Tuesday, March 15, 2016

รับอุปการะเด็กกำพร้า เพื่อชีวิตที่สดใส ร่วมสร้างอนาคต ให้เด็กกำพร้า ร่วมกัน รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ช่วงปัจจุบัน ข้อสงสัย เยาวชนลูกกำพร้า ได้เปลี่ยนไปเป็นปมปัญหา ระดับประชาชาติ ไปแล้ว ด้วยเหตุว่า ต้นเหตุ หลาย ๆ อย่าง เช่น หนุ่ม วัยแรกรุ่น มีภาระ ไม่เก่งรับผิดชอบลูกชายลูกหญิงได้ ข้อผูกมัดทางเข้าสังคมไม่อาจเผยได้ ขาดสมาชิก อุปถัมภ์ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำเอาเกิด ปริศนา กำพร้า ขึ้นเหลือแสน   เราจะเจอว่ามีข้อมูล ในเปลาะ ผู้เยาว์กำพร้า การทิ้งลูก การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ให้มองเห็น ตลอดแม้แต่ละวัน  ตัวการ หลัก ๆ ที่กำเหนิดผู้เยาว์กำพร้า เกิดจากการขาดแคลนความรับผิดชอบ สิ่งของบุรพาจารย์เด็กคือ สำคัญ ประกอบกับ ความไม่พร้อมทั้งของบูรพการี, วงศ์วาน รวมกระทั่งถึง คนใกล้ชิดของบูรพการีลูกเอง ที่เป็นตัวแปรทำเอาเกิด เด็กลูกกำพร้า กลุ่มนี้ขึ้น จากสถิติที่น่าตกใจ ดิฉันค้นพบว่าครึ่งหนึ่งของปุถุชนทั้งโลกที่พึ่งพาอาศัยอยู่บนโลก ใบ เล็ก ๆ ใบนี้ คงอยู่ได้แห่งความยากแค้น  เด็ก และ ญาติพี่น้อง จำเป็นดิ้​​นรนปะทะต่อสู้เพื่อที่จะความอยู่รอด การไม่เอาธุระผู้เยาว์ การขัดขืน  ,ละทิ้ง,ปิดกั้น กับ ทั้งๆ ที่จนกว่าการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมทั้ง เด็ก ก็เกิด ขึ้น และมีให้เห็นบ่อย ๆ  ในทางเปลี่ยน ปริศนา เยาวชนลูกกำพร้า ก็อุบัติขึ้นมาโดยตรง กับ เหตุผล ที่พูดว่าความ “ ยากจน “  ด้วยกรณีนี้ เราจึงมองเห็น สมาคมต่าง ๆ ออกมา วิงวอนความสมรู้ร่วมคิด ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า อย่างเต็มเปี่ยม

รับ<b>อุปการะเด็กกำพร้า</b>

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ข้อสงสัย เด็กลูกกำพร้า สมัยนี้ได้ถูกเย็นชา กับนับวันจะเปลี่ยนไปเป็นปัญหากินเวลา ลำบากแก่การดัดสันดาน พร้อมด้วยสำรวจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หน่วยงานในสังกัด กรมพัฒนาสังคม และ สวัสดิการ  กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ที่รอเป็นโอกาส จัดการปัญหา ในกระทำ รับอุปการะเด็กกำพร้า ซึ่งฉันจะเห็นว่าปัจจุบันนี้ มีการนำลูก ของกระทำ ไปนำทางมาของ ที่อยู่อาศัยเด็กต่าง ๆ ออกมา ทำเลวทราม หรือใช้กำลังแรงงานเยาวชน หรือหยิบยกไปซื้อขายต่อให้ คหบดี ทั้งที่ พร้อมกับ นอกแว่นแคว้น เพื่อจะขุดค้นทางได้ที่ลูกกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า หรือ การรับเด็กกำพร้า  ที่เป็นสายเลือดของบุคคลอื่นมารับใช้ สามารถพบเห็นได้รับในสังคมไทยรับมานานนม เช่น รับอุปการะเด็กกำพร้า จาก วงศ์วาน เหล่ากอ หรือสมาชิกที่รู้จักใกล้ชิด กันดี แต่ขาดแคลนทุนรอน

 

       การ รับอุปการะเด็กกำพร้า แบบกฎเกณฑ์ริเริ่มมีขึ้นทันทีที่มี การโฆษิตใช้ประมวลกฎปฏิบัติแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 ซึ่งบันทึกให้แตะมีการจดรายชื่อ ตามพ.ร.บ. จดรายชื่อญาติ ในปี พ.ศ. 2478

