Wednesday, March 2, 2016

มนุษย์เงินเดือนยืดหยุ่นเงินภาษีอะไรได้บ้าง

ลดหย่อนภาษี

ตามกฎหมายแล้ว บุคคลที่มีเงินได้ทั่วๆไปมีหน้าที่ที่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาตามที่ข้อบัญญัติบัญญัติ  เพื่อที่รัฐบาลจะได้นำเงินส่วนนี้มาใช้ในการจัดการและพัฒนาประเทศ เชื่อว่าหลายๆคนคงกำลังหาวิธีผ่อนปรนภาษีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินส่วนนี้เต็มจำนวน ก่อนที่จะทำการลดหย่อนภาษีเราต้องมาเรียนก่อนว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นมีอะไรบ้าง

ในทุกๆปีจะมีการคำนวณรายได้ทั้งปีและภาษีอากรที่แต่ละบุคคลนั้นต้องชำระ อัตราภาษีจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่เงินได้สุทธิของแต่ละบุคคลในแต่ละปี ซึ่งอัตราภาษีอากรนั้นเราสามารถทำการผ่อนปรนได้ สิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นก็มีให้เลือกหลายประเภท ได้แก่

 

 ลดหย่อนภาษี

ลดหย่อนภาษี

ค่าลดหย่อนเฉพาะบุคคล

สามารถผ่อนปรนได้เต็มจำนวน 30,000 บาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ทุกคนสามารถใช้สิทธินี้ได้เต็มๆ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ

ค่าลดหย่อนคู่สมรส

กรณีที่คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ หรือเลือกยื่นแบบแสดงบัญชีรวมกัน จะได้สิทธิลดหย่อนเพิ่มอีกจำนวน 30,000 บาท โดยมีข้อกำหนดคือ คู่สมรสต้องมีการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎปฏิบัติ หรือคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้ระหว่างปี

ค่าลดหย่อนบุตร และค่าลดหย่อนการศึกษาเล่าเรียนบุตร

บุตรตามกฎหมายหรือลูกบุญธรรมสามารถลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท ใช้หักสูงสุดได้ไม่เกิน 3 คน โดยบุตรธิดาต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี แต่ถ้าอายุระหว่าง 20 - 25 ปี ต้องศึกษาในระดับ ปวส. ขึ้นไป สำหรับบุตรที่กำลังศึกษาเล่าเรียนภายในประเทศจะได้ค่าลดหย่อนเพิ่มอีกคนละ 2,000 บาท โดยระดับการศึกษาจะคือชั้นอนุบาลจนถึงปริญญาเอก และบุตรต้องไม่มีเงินได้ในปีภาษีนั้นๆเกิน 15,000 บาท จึงจะสามารถทำการลดหย่อนได้

ค่าเลี้ยงชีพพ่อแม่

สำหรับผู้มีเงินได้ที่มีพ่อแม่อายุตั้งแต่ 60 ปีเป็นต้นไป และมีรายรับต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท โดยผู้มีรายได้ที่จะใช้สิทธินี้ต้องเป็นลูกที่แท้จริง หรือบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามข้อบังคับ โดยสามารถหักผ่อนปรนได้คนละ 30,000 บาท แต่ถ้าบุพการีมีบุตรหลายคน สามารถใช้สิทธินี้ได้กับบุตรแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้สิทธิทับกันกันได้

ค่าประกันลูกกตัญญูรู้คุณ

ผู้มีเงินได้ที่ซื้อ “ประกันลูกกตัญญู” ซึ่งเป็นประกันสุขภาพอนามัยให้กับพ่อแม่ สามารถนำเบี้ยประกันส่วนนี้มาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยที่บุพการีต้องมีอายุไม่ถึง 60 ปี และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท

ค่าอุปการะเลี้ยงดูผู้พิการ

สำหรับคนที่ต้องเลี้ยงดูผู้ทุพพลภาพ ที่มีเงินรายได้ปีละไม่เกิน  30,000 บาท สามารถนำผ่อนปรนภาษีได้คนละ 60,000 บาท โดยผู้อุปการะและผู้ทุพพลภาพไม่จำเป็นต้องเป็นเครือญาติกันก็ได้ แต่ผู้ทุพพลภาพต้องมีบัตรคนพิการรับประกันตามกฎหมายและผู้ส่งเสียต้องอยู่ในรายชื่อผู้คุ้มครองในบัตรผู้พิการนั้นด้วย จึงจะสามารถทำการลดหย่อนได้

เงินช่วยเหลือสาธารณกุศล

สามารถนำมาผ่อนปรนได้เท่ากับจำนวนที่จ่ายจริง ยิ่งถ้าเป็นการบริจาคเงินเพื่อการเล่าเรียนแล้ว สามารถนำมาหักผ่อนปรนได้ถึง 2 เท่า ของจำนวนที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินคงเหลือจากการหักค่าลดหย่อนอื่นๆและค่าใช้จ่ายแล้ว

กองทุนสำรองยังชีพ

เป็นเงินที่ลูกจ้างและผู้จ้างตกลงสะสมร่วมกัน โดยลูกจ้างจะจ่ายเงินที่เรียกว่าเงินสะสม และนายจ้างจะจ่ายเงินสมทบให้ลูกจ้างอีกในทุกๆเดือนรวมกัน บริษัทจะบริหารเงินส่วนนี้โดยการนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดผลตอบแทน และจะจ่ายคืนให้กับลูกจ้างเมื่อลาออกหรือเกษียณอายุ เงินส่วนนี้สามารถนำไปผ่อนปรนภาษีได้เท่ากับจำนวนที่จ่ายจริงรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุน RMF

เป็นเงินกองทุนรวมเพื่อการดำรงชีพ สนับสนุนการเก็บเงินระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุน LTF

เป็นเงินทุนรวมหุ้นระยะยาว เพื่อส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหุ้นขึ้นทะเบียน สามารถนำไปลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

ประกันเงินบำนาญ

สามารถนำเบี้ยประกันมาผ่อนปรนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และเงินเก็บเข้ากองทุนสำรองครองชีพหรือกองบำเหน็จบำนาญราชการ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และประกันบำนาญที่นำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ ต้องมีช่วงเวลาในการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป

ประกันชีวิต

นำมาผ่อนปรนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยสัญญาประกันชีวิตต้องมีช่วงเวลาในการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป ในกรณีที่ไม่มีเงินรายได้สามารถใช้ลดหย่อนได้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น

ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน

สำหรับผู้ที่มีภารกิจในการผ่อนบ้านหรือที่อาศัย สามารถนำดอกเบี้ยจากการยืมเงินไปผ่อนปรนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท ในกรณีที่มีผู้กู้ร่วมหลายคน สามารถนำไปผ่อนปรนภาษีได้ทุกคนแต่ต้องรวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท

จะเห็นว่าสิทธิในการผ่อนปรนภาษีนั้นมีให้เลือกหลากหลายรายการ ก่อนทำการจ่ายภาษีทุกครั้งอย่าลืมที่จะตรวจเช็คกันก่อนนะคะว่าตัวคุณเองสามารถใช้สิทธิผ่อนปรนภาษีอะไรได้บ้าง เพื่อเป็นประโยชน์ของตัวคุณเอง จะได้เสียภาษีลดน้อยลงหรือได้เงินคืน มีเงินเหลือไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ มากขึ้น

 



เครดิต : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/give_monthly_donation_th

No comments:

Post a Comment