Saturday, March 12, 2016

รับอุปการะเด็กกำพร้า เพื่อชีวิตที่สดใส ร่วมสร้างอนาคต ให้เด็กกำพร้า ร่วมกัน รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ประจุบัน ปัญหา ลูกลูกกำพร้า ได้กลับกลายเป็นปริศนา ระดับบ้านเมือง ไปแล้ว ด้วยเหตุที่ ที่มา หลาย ๆ อย่าง เช่น บุรุษ ผู้หญิง มีหน้าที่ ไม่เป็นได้รับผิดชอบลูกชายลูกสาวได้ ภาระทางกลุ่มไม่อาจแสดงตัวได้ ขาดสมาชิก ให้ สิ่งต่าง ๆ กลุ่มนี้ทำให้เกิด ข้อสงสัย เด็กกำพร้า ขึ้นเหลือล้น   เราจะเห็นว่ามีข่าว ในความ เด็กกำพร้า การทิ้งขว้างผู้เยาว์ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ให้เพ่ง ไม่หยุดแม้แต่ละวัน  เหตุผล หลัก ๆ ที่เกิดเด็กกำพร้า เกิดที่การขาดความรับผิดชอบ ของพ่อแม่ผู้เยาว์คือ เอ้ ประกอบพร้อม ความไม่พร้อมด้วยของพ่อแม่, ญาติ รวมกระทั่งถึง คนสนิทของบิดามารดาผู้เยาว์เอง ที่คือตัวแปรทำให้เกิด เด็กลูกกำพร้า เหล่านี้ขึ้น จากสถิติที่น่าขวัญหนีดีฝ่อ ฉันพบว่ากึ่งของปุถุชนทั้งโลกที่พึ่งพาอาศัยอยู่บนโลก ใบ เล็ก ๆ ใบนี้ มีอยู่ณความยากจนข้นแค้น  ลูก พร้อมกับ วงศ์ญาติ จงดิ้​​นรนฟันฝ่าเพื่อความอยู่รอด การไม่เอาใจใส่ลูก การฝืน  ,ไม่ไยดี,ปิดกั้น กับ ถ้าแม้ตราบเท่าการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมกับ ผู้เยาว์ ก็เกิด ขึ้น และมีให้เห็นบ่อย ๆ  ในทางตรงข้าม ปริศนา เยาวชนกำพร้า ก็อุบัติขึ้นมาโดยตรง กับ ที่มา ที่พูดว่าความ “ ยากจน “  ด้วยปัจจัยนี้ ฉันจึงเห็น มูลนิธิต่าง ๆ ออกมา ร่ำขอความสมคบคิด ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า อย่างเหลือล้น

รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ปมปัญหา ลูกกำพร้า ปัจจุบันนี้ได้ถูกทอดทิ้ง พร้อมทั้งนับวันจะเปลี่ยนแปลงเป็นปมปัญหาเรื้อรัง ยุ่งยากแก่การแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งตรวจจากที่ทำงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หน่วยงานในสังกัด กรมพัฒนาสังคม และ สวัสดิการ  กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ที่เฝ้าคอยเป็นลู่ทาง ฟื้นฟูปมปัญหา ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า ซึ่งฉันจะเห็นว่าช่วงปัจจุบัน มีการนำเยาวชน ของการ ไปหยิบยกมาจาก บ้านลูกต่าง ๆ ออกมา ทำดุร้าย หรือใช้กำลังแรงงานเยาวชน หรือนำพาไปออกตัวต่อให้ คหบดี ทั้งข้างใน พร้อมทั้ง ข้างนอกดินแดน เพื่อค้นประโยชน์ของผู้เยาว์ลูกกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า หรือ การรับเยาวชนลูกกำพร้า  ที่เป็นลูกหลานของบุคคลอื่นมาสนับสนุน อาจพบเพ่งได้ในสังคมไทยมานมนานกาเล เช่น รับอุปการะเด็กกำพร้า จาก วงศาคณาญาติ ญาติโกโหติกา หรือสามัญชนที่รู้จักเป็นกันเอง กันดี แต่ขาดแคลนแคลนเงินทุน

 

       การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ตามข้อบัญญัติขึ้นต้นมีขึ้นเมื่อมี การป่าวใช้ประมวลกฎปฏิบัติแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 ซึ่งกะๆให้จำต้องมีการจดสารบาญ ตามพ.ร.บ. จดบัญชีชื่อญาติ ในปี พ.ศ. 2478