     ใน   พ.ศ. 2508 กรมประชาสงเคราะห์ ได้ ดำเนินการเตรียมหาจัดญาติโกโหติกา ที่ อุปการะเด็กกำพร้า ที่ ถูกไม่รับผิดชอบ โดยมีการออก เป็นท่าทาง กรมประชาสงเคราะห์ ว่าด้วยการช่วยเหลือลูกลูกกำพร้า โดยแบบหาผู้ส่งเสียให้แก่ผู้เยาว์ลูกกำพร้า แต่ว่าการดำเนินงานดังกล่าวก็ยังกำกัดอยู่เจาะจงผู้เยาว์กำพร้า แค่ในความเกื้อกูลของกรมประชาสงเคราะห์เท่านั้น และ ขณะนั้นอีกต่างหากไม่มีการจดให้สำนักงาน สถานพยาบาล หรือ มูลนิธิ ที่มีเด็กลูกกำพร้า ถูกไม่เอาธุระจะต้องส่งผู้เยาว์ให้กรมประชาสงเคราะห์ กับปราศจากเทศบัญญัติกับองค์กรเฉพาะที่ลงมือการงานควบคุมสอดส่องงานด้านการ รับอุปการะเด็กกำพร้า มักเกิดที่ว่างมอบให้มีการแสวงกำไรจากเยาวชนกำพร้าเหล่านี้ ที่พบในรูปแบบของการรับเยาวชนเป็นลูกเต้า ราวปี พ.ศ.2519 - 20 มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเยาวชนกำพร้าให้กับชาวต่างประเทศเป็นปริมาณมาก จึงได้มี  มาตรการปกป้องรักษาการ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า

โดย ห้ามร.พ. สถานพยาบาล หรือ สถานสงเคราะห์ ต่างๆ ยกผู้เยาว์กำพร้าให้แก่คนใดไปปรนนิบัติหรือรับไปเป็นลูกชายลูกสาวบุญธรรม ต่อมามีการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการรับบุตรบุญธรรม" และมีการร่างกฎหมายเฉพาะออกมาเรียกว่า พระราชบัญญัติการรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม เป็น "ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม" จนปัจจุบัน ซึงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การยอมรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะเป็นลูกมี พ่อ แม่ กับผู้เยาว์กำพร้าถูกปล่อยปละละเลย ต้องดำเนินการภายใต้ข้อชี้เฉพาะ ของพ.ร.บ.การรับเด็กเป็นลูกเลี้ยงทุกประการ

 รับอุปการะเด็กกำพร้า

       ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมนั้นกอบด้วยหน้าที่รับผิดชอบในการมอบให้บริการด้านการลงมือสวัสดิการเด็กโดยการ

จัดหาญาติโกโหติกาตอบแทน ให้กับเด็กลูกกำพร้า กับเด็กที่ พ่อ แม่ ไม่อาจจะส่งให้กระทำให้อุปการะเยาวชนได้ และเยาวชนที่มีกฎศาลผลัดเปลี่ยนการให้ความตกลงปลงใจของพ่อแม่เด็ก โดยปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการรับลูกคือลูกเลี้ยง และต้องดำเนินการตามวิธีการของข้อบังคับอย่างถูกต้อง

โดยจะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อจะจัดหาวงศ์ญาติที่ควรในการปฏิบัติหน้าที่เป็นพ่อแม่ให้แก่เด็ก เพื่อให้เด็กได้มีความก้าวหน้าที่ดีทั้งทางด้านร่างกาย จิตวิญญาณ ความรู้สึก พร้อมทั้งเข้าสังคม รวมทั้งให้การเรียนรู้ เพื่อให้มีชีวิตเป็นสมาชิกที่มีคุณภาพของแวดวงต่อไปในภาคหน้า

ขั้นตอนการติดต่อขอเป็นครอบครัวสงเคราะห์ หรือ รับอุปการะเด็กกำพร้า

ในกรุงเทพฯ อาจจะโทรศัพท์ได้ที่ ฝ่ายครอบครัวอุปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือที่ที่ทำการพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรุงเทพมหานคร  ส่วนในต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่ ที่ว่าการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในจังหวัดที่ผู้ขออุปการะมีภูมิลำเนาอยู่

โดยต้องใช้หลักฐานดังนี้

  1. ทะเบียนบ้าน ( สำเนา )
  2. บัตรประจำตัวประชาชน ( สำเนา )
  3. ทะเบียนสมรส หรือ ทะเบียนหย่า หากมี ( สำเนา )
  4. ใบรับรองแพทย์ ( โรงพยาบาลรัฐ )
  5. รูปถ่าย 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 รูป

การติดตามการเลี้ยงดูเยาวชนกำพร้าที่ขออุปการะ

   เมื่อพี่น้องอุปการะที่ได้รับอนุมัติ ให้นำผู้เยาว์ไปอุปการะเอาใจใส่ดูแล นักสังคมสงเคราะห์ที่ยอมรับผิดชอบจะตามเยี่ยมเด็กกำพร้าและครอบครัวเป็นระยะระยะ เพื่อจะเกาะติดและให้คำปรึกษาชี้แนะในการดูแลเยาวชน เพื่อให้ลูกกำพร้าและพี่น้องสิงด้วยกันอย่างฉลุย โดยในปีแรกจะตรวจหาไปพบทุก 2 เดือนต่อครั้ง ส่วนในปีถัดถัดไปจะไปหาตามความเหมาะสมแต่ไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง จนกว่าเยาวชนลูกกำพร้าที่คุณจะมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ หรือเปลี่ยนวิธีการเกื้อกูลเยาวชนเป็นการขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม

