บริจาคเงิน
บริจาคเงิน ไม่ใช่เรื่องยากกระไรแค่เคลื่อนที่ไปแนวปากซอย หยอดสตางค์ใส่กล่องบริจาคในเซเว่นที่ประกอบด้วยอยู่ทุกซอยก็แค่เนี้ยง่ายจะตายแต่จะมีใครเข้าใจหรือเปล่าว่าเงินตราไปไหนหยอดแล้วเงินไปไหน ผู้ที่มุ่งหมายเงินตราเหลือหลายที่คอยโอกาสจากฉันเพียงแค่เราบริจาคเงิน ผู้รับมุ่งหมายแค่โอกาสที่ฉันจะหยิบยื่นส่งให้ แค่บริจาคเงิน กากสตางค์ เล็กๆน้อยๆนี้ก็อาจทำเบื้องหน้าให้ใครต่อใครมานักต่อนักแล้ว เชื่อหรือเปล่าว่า เงินเหรียญเล็ก ๆที่เรามิใคร่อยากรวบรวมไว้ พร้อมด้วยโยนให้ยาจกข้างถนน ที่ขนานนามส่งให้หรู ๆว่าเราได้บริจาคเงินให้พวกเขาด้วยซ้ำ ก็สำหรับเขาไม่ได้ขอร้อง ดีฉันให้ด้วยความเต็มใจ ขอทาน รวยกว่าดีฉันหลายทบนักเพราะกากเงินนี่ล่ะ กระยาจกบางท่านแรก ๆก็ขอไปงั้น ๆ ไร้กระไรทำ หลัง ๆ มีเงินตราเก็บมากมายเข้าก็ชักเพลิดเพลินใจ กลายเป็นร้องขอจนเป็นนิสัยก็มากหลาย พูดว่าลูกอีช่างขอ แต่ที่ผิดธรรมดากว่านั้นก็เป็นพวกที่ ไม่ขอเหมือนกัน แต่ให้เรียกหาให้ภูมิฐานว่า บริจาค คนรุ่นเก่า ๆ อาจจะไม่คุ้นกับ การบริจาคดังนี้ เพราะด้วยเมื่อก่อนไม่ค่อยจะมี ช่วงนี้ใครมีลูกเต้าวัยกำลังเรียนก็จะมองเห็นการ บริจาคเงิน แบบนี้ บริจาคเงินทั้งทีต้อง 5 หมื่นอัพ กับการจะเข้าห้องเรียนสถานศึกษาซักแห่ง อย่างขณะนี้ ในกรุงเทพฯอาจเห็นภาพไม่ค่อยชัดทั้งนี้เพราะมีตัวเลือกสถานที่เรียนมากหลาย แต่ในบ้านป่า มีอำเภอเมือง อำเภอเดียว นักเรียนของทั่วจังหวัดก็วาดฝันจะมาศึกษาเล่าเรียนในตัวเมือง วิธีการ บริจาคเงิน ก็เริ่มต้นตรงนี้ ร้องขอช่วยบริจาคเงิน 5 หมื่น ช่วยโรงเรียน แล้วเยาวชนจะได้ร่ำเรียน ทุกข์ทรมานหรือเปล่า ไม่ชำระก็ได้ แต่ไม่เรียนรู้นี่คือข้อสรุปอันแสนเจ็บร้าวของผู้นำที่มีเด็กหัวใส สอบได้แต่ไม่มีโอกาสเรียนรู้สำหรับไม่รู้จักคำว่า บริจาคเงิน
บริจาคเงิน
บริจาคเงิน หากจะเอ่ยปากไปแล้ว เมืองไทยของเราก็ติดอันดับในเรื่องราวการบริจาคเงินกับเขาเช่นเดียวกัน เทียบเคียงชั้นคฤหบดีแถวหน้าก็ว่าได้ถ้าหากเอาเรื่องราว บริจาคเงินมาเป็นตัววัด ปี สองพันสิบสี่ กระผมติดอันดับ สาม เรื่องบริจาคเงินเลยทีเดียว เนื่องจากคนไทยขี้เห็นใจ พร้อมทั้งการบริจาคเงิน มีผลสำรวจหามาแล้วว่าเป็นขั้นตอนที่สะดวกสุด ๆ ที่คนข้าจะบริจาคกัน อย่างประเดี๋ยวนี้ที่มีข่าวออกทีวี คนไทยนี้ดี สละให้อารามซะเยอะแยะ จนขโมยมาปล้นสะดม ตู้บริจาคไปแล้วถึง แปดใบ เดี๋ยวนี้ก็ต้องรับสละกล่องรับบริจาคไปพลาง ๆการ บริจาคเงิน ในบ้านพักอาศัยข้าเป็นที่นิยมบริจาคให้กับสมาคมต่าง ๆ ด้วยจะมุ่งเน้นการบริจาคเงิน ส่งให้เพื่อประคับประคองลูกกำพร้า การบริจาคเงิน เพื่อให้เป็นทุนการศึกษาเด็ก พร้อมด้วยถ้าเป็นระยะที่มีปัญหาเรื่องภัยพิบัติต่าง ๆเช่นปี 54 ที่มีน้ำหลากกับปี 46 ที่เกิด สึนามิ คนไทยก็มีการ บริจาคเงิน กันอย่างมากมายก่ายกอง ส่วนสิทธิ์คุณค่าที่ได้ถ้าหากมีการให้ อย่างคนที่สละอย่างอื่นที่มิใช่ตัวเงินตรา เพราะบางคนก็ไม่นิยม บริจาคเงิน แต่ จะบริจาคของใช้เครื่องใช้ทดแทน หรือ เสียสละเลือด สละเกร็ดเลือดที่อาจจะทำได้ทุกเดือน หรือถ้าหากใครของที่บ้านเรือนมากมายก็อาจจะนำทางเสียสละได้ หรือใครพร้อมด้วยที่จะเสียสละสังขาร แขนขา ดวงตา ก็อาจจะทำได้หากไม่ปรารถนาบริจาคเงิน การบริจาคเงิน นั้นในเวลานี้มีการกำหนดวัตถุประสงค์ชัดเจน เช่น บริจาคเงิน เพื่อให้ไถ่ชีวีโคควาย บริจาคเงิน สำหรับ ประคับประคองอุทกภัย สิ่งนี้จะทำให้ดิฉันรู้ว่าสตางค์กระผมไปที่ไหนบ้าง อย่างที่อาราม การบริจาคเงิน บางอาราม เสียสละ 10 บาท 20 บาท ก็มีการขึ้นชื่อ แจ้งไว้ว่าใครสละบ้าง ส่วนการนำไปใช้ก็ต้องแล้วแต่อารามว่าจะนำไปใช้ดำเนินงานสิ่งไร
บริจาคเงิน
การบริจาคเงิน กับ การทำทานสมัยนี้ หากจะทำก็ต้องคัดเลือกทำให้ดี ให้ตรงจุด เช่นว่า การซื้อนก ปลา เพื่อชี้บอกไปอนุญาต หากมีเจตนาดีก็อย่าไปจับจ่าย นกปลาที่เขามีการจัดแจงไว้ มันก็คล้ายไปส่งเสริมให้เขา ไปจับ ไปล่อมาค้าขาย กับนกที่ดิฉันปล่อย ๆ ไป มันก็พลิกผันมาที่เดิม ก็นกมันมีอยู่แต่ในกรงไม่รู้เรื่องจะไปไหน หรือการ บริจาคเงิน ให้เด็กขอทาน กับคนขอเงินต่าง ๆ ยิ่งให้ก็ยังกับเป็นการช่วยให้มียาจกอยู่ถัดจากนั้น ลองกระผมไม่ให้ ไม่ส่งเสริม เขาก็เลิกขอกันไปเอง การบริจาคเงินชั่วขณะหนึ่งนี้ ดูจะเป็นเรื่องราวเป็นปกติ ไปแล้วสำหรับคนทั่ว ๆไป เพราะแค่คิดว่าหยอดไป ไม่กี่เงิน ไม่ต้องคิดสิ่งไรมาก อย่างเช่น ตู้ที่ตั้งอยู่ในร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ กับในห้างสรรพสินค้าที่ จ่ายสตางค์ค่าของใช้เสร็จปั๊บ ก็เจอตู้เสียสละ ข้าก็ทำจนเป็นความคุ้นที่ต้องหยอด ด้วยไม่รู้เรื่องว่าเงินตรานั้นเอาไปทำเช่นไร เอาไปไหน กับการบริจาคเงินกับสื่อต่าง ๆ ที่มีการโหนแนวทางต่าง ๆ ให้ดิฉัน บริจาคเงินกัน เมื่อก่อนจะมีการชี้ชวนคนบริจาคเงินด้วยมีการจำเรียง คนก็โทรเข้าไปเสียสละมากมาย ถ้าหากใครมีใจที่นึกจะสละจริง ๆ ก็ทบทวนดูกันสักนิดก่อนนึกที่จะหยอดเงิน หรือโอนเงินให้ใคร ถ้าหากคิดว่าใช่ ก็สละไปเถอะ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้สดใส เงินตราจะไปไหนก็ค่อยมาว่ากัน
บริจาคเงินแล้ว เว้นแต่ว่าได้ความภูมิใจ หากใครสละบ่อย ๆ ก็ลองดูกรณีการลดภาษีอากรไว้บ้าง คนกินค่าจ้างที่ค่าแรง 2 3 หมื่นทางบ.ของฉันมีการหักเงินได้ส่งภาษีไปทั่วเดือนหากเรา มิได้นำสตางค์ที่เราบริจาค ไปทั้งปวงเดือนมาหักลดหย่อนภาษีอากร สมมุติ ค่าจ้าง 25,000 รวมทั้งสิ้นเงินโบนัส อีกโดยประมาณ 8 เก้าหมื่น รวมทั้งสิ้นแล้วชำระภาษีอากรไป จวนจะ หกพัน ถ้าเอาใจใส่ลูกเต้า บิดา คุณแม่ด้วย พร้อมทั้ง ใช้สิทธิ์ลดหย่อนจากการบริจาคเงินมาร่วมด้วย ก็จะได้กลับเงินภาษีแน่ๆ หากดีฉันบริจาคให้สถานศึกษาตามที่ภาษีกะเกณฑ์ มากมายแห่งก็จะนำรับมาหักลดหย่อนได้ถึง สองเท่าของยอดเงินสละ แต่เช่นนี้ต้องดูระเบียนจากสรรพากรพร้อมกันไปด้วยเพื่อให้จะได้ใช้สิทธิให้จนสุดกำลัง
บริจาคเงิน ข้าพเจ้าจะสละแห่งใด ตอนไหน กับให้ใครก็ได้เป็นสตางค์ของกระผม สิทธิของเราที่จะ บริจาคเงิน แต่ เสี่ยงนิดนึงว่า เขาเอาไปทำกระไร ที่ใด ให้พร้อมด้วยใคร น่าเลื่อมใสมากน้อยแค่ไหน อย่าเพียง โยน ใส่ตู้ มิได้ดูตาม้าตาเรือ ทำแล้วก็ให้ดีนิด ถ้าฉันครุ่นคิด จะ บริจาคเงิน
ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th
No comments:
Post a Comment