Friday, March 11, 2016

รับอุปการะเด็กกำพร้า เพื่อชีวิตที่สดใส ร่วมสร้างอนาคต ให้เด็กกำพร้า ร่วมกัน รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ล่าสุด ข้อสงสัย เด็กกำพร้า ได้แปรไปเป็นปริศนา ระดับแว่นแคว้น ไปแล้ว เพราะว่า ที่มา หลาย ๆ ประการ ตัวอย่างเช่น บุรุษ วัยแรกรุ่น มีภาร ไม่เป็นได้รับผิดชอบลูกชายได้ ธุระทางวงการไม่อาจแสดงตัวได้ ขาดแคลนปุถุชน ส่งเสีย สิ่งต่าง ๆ กลุ่มนี้ทำให้เกิด ปัญหา เด็กกำพร้า ขึ้นเหลือล้น   เราจะพบว่ามีประกาศ ในถ้อยคำ ผู้เยาว์ลูกกำพร้า การทอดทิ้งเด็ก การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ให้มองเห็น ตลอดแม้แต่ละวัน  มูลเหตุ หลัก ๆ ที่กำเหนิดเยาวชนลูกกำพร้า เกิดของการขาดแคลนความรับผิดชอบ สิ่งของบุพการีลูกเป็น ยิ่งใหญ่ ประกอบพร้อมกับ ความไม่กับของบิดามารดา, ตระกูล รวมกระทั่งถึง คนสนิทของบุพการีเด็กเอง ที่คือตัวแปรเป็นเหตุให้เกิด เด็กลูกกำพร้า เหล่านี้ขึ้น จากสถิติที่น่าผวา ข้าพเจ้าค้นพบว่ากึ่งของปุถุชนทั้งโลกที่เข้าอยู่อยู่บนโลก ใบ เล็ก ๆ ใบนี้ มีอยู่แห่งความแร้นแค้น  เด็ก และ วงศาคณาญาติ แตะดิ้​​นรนประจัญเพื่อจะความรอดตาย การทิ้งขว้างเยาวชน การฝืน  ,ไม่รับผิดชอบ,ปิดกั้น หรือ ขนาดที่กระทั่งการล่วงละเมิดทางเพศ ด้วยกัน เยาวชน ก็เกิด ขึ้น และมีให้เห็นบ่อย ๆ  ในทางเปลี่ยน ปริศนา ผู้เยาว์ลูกกำพร้า ก็ปรากฏมาโดยตรง กับ สาเหตุ ที่พูดว่าความ “ ยากจน “  ด้วยสาเหตุนี้ ผมจึงเพ่ง สถานสงเคราะห์ต่าง ๆ ออกมา อ้อนวอนความร่วมกัน ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า อย่างเป็นอันมาก

รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ปริศนา ลูกกำพร้า สมัยปัจจุบันได้ถูกไม่เอาธุระ พร้อมกับนับวันจะแปรไปคือปัญหากินเวลา ชั่วแก่การปฏิสังขรณ์ และสืบสวนจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง เป็นพิเศษ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หน่วยงานในสังกัด กรมพัฒนาสังคม และ สวัสดิการ  กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเผ้าคอยเป็นวิถีทาง จัดการปัญหา ในกระทำ รับอุปการะเด็กกำพร้า ซึ่งข้าพเจ้าจะเห็นว่าสมัยปัจจุบัน มีการนำผู้เยาว์ ของกระทำ ไปหยิบยกมาจาก ที่อยู่อาศัยเยาวชนต่าง ๆ ออกมา ทำดุร้าย หรือใช้พลังงานผู้เยาว์ หรือจับไปค้าต่อให้ คนรวย และข้างใน พร้อมด้วย ข้างนอกชาติ เพื่อที่จะแสวงหาผลประโยชน์ที่เยาวชนลูกกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า หรือ การรับเยาวชนกำพร้า  ที่เป็นสายเลือดของคนอื่นมาชุบย้อม อาจพบพบได้รับในสังคมไทยมาช้านาน เช่น รับอุปการะเด็กกำพร้า จาก ญาติ เหล่ากอ กับปุถุชนที่รู้จักคุ้นเคย กันดี แต่ขาดแคลนแคลนกองทุน

 

       การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ตามกฎหมายริเริ่มมีขึ้นเท่าที่มี การป่าวใช้ประมวลกฎปฏิบัติแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 ซึ่งชี้เฉพาะให้แตะต้องมีการจดสารบาญ ตามพ.ร.บ. จดระเบียนวงศ์วาน ในปี พ.ศ. 2478

