีดกั้นเริ่มทำดำเนินการด้วยว่าโงสถานภาพคุณภาพชีวิตสรรพสิ่งกลุ่มคนณสังคมได้รับเปล่ายาก



เครดิต : unicef.or.th/supportus/th">https://www.unicef.or.th/supportus/th

ทำบุญ จะทำ กันไปทำไมหากไม่ได้บุญ

ทำบุญ

บุญ หรือ ปุญญ  เป็นสิ่งที่มีขึ้นในภายในความรู้สึกแล้วปฏิบัติให้อารมณ์สุกใส สว่าง แจ่มแจ้งดี ไร้สิ่งซึมเศร้า ทำบุญ แล้ว คนทั่วไป จะไม่เจอว่า บุญ มันคืออะไร ตัวบุญ นี้ จะ ค้างอยู่ อยู่ที่ว่า ข้าพเจ้าจะ นำมา หรือ ปล่อยไป ก็เพราะว่า บุญ มันพ้นไปร่างกายและจิตใจนั่นเอง ใครที่ ทำบุญ ต่อจากนั้น เกาะ เอา บุญ มา ไว้ พร้อมกับร่างกาย ความคิดมันก็ มิปลั่ง พูดว่า ไม่บุญกุศล นั่นเอง ทำบุญ แล้ว ผู้ทำจำเป็นต้องปลดปล่อยวาง ไว้ ไม่ต้องสะสมไว้ ปล่อยส่งให้มันลอยละล่องไป มันก็ได้บุญ ของมันเอง ก็เพราะว่า ผม ไม่ต้อง ไป ยึด ใกล้ชิด ว่า มันจะได้ มิได้ ไม่มีเคร่งเครียด พ้นไปภาระ ทำบุญ นั้น มีนานาประการวิธี ที่เห็นอยู่ทั่วไป  ก็ สาม วิธี หลัก ๆ คือ

  1. การทำบุญ ด้วยการ ให้ทาน พูดว่า ทานมัย
  2. การทำบุญ ด้วยการ ประพฤติ ปฎิบัติ ดี สีลมัย
  3. การทำบุญ โดยการ ลงมืออารมณ์ทางใจส่งให้ผ่องใส หลุดจาก การคิด ใคร่ได้ อยากมี พูดว่า  ภาวนามัย

ทำบุญ

คำว่า บุญกุศล เป็นแรงงานหมดจดที่จะบังเกิดในความรู้สึก ของผู้ทำบุญทำกุศล ทำเอา จิตใจงดงาม  เท่าที่ จิตวิญญาณบริสุทธิ์ ต่อจากนั้น จะคิด จะทำ ที่ใด ก็ มิได้คะนึงตนเอง ปราศจากความคิดว่า ของของ เรา เอาแต่ได้ อยากมี ยิ่งผม ทำบุญ มากที่สุด มากสั่งสมไว้ ก็ปาง การผลักดัน น้ำ ยิ่งเข็น ก็ ยิ่งเข้า มาตนเอง บุญกุศล คืออันที่ ไม่จำเป็นต้องคุย มิจำเป็นต้องบอกถึง มันจะค่อย ๆ รวบรวม และ สะสมเข้าไปมาเรื่อย ๆ ลุ้น ชโลม ชีวี ชโลมโลก มอบให้งาม  หาก จะรายงานถึงบุญ แล้ว หลัก ๆ จะมีอยู่ สาม แบบ คือ ทานมัย สีลมัย  และ ภาวนามัย แต่ ในทางพุทธศาสนา แล้ว พระอรหันต์ ทรงกล่าวว่า มีบุญ ถึง สิบ แบบ ควบคู่กันเป็น บุญกิริยาวัตถุ แปลว่า หลักแห่งการบำเพ็ญบุญ หรือ ทางมาแห่งบุญ สิบ ชนิด คือ

  1. ทานมัย เป็นบุญเกิดจากการให้ทาน
  2. สีลมัย เป็นบุญเกิดจากการรักษาศีล
  3. ภาวนามัย เป็นบุญกุศลเกิดจากการเจริญภาวนา
  4. อปจายนมัย เป็นบุญเกิดจากการอ่อนน้อม ถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
  5. ไวยยาวัจมัย เป็นบุญเกิดจากการขวนขวาย ในกิจที่ชอบ
  6. ปัตติทานมัย เป็นบุญเกิดจากการอุทิศส่วนบุญ
  7. ปัตตานุโมทนามัย เป็นบุญเกิดจากการอนุโมทนาบุญ
  8. ธัมมัสสวนมัย เป็นบุญเกิดจากการฟังธรรม
  9. ธัมมเทสนามัย เป็นบุญกุศลเกิดจากการแสดงธรรม
  10. ทิฏฐุชุกัมม์ เป็นบุญกุศลเกิดจากการทำความเห็นให้ตรง

