Friday, March 11, 2016

มนุษย์ค่าจ้างรายเดือนยืดหยุ่นภาษีอากรอะไรได้บ้าง

ลดหย่อนภาษี

ตามข้อบังคับแล้ว บุคคลที่มีเงินได้ทั่วๆไปมีหน้าที่ที่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาตามที่กฎปฏิบัติบัญญัติ  เพื่อที่รัฐบาลจะได้นำเงินส่วนนี้มาใช้ในการบริหารและปฏิรูปประเทศ เชื่อว่าหลายๆคนคงกำลังมองหาวิธีผ่อนปรนภาษีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินส่วนนี้ครบ ก่อนที่จะทำการลดหย่อนภาษีเราต้องมาศึกษาก่อนว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีอากรนั้นมีอะไรบ้าง

ในทุกๆปีจะมีการคิดเลขเงินได้ทั้งปีและภาษีที่แต่ละบุคคลนั้นต้องจ่าย อัตราภาษีจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับเงินรายได้สุทธิของแต่ละบุคคลในแต่ละปี ซึ่งอัตราภาษีอากรนั้นเราสามารถทำการลดหย่อนได้ สิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นก็มีให้เลือกหลายประเภท ได้แก่

 

 ลดหย่อนภาษี

ลดหย่อนภาษี

ค่าลดหย่อนเฉพาะบุคคล

สามารถผ่อนปรนได้เต็มจำนวน 30,000 บาท สำหรับผู้ที่มีเงินได้ทุกคนสามารถใช้สิทธินี้ได้เต็มๆ โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ

ค่าลดหย่อนคู่ครอง

กรณีที่คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ หรือเลือกยื่นแบบแสดงรายการรวมกัน จะได้สิทธิผ่อนปรนเพิ่มอีกจำนวน 30,000 บาท โดยมีเงื่อนไขคือ คู่สมรสต้องมีการจดทะเบียนสมรสที่ถูกต้องตามข้อบังคับ หรือคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้ระหว่างปี

ค่าลดหย่อนบุตรธิดา และค่าลดหย่อนการศึกษาบุตร

บุตรตามกฎหมายหรือลูกบุญธรรมสามารถลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท ใช้หักสูงสุดได้ไม่เกิน 3 คน โดยบุตรธิดาต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี แต่ถ้าอายุระหว่าง 20 - 25 ปี ต้องเรียนในระดับ ปวส. ขึ้นไป สำหรับบุตรที่กำลังศึกษาเล่าเรียนภายในประเทศจะได้ค่าผ่อนปรนเพิ่มอีกคนละ 2,000 บาท โดยระดับการศึกษาจะหมายความว่าชั้นอนุบาลจนถึงปริญญาเอก และบุตรต้องไม่มีเงินได้ในปีภาษีนั้นๆเกิน 15,000 บาท จึงจะสามารถทำการลดหย่อนได้

ค่าเลี้ยงชีพบิดามารดา

สำหรับผู้มีรายได้ที่มีพ่อแม่อายุตั้งแต่ 60 ปีเป็นต้นไป และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท โดยผู้มีรายได้ที่จะใช้สิทธินี้ต้องเป็นบุตรที่แท้จริง หรือลูกบุญธรรมที่ถูกต้องตามนิติ โดยสามารถหักลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท แต่ถ้าบุพการีมีบุตรหลายคน สามารถใช้สิทธินี้ได้กับบุตรแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้สิทธิซ้อนกันได้

ค่าประกันลูกกตัญญู

ผู้มีเงินได้ที่ซื้อ “ประกันลูกกตัญญูกตเวที” ซึ่งเป็นประกันสุขภาพให้กับพ่อแม่ สามารถนำเบี้ยประกันส่วนนี้มาหักผ่อนปรนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยที่บิดามารดาต้องมีอายุไม่ถึง 60 ปี และมีเงินรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท

ค่าอุปการะอุปถัมภ์ผู้ทุพพลภาพ

สำหรับคนที่ต้องเลี้ยงดูผู้ทุพพลภาพ ที่มีรายได้ปีละไม่เกิน  30,000 บาท สามารถนำผ่อนปรนภาษีได้คนละ 60,000 บาท โดยผู้ส่งเสียและผู้ทุพพลภาพไม่จำเป็นต้องเป็นญาติกันก็ได้ แต่ผู้ทุพพลภาพต้องมีบัตรคนพิการรับประกันตามกฎหมายและผู้อุปถัมภ์ต้องอยู่ในรายชื่อผู้ปกครองในบัตรผู้พิการนั้นด้วย จึงจะสามารถทำการผ่อนปรนได้

เงินบริจาคสาธารณกุศล

สามารถนำมาลดหย่อนได้เท่ากับจำนวนรวมที่จ่ายจริง ยิ่งถ้าเป็นการบริจาคเงินเพื่อการเรียนแล้ว สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ถึง 2 เท่า ของจำนวนที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินยังเหลือจากการหักค่าลดหย่อนอื่นๆและค่าใช้สอยแล้ว

เงินทุนสำรองครองชีพ

เป็นเงินที่ลูกจ้างและเจ้านายตกลงสะสมร่วมกัน โดยคนงานจะจ่ายเงินที่เรียกว่าเงินสะสม และนายจ้างจะจ่ายเงินสนับสนุนให้ลูกจ้างอีกในทุกๆเดือนรวมกัน บริษัทจะจัดการเงินส่วนนี้โดยการนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ และจะจ่ายคืนให้กับลูกจ้างเมื่อลาออกหรือเกษียณ เงินส่วนนี้สามารถนำไปผ่อนปรนภาษีได้เท่ากับจำนวนที่จ่ายจริงรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุน RMF

เป็นเงินกองทุนรวมเพื่อการดำรงชีพ สนับสนุนการประหยัดเงินระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ สามารถนำไปผ่อนปรนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุน LTF

เป็นเงินทุนรวมหุ้นระยะยาว เพื่อสนับสนุนการลงทุนระยะยาวในหุ้นขึ้นทะเบียน สามารถนำไปผ่อนปรนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

ประกันบำนาญ

สามารถนำเบี้ยประกันมาผ่อนปรนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเงินค่าซื้อหาหน่วยลงทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และเงินออมเข้ากองทุนสำรองครองชีพหรือกองค่าบำเหน็จบำนาญราชการ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และประกันเบี้ยบำนาญที่นำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ ต้องมีเวลาในการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป

ประกันชีวิต

นำมาลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยประกันชีวิตต้องมีเวลาในการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป ในกรณีที่ไม่มีรายรับสามารถใช้ลดหย่อนได้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น

ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน

สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ในการผ่อนบ้านหรือที่อยู่อาศัย สามารถนำดอกเบี้ยจากการกู้เงินไปผ่อนปรนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท ในกรณีที่มีผู้กู้ร่วมหลายคน สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ทุกคนแต่ต้องรวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท

จะเห็นว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นมีให้เลือกหลากหลายรายการ ก่อนทำการจ่ายภาษีทุกครั้งอย่าลืมที่จะตรวจเช็คกันก่อนนะคะว่าตัวคุณเองสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง เพื่อเป็นผลกำไรของตัวคุณเอง จะได้เสียภาษีลดลงหรือได้เงินคืน มีเงินเหลือไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ มากขึ้น

 



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/give_monthly_donation_th

No comments:

Post a Comment