     ใน   พ.ศ. 2508 กรมประชาสงเคราะห์ ได้ ดำเนินการจัดเตรียมหาจัดสกุล ที่ อุปการะเด็กกำพร้า ที่ โดนไม่รับผิดชอบ โดยมีการออก เป็นท่าทาง กรมประชาสงเคราะห์ ว่าด้วยการสงเคราะห์ลูกลูกกำพร้า โดยแนวทางจัดหาผู้เลี้ยงดูมอบให้แก่ผู้เยาว์กำพร้า แต่กระนั้นการดำเนินงานดังกล่าวก็ยังจำกัดอยู่เฉพาะผู้เยาว์กำพร้า แค่ในความส่งเสียของกรมประชาสงเคราะห์เท่านั้น กับ ในตอนนั้นอีกทั้งไม่มีการกะเกณฑ์ให้ที่ประกอบการ สถานพยาบาล หรือ สมาคม ที่มีผู้เยาว์กำพร้า ถูกปล่อยปละละเลยจะต้องส่งลูกให้กรมประชาสงเคราะห์ พร้อมทั้งปราศจากกฎเกณฑ์หรือสหภาพเฉพาะที่ปฏิบัติภาระดูแลควบคุมงานด้านการ รับอุปการะเด็กกำพร้า จึงเกิดช่องว่างมอบให้กอบด้วยการมองหาผลตอบแทนจากลูกลูกกำพร้ากลุ่มนี้ ที่พบในรูปแบบของการรับผู้เยาว์เป็นสายเลือด ราวปี พ.ศ.2519 - 20 มีการแลกเปลี่ยนลูกลูกกำพร้าให้กับคนต่างประเทศเป็นปริมาณมาก จึงได้มี  มาตรการปกป้องการ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า

โดย ห้ามโรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือ มูลนิธิ ต่างๆ ยกผู้เยาว์ลูกกำพร้าให้แก่คนใดไปอุปการะหรือรับไปเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขบุญธรรม ต่อมามีการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการรับบุตรบุญธรรม" และมีการร่างเทศบัญญัติเฉพาะออกมาเรียกว่า พระราชบัญญัติการยอมรับลูกเป็นบุตรบุญธรรม เป็น "ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม" จนปัจจุบัน ซึงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การยอมรับลูกเป็นบุตรบุญธรรมไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะเป็นลูกมี พ่อ แม่ กับลูกลูกกำพร้าถูกไม่รับผิดชอบ ต้องดำเนินการภายใต้ข้อบังคับ ของพ.ร.บ.การรับลูกเป็นบุตรบุญธรรมทุกประการ

 รับ<a href=อุปการะเด็กกำพร้า" width="500" height="367" />

       ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมนั้นมีอยู่ภาระรับผิดชอบในการส่งให้บริการด้านการจัดการสวัสดิการเด็กโดยการ

จัดหาญาติชดเชย ให้กับผู้เยาว์กำพร้า หรือผู้เยาว์ที่ พ่อ แม่ ไม่สามารถให้กระทำความเกื้อกูลเอาใจใส่ดูแลเยาวชนได้ และเด็กที่มีคำบัญชาศาลทำแทนการให้ความตกลงของพ่อแม่ผู้เยาว์ โดยปฏิบัติตามพ.ร.บ.การรับลูกเป็นลูกเลี้ยง และต้องดำเนินการตามขั้นตอนของข้อบัญญัติอย่างถูกต้อง

โดยจะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้จัดหาครอบครัวที่พอเหมาะในการทำหน้าที่เป็นพ่อแม่มอบให้แก่เยาวชน เพื่อให้เยาวชนได้มีพัฒนาการที่ดีทั้งทางด้านร่างกาย อัธยาศัย ความรู้สึก และเข้าสังคม รวมทั้งให้การเรียน เพื่อให้มีชีวิตเป็นปุถุชนที่มีคุณภาพของเข้าสังคมต่อไปในภายภาคหน้า

ขั้นตอนการติดต่อขอเป็นครอบครัวเลี้ยงดู หรือ รับอุปการะเด็กกำพร้า

ในกทม. อาจสื่อสารได้ที่ ฝ่ายครอบครัวอุปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือที่ที่ทำงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรุงเทพฯ  ส่วนในต่างจังหวัด โทรศัพท์ได้ที่ สถานีพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในจังหวัดที่ผู้ขออุปการะมีภูมิลำเนาอยู่

โดยต้องใช้ใบสำคัญดังนี้

  1. สำมะโนครัว ( สำเนา )
  2. บัตรประชาชน ( สำเนา )
  3. ทะเบียนสมรส หรือ ทะเบียนหย่า หากมี ( สำเนา )
  4. ใบรับรองแพทย์ ( โรงพยาบาลรัฐ )
  5. รูปถ่าย 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 รูป

การติดตามการเลี้ยงดูเยาวชนลูกกำพร้าที่ขออุปการะ

   เมื่อญาติพี่น้องอุปการะที่ได้รับอนุมัติ ให้นำผู้เยาว์ไปอุปการะให้ นักสังคมสงเคราะห์ที่รับผิดชอบจะติดตามเยี่ยมเด็กกำพร้าและครอบครัวเป็นระยะๆ เพื่อจะเกาะติดและให้คำพิจารณาหารือเสนอแนะในการอุดหนุนเด็ก เพื่อให้เด็กลูกกำพร้าและญาติพี่น้องอาศัยพร้อมๆ กันอย่างอย่างง่ายดาย โดยในปีแรกจะสำรวจเยี่ยมเยียนทุก 2 เดือนต่อครั้ง ส่วนในปีถัดถัดไปจะแวะเยี่ยมตามความคู่ควรแต่ไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง จนกว่าเยาวชนกำพร้าที่อุปการะจะมีวัยครบ 18 ปีบริบูรณ์ หรือเปลี่ยนวิธีการความเกื้อกูลเยาวชนเป็นการขอรับเยาวชนเป็นลูกเลี้ยง