การทำบุญ สิบ ประการนั้น อาจจะจับใจความเป็นข้อ ๆ เป็นกลอนว่า

แบ่งปันกันกิน                        รักษาศีล ทั้ง กาย วาจา

เจริญวิปัสนาสมาธิภาวนา    รักษากายวาจาใจให้อ่อนน้อม

ยอมตนรับใช้                          แบ่งให้ความดี

มีใจใฝ่อนุโมทนา                    มุ่งหาฟังธรรม

นำแสดงออกไม่ว่างเว้น         ทำความเห็นเป็นแบบที่ดีดี

แล้วดีฉันจะทำบุญ ไปเพื่อให้ไหน คนส่วนใหญ่ ทำบุญ เพื่อ มุ่งหน้า คุยอวด  ทำบุญ สำหรับแสดงความสามารถว่า เรามีเงินมีทอง ทอดกฐิน แต่ละครั้ง มี แบงค์ พัน กี่ ใบ ในพุ่มผ้าป่า คลุกกันไปทำบุญทำทาน ไกล ๆ กระผมก็เคยเห็นข่าว กันบ่อย ๆ ข้อความ อุบัติเหตุ เวลา พุ่ม ผ้าป่า ไปทำบุญ กัน ไกล ๆ ยุ่งยาก ทั้ง คน ไป ทำบุญ คนขับ หรือ หลาย ๆ คน ทำบุญ น้อยมากเพื่อจะ วาดฝันบุญ ใหญ่ อาทิ จ่าย ล็อตเตอรี่  แล้ว มา ทำบุญ เพื่อให้ ร้องขอให้โดนสินน้ำใจ กับเขา อันนี้ ก็ มิได้ บุญ กัน 

ทำบุญ



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

บริจาค ทำบุญ คิดก่อน หรือจะเป็น บริจาค ทำบาป

บริจาค ทำบุญ

ทันทีที่เกิดอันตรายธรรมชาติ  ภัยการทำศึก หรือภยันตรายพิบัติอื่นใด อันก่อให้เกิดความหายนะกับชีวีพร้อมกับเงินตราของผู้ประสพภัย  สิ่งที่จะควรเกิดขึ้นตามมาชัวร์คือธารความมีน้ำใจของฝูงชนผู้ที่มีจิตใจอันดีงามพร้อมด้วยเมตตากรุณาด้วยกันมิตรสัตว์สองเท้าพร้อมกัน  ด้วยการร่วมมือสละข้าวของสิ่งของที่จำเป็น  สิ่งของอันเป็นปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงชีวิต  เงินทองทรัพย์สิน ต่างๆเพื่อให้เกลอมานพผู้โชคร้ายข้ามพ้น คืนวันอันไม่มีอารยธรรมจากภยันตรายหายนะ  แต่หลังจากมหาทานครั้งใหญ่นี้ถูกส่งไปถึงมือผู้รับละทิ้ง  ในบางโอกาสมันมิได้เป็นไปตามที่ผมคาดคิดดูสม่ำเสมอไป  ทานบริจาคเหล่านั้นอาจสร้างปริศนาอันใหญ่หลวงให้แก่ผู้รับ จนได้ข้อยุติว่าหลาย ๆ ครั้งการ บริจาค ทำบุญ ที่มากเกินพอสมควร ก็ไม่เจนดีพอ และนี่คือความไม่สะดวกที่เคยค้นพบเผชิญจากการสละที่ไม่รู้ว่า คือ บุญกุศล หรือ บาป

บริจาค ทำบุญ

บริจาค ทำบุญ

               ฉันพบว่า ของบริจาคมีอยู่ หนาแน่นหลงเหลือกลับไปไม่ถึงพื้นที่ โดยการเดินทางที่ช้านาน ทางที่คือเครื่องขัดขวาง รถ เรือ เปล่าสามารถ มาถึงไปไม่ได้ ท้ายที่สุด ข้าวของที่ บริจาค ทำบุญ  มา ก็ไม่ได้ใช้คุณค่า ซ้ำร้าย ข้าวของบูดเน่า แล้วจำเป็นสะสมเงินตราเสียสละซื้อของสิ่งของที่จำเป็นจะต้องส่งให้ผู้ประสบภัยใหม่

                อาหารบูด ข้าวของบูดเน่า  ใช้มิได้ ด้วยเฉพาะเจาะจงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีการส่งมาเยอะเยอะ ข้าวสารอาหารแห้งต่าง ๆ ซึ่งผู้ที่ บริจาค ทำบุญ ไม่รู้ว่า ผู้รับ จักมีใช้ผลประโยชน์ หรือเปล่า ทั้งบูดเน่า และ เสียเวลา ในการคัด