วิธีการการดำเนินงานของวงศาคณาญาติ รับอุปการะเด็กกำพร้า               

  1. ผู้มีพระราชประสงค์ รับอุปการะเด็กกำพร้า ที่อยู่ในความส่งเสียของสถานบรรเทาทุกข์ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                1.)           รับเรื่องและสัมภาษณ์ข้อมูลเบื้องต้น พร้อมกับตรวจทานสิ่งพิมพ์และให้คำสั่งสอนต่างๆ

                2.)           เลือกคัดแวะเยี่ยมบ้านพร้อมกับสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะสุขทุกข์และความสอดคล้อง ทั้งนี้อาจร้องขอสิ่งพิมพ์เสริมในรายที่นำสิ่งพิมพ์มาให้ครบถ้วน ประกอบการทบทวนคุณสมบัติ

                3.)           มีดำเนินเรื่องขออนุมัติสรรพคุณต่ออธิบดี เพื่อให้ผู้ขอความเกื้อกูลเด็กกำพร้า ที่มีคุณค่าพอดีไปพบเด็กที่สถานช่วยเหลือ

                4.)           แจ้งให้ผู้ขออุปถัมภ์ลูกกำพร้าทราบ พร้อมด้วยมีการส่งรายงานการเข้าตรึกตรองลูกให้สถานสงเคราะห์ที่สัมพันธ์เข้าใจ

                5.)           ผู้ร้องขออุปถัมภ์พบผู้เยาว์กำพร้าที่ตั้งใจจะรับความเกื้อกูล สถานอนุกูลบอกประวัติส่วนตัวเด็กที่พอดีและสามารถส่งให้ให้ไปความเกื้อกูลได้ แล้วดำเนินการร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้อุปถัมภ์เยาวชนกำพร้า

                6.)           บอกกล่าวให้ผู้อุปการะผู้เยาว์กำพร้าทราบ และส่งหนังสือบอกสถานที่ส่งเสริมให้ส่งให้เยาวชนแก่ผู้ร้องขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า

                7.)           ในความที่ผู้ร้องขอความเกื้อกูลเด็กกำพร้ามีคุณลักษณะไม่เหมาะสม จะแจ้งให้ผู้ร้องขอคุณเด็กรู้เป็นคู่มือ

                8.)           เกาะติดการดูแลลูกลูกกำพร้าในปีแรกแวะเยี่ยมทุก 2 เดือน ในปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความเหมาะ

 

  1. ผู้แสดงความมุ่งหวังขอเลี้ยงดูผู้เยาว์กำพร้าถูกปล่อยปละละเลยซึ่งมีผู้เลี้ยงดูไว้ในญาติโกโหติกา

                1.)           รับคำอธิบาย และไต่ถามข่าวคราวขั้นต้น พร้อมตรวจสอบงานพิมพ์และให้ข่าวคราวต่างๆ

                2.)           สอบทานแวะเยี่ยมที่อยู่อาศัย และสอบพฤตินัยเกี่ยวกับสภาพชีวิตตามความเป็นการสมควร และการปฏิบัติเพราะประวัติส่วนตัวความเป็นมาของเยาวชนกำพร้า

                3.)           เรื่องที่เด็กลูกกำพร้าไม่มีงานพิมพ์ใบแสดงหลักฐานเกี่ยวกับตนเอง และผู้ยอมรับส่งเสียผู้เยาว์กำพร้าไม่ใคร่ได้ส่งเยาวชนเข้าสถานที่บรรเทาทุกข์เพื่อปฏิบัติการเรื่องใบแสดงหลักฐานของเด็ก  ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้เกื้อกูลเด็กลูกกำพร้า

                4.)           กรณีที่ผู้เยาว์กำพร้ามีชื่ออยู่ในสารบาญที่อยู่อาศัยของผู้ร้องขอแล้ว ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้เกื้อกูลเด็กกำพร้าและขออนุมัตินำชื่อเยาวชนลูกกำพร้าเข้าไปอยู่ในความอุปการะของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                5.)           สถานสงเคราะห์เพิ่มนามกรเด็กกำพร้าเข้าทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเด็กกำพร้า

                6.)           ติดตามการชุบเลี้ยงผู้เยาว์กำพร้า โดยในปีแรกต้องแวะเยี่ยม 2 เดือน ต่อครั้ง และปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความพอควร

ขั้นตอนการดำเนินการขอส่งเสียผู้เยาว์กำพร้าในสถานที่สนับสนุนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการแบบครอบครัวอุปถัมภ์

เราจะเห็นได้ว่า ขั้นตอนการดำเนินการขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า ไม่ยุงยากเลย แค่เพียงกระผมมีใจคอที่คิดจะค้ำจุน เด็กเหล่านี้ก็จะได้ รับอุปการะ แล้ว



เครดิต : https://www.unicef.or.th/supportus/th

No comments:

Post a Comment