     ใน   พ.ศ. 2508 กรมประชาสงเคราะห์ ได้ ดำเนินการเตรียมหาจัดญาติ ที่ อุปการะเด็กกำพร้า ที่ ถูกทิ้งๆ ขว้างๆ โดยมีการออก เป็นข้อบังคับ กรมประชาสงเคราะห์ ว่าด้วยการบรรเทาทุกข์ลูกกำพร้า โดยแนวทางจัดหาผู้เลี้ยงดูส่งให้แก่เด็กลูกกำพร้า แต่การดำเนินงานดังกล่าวก็ยังจำกัดอยู่เจาะจงลูกกำพร้า แค่ในความอุปถัมภ์ของกรมประชาสงเคราะห์เท่านั้น กับ ขณะนั้นอีกทั้งไม่มีการระบุให้ที่ทำงาน สถานพยาบาล หรือ มูลนิธิ ที่มีผู้เยาว์กำพร้า ถูกไม่เอาใจใส่จะต้องส่งเด็กให้กรมประชาสงเคราะห์ พร้อมกับพ้นไปกฎเกณฑ์กับหน่วยงานเจาะจงที่ทำกิจควบคุมคุ้มครองงานด้านการ รับอุปการะเด็กกำพร้า มักเกิดระยะให้มีอยู่การค้นหาประโยชน์จากเยาวชนกำพร้ากลุ่มนี้ ที่พบในรูปแบบของการรับผู้เยาว์เป็นกุลบุตร ราวปี พ.ศ.2519 - 20 มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเยาวชนกำพร้าให้กับคนต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จึงได้มี  มาตรการอภิบาลการ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า

โดย ห้ามโรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือ สถานสงเคราะห์ ต่างๆ ยกเยาวชนลูกกำพร้าให้แก่คนใดไปเอาอกเอาใจหรือรับไปเป็นบุตรบุญธรรม ต่อมามีการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการรับบุตรบุญธรรม" และมีการร่างเทศบัญญัติเฉพาะออกมาเรียกว่า พระราชบัญญัติการรับลูกเป็นลูกเลี้ยง เป็น "ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม" จนปัจจุบัน ซึงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การรับเด็กเป็นลูกเลี้ยงไม่ว่าเด็กนั้นจะเป็นผู้เยาว์มี พ่อ แม่ กับผู้เยาว์ลูกกำพร้าถูกไม่รับผิดชอบ ต้องดำเนินการภายใต้ข้อคัดลอก ของพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมทุกประการ

 รับอุปการะเด็กกำพร้า

       ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมนั้นประกอบด้วยภาระหน้าที่รับผิดชอบในการให้บริการด้านการทำงานสวัสดิการเยาวชนโดยการ

หาตระกูลทดแทน ให้กับผู้เยาว์กำพร้า กับเยาวชนที่ พ่อ แม่ ไม่สามารถส่งให้กระทำอุดหนุนสนับสนุนเยาวชนได้ และลูกที่มีคำประกาศิตศาลทำแทนการให้ความตกลงปลงใจของพ่อแม่เด็ก โดยปฏิบัติตามพ.ร.บ.การรับเยาวชนเป็นลูกเลี้ยง และต้องดำเนินการตามกรรมวิธีของกฎปฏิบัติอย่างถูกต้อง

โดยจะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อที่จะหาครัวเรือนที่เหมาะเจาะในการปฏิบัติภารกิจเป็นพ่อแม่ส่งให้แก่ผู้เยาว์ เพื่อให้ผู้เยาว์ได้มีความก้าวหน้าที่ดีทั้งทางด้านร่างกาย ความรู้สึก อารมณ์ และกลุ่ม รวมทั้งให้การศึกษา เพื่อให้มีชีวิตเป็นคนที่มีคุณภาพของเข้าสังคมต่อไปในภายภาคหน้า

ขั้นตอนการติดต่อขอเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ หรือ รับอุปการะเด็กกำพร้า

ในกรุงเทพมหานคร อาจโทรศัพท์ได้ที่ ฝ่ายครอบครัวอุปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือที่ที่ว่าการพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรุงเทพฯ  ส่วนในต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในจังหวัดที่ผู้ขออุปการะมีภูมิลำเนาอยู่

โดยต้องใช้เอกสารสำคัญดังนี้

  1. ทะเบียนสำมะโนครัว ( สำเนา )
  2. บัตรประชาชน ( สำเนา )
  3. ทะเบียนสมรส หรือ ทะเบียนหย่า หากมี ( สำเนา )
  4. ใบรับรองแพทย์ ( โรงพยาบาลรัฐ )
  5. รูปถ่าย 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 รูป

การติดตามการเลี้ยงดูเยาวชนลูกกำพร้าที่ขออุปการะ

   เมื่อญาติโกโหติกาอุปการะที่ได้รับอนุมัติ ให้นำลูกไปอุปการะอุ้มชู นักสังคมสงเคราะห์ที่ยอมรับผิดชอบจะติดตามเยี่ยมเด็กกำพร้าและครอบครัวเป็นระยะระยะ เพื่อที่จะเกาะติดและให้คำปรึกษาหารือชี้ช่องในการส่งเสียผู้เยาว์ เพื่อให้ลูกกำพร้าและพี่น้องทรงไว้กับอย่างราบรื่น โดยในปีแรกจะตรวจจับไปหาทุก 2 เดือนต่อครั้ง ส่วนในปีถัดถัดไปจะเยี่ยมเยียนตามความพอสมควรแต่ไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง จนกว่าเด็กลูกกำพร้าที่อุดหนุนจะมีวัยครบ 18 ปีครบ หรือเปลี่ยนวิธีการให้เด็กเป็นการขอรับลูกเป็นบุตรบุญธรรม