เครื่องนุ่งห่มเหลือใช้ บางทีก็ไม่มีความจำเป็น สำหรับ มันผิดทั้งสัดส่วน ครรลอง แล้วเช่นนี้ จะต้องสละอย่างไรดี เงินทองน่าจะเป็นช่องทางที่เจริญที่สุด บริจาค ทำบุญ ฉันคงห้าม เงินทองสูญสิ้นระหว่างทาง มิได้ แต่ เรา เหมาะที่จะเลือกเสียสละเงินตราให้ที่ทำการ หรือ สหภาพที่น่าวางใจ ทานทรัพย์สิน ที่ประกอบการ หรือ สหพันธ์ ต่าง ๆ พาไปใช้ผลประโยชน์ ได้รับอย่างสุดขั้ว แถม สามารถนำ ไปลดหย่อนภาษีได้สบาย สบาย  แต่ข้าพเจ้ารู้หรือเปล่า ว่าเงินทองของข้าพเจ้าที่ กระผม บริจาค ทำบุญ ไปไหนบ้าง รั่วหล่น ตรงไหน เราอาจจะคิดว่า ฉัน บริจาค ทำบุญ ไป 1,000 บาท  ดิฉันจะได้ กระไรบ้าง แต่ การ บริจาค ทำบุญ หามิได้การออกทุน ผมไม่รู้หรอกว่า มันหมดไปไปไหน ไปช่วยใคร ใครเอาไปใช้ ข้าพเจ้ามักไม่เบาหาข้อมูลก่อนกำหนดตัดสินใจ บริจาค เมื่อจ่ายเงินตราไปแล้ว เราก็ไม่รู้ว่า เงินทองไปไหน นี่คือนิสัยของการ บริจาค ของคนส่วนมาก กระผมแค่เบิกบานใจ ว่า ได้  ทำบุญสุนทาน แล้ว มันเพลิดเพลินใจ แต่ ผมลองมาดูกันนิด เวลาที่ดีฉันจะซื้อหาสินค้า กระไรซักอย่างหนึ่ง ฉันมักจะ หาข้อมูล เป็นร้อยเป็นพันมาก มาย อ่านรีวิวร้าน อ่าน แล้วอ่านอีก ศึกษาเล่าเรียนคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่กระผมจะจ่าย แต่ กับการ บริจาค ทำบุญ  ฉันไม่ทำแบบนี้ เรา โยน แบงค์ 20 ใส่ กล่องรับบริจาค โดยไม่ มองดูด้วยซ้ำว่าลงตรงกล่อง หรือ เปล่า ใส่ ให้ สถานสงเคราะห์ไหน เอาไปทำอะไร

บริจาค ทำบุญ

บริจาค ทำบุญ

การตัดสินใจ บริจาค ทำบุญ  ส่วนใหญ่จึงมักถูกคัดจากทำเลที่ตั้งที่สะดวกสบายประมาณว่า 20 - 30 บาท ปราศจากไหน เสียสละไปแล้วก็แล้วกันไป ไม่ได้เอาใจใส่ว่าพวกเขาทั้งหลาย จะเอาไปทำเช่นไร ที่ใด กับไง เรียก ง่าย ง่าย ว่าเป็น ความประพฤติ  หรือ เป็นนิสัยไม่ดีของการบริจาค ข้าพเจ้ามาดูกันว่า ด้วยเหตุใด

      1.ดิฉันมักจะบริจาค  ทำบุญให้กับองค์กร ที่เรียบง่าย ไม่มี พิธีรีตองมากนัก

ต้นทุน การจัดการ ด้านการจัดการองค์การ ไม่ได้บอกอะไรข้านัก ว่า ผมจะ บริจาค ทำบุญ  หรือจะเป็น บริจาค  ทำบาป ดิฉันมักคิดกันว่า ร้อย - สองร้อย บาท  ด้วยไม่ตระหนักไหนยิ่งกว่านั้น  แต่ละสมาคม อาจมีการ โปรโมท ครรลอง การ บริจาค  ทำบุญ ที่สวยงาม หรือ ไม่ทำอะไรเลย แต่เมื่อข้าพเจ้าคิดจะเสียสละ เราแค่ หย่อน ตังค์ หรือ ให้ ให้ ไป แบบ เสียไม่ได้ในเป็นครั้งเป็นคราว แต่ละสมาคม มิได้มาป่าวข่าวว่า พวกเขาทั้งหลาย ดีเลิศอย่างไร หรือ ปฏิบัติอย่างไร เต็มเปี่ยมนัก ผมอาจแค่ ได้รู้ได้ยินมา คร่าว ๆ แบบเสียไม่