ขั้นตอนการดำเนินงานของตระกูล รับอุปการะเด็กกำพร้า               

  1. ผู้มีความหวัง รับอุปการะเด็กกำพร้า ที่อยู่ในความอุดหนุนของสถานเกื้อหนุนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                1.)           รับเรื่องและสัมภาษณ์ข่าวสารเบื้องต้น พร้อมทั้งตรวจสอบงานพิมพ์และให้คำชักชวนต่างๆ

                2.)           ตรวจทานเยี่ยมที่พักอาศัยกับสอบความเป็นจริงเกี่ยวกับสภาวะชีวิตและความเหมาะเจาะ ทั้งนี้อาจร้องขอเอกสารทำให้รุ่งเรืองขึ้นในรายที่นำสิ่งพิมพ์มาให้ครบถ้วน ประกอบการตรึกตรองคุณสมบัติ

                3.)           มีดำเนินเรื่องร้องขออนุมัติคุณวุฒิต่ออธิบดี เพื่อให้ผู้ขอความเกื้อกูลเยาวชนกำพร้า ที่มีคุณลักษณะสมกันไปพบลูกที่สถานที่สนับสนุน

                4.)           แจ้งให้ผู้ขอคุณลูกกำพร้าเข้าใจ และมีการส่งหนังสือการเข้านึกตรองผู้เยาว์ให้สถานที่ช่วยเหลือที่ยุ่งเกี่ยวรับรู้

                5.)           ผู้ขอความเกื้อกูลพบลูกกำพร้าที่ตั้งใจจะยอมรับอุปการะ สถานที่สนับสนุนบอกประวัติส่วนตัวเด็กที่พอเหมาะพอควรและสามารถส่งมอบให้ไปเลี้ยงดูได้ แล้วดำเนินการร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้ให้ลูกกำพร้า

                6.)           บอกให้ผู้ให้ลูกกำพร้าทราบ และส่งคู่มือบอกกล่าวสถานส่งเสริมให้ให้ผู้เยาว์แก่ผู้ร้องขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า

                7.)           ในเรื่องที่ผู้ขออุปการะเยาวชนลูกกำพร้ามีคุณลักษณะไม่เหมาะสม จะแจ้งให้ผู้ขอให้เด็กรู้เป็นหนังสือ

                8.)           ติดตามการเอาใจใส่ดูแลเยาวชนกำพร้าในปีแรกเยี่ยมเยียนทุก 2 เดือน ในปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความเป็นการสมควร

 

  1. ผู้แสดงความจำนงขอคุณลูกลูกกำพร้าถูกไม่เอาธุระซึ่งมีผู้เลี้ยงดูไว้ในญาติโกโหติกา

                1.)           รับประเด็น และสืบถามข่าวสารขั้นต้น พร้อมวิเคราะห์งานพิมพ์และให้ข่าวคราวต่างๆ

                2.)           ตรวจสอบไปพบที่อยู่อาศัย และสอบการปฏิบัติเกี่ยวกับสภาพทุกข์สุขตามความพอเหมาะ และความเป็นจริงเพื่อความเป็นมาความเป็นมาของเยาวชนกำพร้า

                3.)           ข้อความที่เยาวชนกำพร้าไม่มีเอกสารใบแสดงหลักฐานเกี่ยวกับตัวเอง และผู้รับเลี้ยงดูเยาวชนกำพร้าไม่ใคร่ได้ส่งเด็กเข้าสถานที่บรรเทาทุกข์เพื่อทำหน้าที่เรื่องหลักฐานของผู้เยาว์  ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้เกื้อกูลเยาวชนลูกกำพร้า

                4.)           กรณีที่เด็กลูกกำพร้ามีชื่ออยู่ในบัญชีที่อยู่อาศัยของผู้ร้องขอแล้ว ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้อุปการะเด็กลูกกำพร้าและขออนุมัตินำชื่อเยาวชนลูกกำพร้ามาถึงพักพิงในความส่งเสียของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                5.)           สถานช่วยเหลือเพิ่มชื่อเสียงเรียงนามเด็กกำพร้าเข้าทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเด็กกำพร้า

                6.)           เกาะติดการชุบเลี้ยงลูกลูกกำพร้า โดยในปีแรกต้องไปพบ 2 เดือน ต่อครั้ง และปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความเหมาะสม

ขั้นตอนการดำเนินการขออุปการะลูกลูกกำพร้าในสถานอนุเคราะห์ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการแบบครอบครัวอุปถัมภ์

กระผมจะเห็นได้ว่า กระบวนการการดำเนินการขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า ไม่ยุงยากเลย แค่เพียงกระผมมีความคิดที่คิดจะเลี้ยงดู เด็กเหล่านี้ก็จะได้ รับเกื้อกูล แล้ว



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th

No comments:

Post a Comment