กรรมวิธีการดำเนินงานของวงศ์ญาติ รับอุปการะเด็กกำพร้า               

  1. ผู้มีความปรารถนา รับอุปการะเด็กกำพร้า ที่อยู่ในความความเกื้อกูลของสถานสนับสนุนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                1.)           รับเรื่องและสัมภาษณ์ข่าวสารเบื้องต้น พร้อมทั้งทดสอบเอกสารและให้คำแนะนำต่างๆ

                2.)           สอบทานไปพบที่อาศัยพร้อมทั้งสอบความเป็นจริงเกี่ยวกับสถานะชีวิตและความพอประมาณ ทั้งนี้อาจขอสิ่งพิมพ์เพิ่มขึ้นในรายที่นำงานพิมพ์มาให้ครบถ้วน ประกอบการวิเคราะห์คุณสมบัติ

                3.)           มีดำเนินเรื่องร้องขออนุมัติคุณวุฒิต่ออธิบดี เพื่อให้ผู้ขอความเกื้อกูลลูกลูกกำพร้า ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมไปพบลูกที่สถานที่สนับสนุน

                4.)           แจ้งให้ผู้ขอเกื้อกูลเด็กลูกกำพร้าทราบ พร้อมกับมีการส่งตำราการเข้าพินิจพิเคราะห์เด็กให้สถานที่บรรเทาทุกข์ที่เกี่ยวเนื่องทราบ

                5.)           ผู้ขอส่งเสียพบผู้เยาว์ลูกกำพร้าที่เรียกร้องจะรับให้ สถานอนุเคราะห์แจ้งประวัติลูกที่พอเหมาะพอควรและสามารถแจกให้ไปความเกื้อกูลได้ แล้วดำเนินการร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้ให้เด็กลูกกำพร้า

                6.)           บอกกล่าวให้ผู้ให้เยาวชนลูกกำพร้าทราบ และส่งคู่มือบอกกล่าวสถานที่บรรเทาทุกข์ให้นำไปให้เยาวชนแก่ผู้ขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า

                7.)           ในเรื่องที่ผู้ร้องขอให้ลูกกำพร้ามีคุณลักษณะไม่เหมาะสม จะแจ้งให้ผู้ร้องขอให้ผู้เยาว์รับรู้เป็นคู่มือ

                8.)           ติดตามการเลี้ยงเยาวชนลูกกำพร้าในปีแรกไปหาทุก 2 เดือน ในปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความเหมาะสม

 

  1. ผู้แสดงความประสงค์ขอความเกื้อกูลเด็กกำพร้าถูกทอดทิ้งซึ่งมีผู้เลี้ยงดูไว้ในครอบครัว

                1.)           รับข้อความสำคัญ และสอบถามข่าวคราวขั้นต้น พร้อมตรวจดูงานพิมพ์และให้ข่าวสารต่างๆ

                2.)           สอบทานไปหาที่อาศัย และสอบความเป็นจริงเกี่ยวกับสภาพชีวิตตามความเป็นการสมควร และการปฏิบัติเพราะเรื่องราวความเป็นมาของเด็กลูกกำพร้า

                3.)           เหตุที่เยาวชนกำพร้าไม่มีงานพิมพ์เอกสารสำคัญเกี่ยวกับตัวเอง และผู้รับคุณเยาวชนลูกกำพร้าไม่อยากส่งผู้เยาว์เข้าสถานสงเคราะห์เพื่อปฏิบัติงานเรื่องหลักฐานของเด็ก  ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้อุปถัมภ์เยาวชนลูกกำพร้า

                4.)           กรณีที่เยาวชนกำพร้ามีชื่ออยู่ในสารบาญที่อาศัยของผู้ขอแล้ว ให้ดำเนินเรื่องร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้เลี้ยงดูผู้เยาว์ลูกกำพร้าและขออนุมัตินำชื่อเยาวชนกำพร้าเข้ามาคงอยู่ในความให้ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                5.)           สถานอนุเคราะห์เพิ่มนามกรเด็กกำพร้าเข้าทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเด็กกำพร้า

                6.)           ตามการค้ำชูลูกลูกกำพร้า โดยในปีแรกต้องแวะเยี่ยม 2 เดือน ต่อครั้ง และปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความคู่ควร

ขั้นตอนการดำเนินการขอเกื้อกูลเด็กลูกกำพร้าในสถานอนุกูลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการแบบครอบครัวอุปถัมภ์

กระผมจะเห็นได้ว่า ขั้นตอนการดำเนินการขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า ไม่ยุงยากเลย แค่เพียงกระผมมีความคิดที่คิดจะทะนุถนอม เด็กเหล่านี้ก็จะได้ รับอุปการะ แล้ว



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th

No comments:

Post a Comment