  1. ฉันทบทวนดูเอาเองว่า ข้าพเจ้าทะเยอทะยาน ส่งให้ เขาทั้งหลายมุ่งได้หรือเปล่าข้าไม่รู้

ยกอุทาหรณ์เช่น เสียสละ ทำบุญทำกุศล  ข้าวสาร ให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ผมลืมไปว่า น้ำท่วม เขาคงทำอะไรมิได้มาก ฉันก็มักสละสิ่งที่ฉันอยากจะให้มากกว่าสิ่งที่ผู้รับต้องการ ดีฉันบริจาค ตุ๊กตา ของเล่น เด็ก น้ำ ปลากระป่องแบบเปิดยาก ๆ หลายคนก็มักคัดตามความปลอดภัยของตัวเอง ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมเป็น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ไร้คุณสมบัติ ฉันไม่รู้ความต้องการ ของ สถานสงเคราะห์ ต่าง ๆ เลย

      3.บริจาค ทำบุญ เข้ากับ มูลนิธิ ที่มีชื่อเสียง เป็นที่นิยม

                โดย การตลาดสำคัญ สถานสงเคราะห์ ที่มีชื่อ เป็นที่นิยม พร้อมกับ คนทั่ว ๆ ไป รู้จัก จะได้รับ ยอดสตางค์ บริจาค ทำบุญ เป็นส่วนมาก หากได้ออก TV ช่องข่าว เช้า ยิ่งได้รับ สตางค์เหลือแสน ในตอนที่ สมาคม อื่น ก็มีคนพิการ เด็กด้อยโอกาส คนติดยา เต็มไปหมด แต่ พวกเขาทั้งหลายปราศจากการตลาด ไม่มี TV ช่องข่าว เช้า ไปทำข่าว มันจึงเป็นเหตุพอว่า ไฉน ผมจึงคัดเลือก บริจาค ทำบุญ กับ วัดวาอาราม/มูลนิธิ/สถานสงเคราะห์ ที่ชื่อดัง ข้าพเจ้าเที่ยวไปไป  .บริจาค ทำบุญ  เป็นระยะทาง ไกล ๆ เพื่อจะ .บริจาค ทำบุญ ส่งให้ กับ วัด/สมาคม/สถานสงเคราะห์ ที่มีชื่อ  แต่ข้าหลงลืมดู ข้าง ๆบ้าน ผมยังมี โรงเรียน ที่มีลูก กำพร้า ไม่มี อาหารกิน อยู่

  1. ดิฉันมักจะ บริจาค ทำบุญ กับ วัด/สมาคม/สถานสงเคราะห์ ที่ให้ข้าพเจ้าระบุว่าเอาสตางค์ไปทำไหนบ้าง

องค์กรหลาย ๆ แห่ง ได้รับบอกหนทางหลาย ๆทางให้คุณได้คัดเพื่อให้ง่าย แก่การ บริจาค ทำบุญ เช่น เงิน 100 บาท ที่มีคุณค่าของคุณ ข้าจะเอาไป สร้าง หลังคาโรงเรียน  ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่ แต่ กระผมสบายใจว่า ตังค์ข้า ไปอยู่ซะสูงแล้ว มันเห็นภาพได้ง่าย เป็นที่ดึงดูด กระผมจึงยอมควักสตางค์จ่ายไปง่าย ๆ

ระบุแบบสั้น ผมจะง่าย ๆ มิได้กับการ บริจาค ทำบุญ  โดยสตางค์ผมควรค่า สมาพันธ์ทั้งหลาย จะได้ใช้เงินทองได้อย่างเต็ม ความสามารถ มิได้ ไหนก็ได้ ให้ ๆ ไปเถอะ 100 -สองร้อย ดีใจจังมีนามติด บนหลังคาด้วย หาก ผมมีเวลา ซักนิดก็เข้าไปดู เข้า ไปช่วย  สหพันธ์ นั้น ๆ เพื่อให้ ทรัพย์สินของดีฉันจะได้ ถึงไม้ถึงมือ ผู้ที่กลุ้มใจจริง ๆ และ ดิฉันก็ต้อง ดัดแปลง แง่มุม ในการ บริจาค ทำบุญ  เอี่ยมด้วยไม่ใช่เช่นนั้น เอะอะ อะไร ก็  ข้าวสาร น้ำ ปลากระป่องแบบเปิดยาก ๆ อย่าต้องให้ บริจาค ทำบุญ  เป็น บริจาค  ทำบาป



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th