Monday, February 29, 2016

อุปการะเด็กกำพร้า ซักคนเพื่อ สร้างรอยยิ้มที่สดใสให้โลกใบนี้

อุปการะเด็กกำพร้า

อุปการะเด็กกำพร้า ซักคน ไม่ใช่คือเรื่องลำบากมากมาย แค่เราเปิดใจรับเด็กซักคนหนึ่ง ฉันเพียงได้คิดว่า พวกเขาทั้งหลายเป็นเกลอร่วมโลก ของดิฉัน พวกเขาทั้งหลายไม่ยอมรับโอกาสดุจดัง ฉัน ขัดสนหนทางดีๆปราศจาก พ่อ ปราศจากมารดา ขัดสนที่อยู่อาศัย เขาทั้งหลายจำเป็นต้องการคนดูแล พวกเขาก็ประดุจกระผมที่ประสงค์ วงศ์วาน ความเสน่หา ความอบอุ่น เหมือนเหมือน และฉัน แค่ตรงนี้ก็น่าจะคือเหตุพอซึ่งผมจะ อุปการเด็กกำพร้า ซักคนหนึ่ง

 อุปการะเด็กกำพร้า

อุปการะเด็กกำพร้า

จากสถิติพบว่า ผู้เยาว์โดนจากถึงวันละ สิบห้า - ยี่สิบ คน กับจะทวีขึ้นเรื่อย ตามโลกกาลเวลา ไซเบอร์ แห่งสมัยปัจจุบัน แต่กระนั้นข้อผูกมัดการปรนนิบัติลูกลูกกำพร้ากลุ่มนี้แต่กลับเบาบางลง สถานรับเลี้ยงเด็กต่าง ต่าง กอบด้วยลูกลูกกำพร้าตัวเลขเกินการที่ คนเลี้ยงเด็กที่จะเอาใจใส่ ทั้งสถานที่ที่เปล่าพอ มีความแน่น อัตคัดอาหาร และ ไม่ได้ยอมรับการปฏิบัติแคร์อย่างดีที่ ผู้เลี้ยง จากเว้นวรรคหลายหลายช่องที่มี ทั้ง การล่อลวง ลูกลูกกำพร้าเดินทางทำการค้าต่อยังพิเทศ การ ส่งเสียเยาวชนเพื่อที่จะไปใช้พลังงาน การสวมสิทธิ์บิดา ตอนท้ายของสถานที่อุปถัมภ์เด็กกำพร้า คือ หลังวัย 18 ปี ไปแล้ว เด็ก ใหญ่มา โดยปราศจากความรู้สึกคิดขบคิด ผิดชอบชั่วดี  พร้อมทั้ง ท้ายที่สุด ก็จะวกไปวนมามาเป็น วัฎจักรแรกเป็น เด็กลูกกำพร้า ถูกทอดทิ้ง  จากเด็กลูกกำพร้า คนแต่ก่อนที่เคยเป็น เนื่องจาก ในทางข้อบังคับเมืองไทย ทันทีที่ อายุ 18 ปี แล้ว จงล่วงพ้นจากสถานส่งเสริม นั้น นั้น มันจึงคือ วัฎจักร เดิม เดิม กับลูกกำพร้าที่ ไม่ได้ยอมรับการ เกื้อกูล ใครเฮงก็ได้คงอยู่กับญาติพี่น้องซึ่งปกติ ใครเคราะห์ ก็ ตกระกำลำบาก

อุปการะเด็กกำพร้า แห่งประจุบัน หามิได้เป็นความยุ่งยาก ในไทย ครอบครัวฉัตรบริรักษ์  พร้อมกับ น้องวันใหม่ ฉัตรบริรักษ์ น้องสาวคนใหม่เอี่ยม ของ บอย ปกรณ์ เป็นตัวอย่างที่ชมกันได้ ในที่ความ อุปการะเด็กกำพร้า

ส่วนข้างในเมืองนอก มีแยะเหตุ อย่างเช่น

เรื่อง วูดดี อัลเลน  ผู้กำกับภาพยนตร์อมเริกา เป็นทั้งนักเขียนบท ดารา และดาราตลก มีอยู่งานสำคัญหลาย หลายเรื่องราว วูดดี อัลเลน 

ใช้ชีวิตคู่อยู่กับ มีอา ฟาร์โรว์ และคู่ อุปการะเด็กกำพร้า เป็นลูกเลี้ยงไว้หลายคนทีเดียว ถัดจากนั้น วูดดี อัลเลน  กอบด้วยกรณีเนื่องพร้อม ซุน - ยี เพรวิน เยาวชน คุณ ชาวเกาหลี ของเขาทั้งหลาย เอง

มาดู ดารา ฮอลลีวูด บุคคลอื่น อื่น ที่ อุปการะเด็กกำพร้า กัน

เจ้าแม่เพลง ป๊อป มาดอนน่า อุปการะเด็กกำพร้า ของเมืองมาลาวี ในทวีป แอฟริกามาเป็นบุตรบุญธรรม 

ชารอน สโตน ให้ เด็กชายมา สาม คน  โรแอน โจเซฟฟ์ บรอนสไตน์,ควิน เคลลี่ และ เลิร์ด วอนน์ สโตน 

แซนดร้า บูลล็อค  อุปการะเด็กกำพร้า ที่นิวออลีนส์มาคือลูกเลี้ยง โดยชื่อว่า หลุยส์ บาร์โด บูลล็อค

ฮิวจ์ แจ็คแมน อุปการะเด็กกำพร้า สอง คน คือ ออสการ์ แม็กซิมิลเลียน และ เอวา เอเลียต

แคเธอรีน ไฮเกล อุปการะเด็กกำพร้า ชาวประเทศเกาหลีใต้ แนนซี่ ลีห์ เด็กผู้ซึ่งมีปริศนาทางพวกหัวใจ

ที่ช่วงปัจจุบัน การจะ อุปการะเด็กกำพร้า ซักคน เป็นเรื่องราวง่ายๆมากมาย แค่ ดิฉันมั่นอกมั่นใจว่า พร้อมทั้ง ที่จะมอบให้หมด ให้ใครเพียงซักคน เพียงนี้ก็โปรดกำจัดความความยากจนและความสิ้นหวัง ของบรรดา เยาวชนกำพร้า ไปได้มากมาย แล้ว ดิฉันจักมองว่า ปัจจุบันนี้ มีสมาคม พร้อมด้วย หน่วยงานต่าง ๆ เกิด ขึ้นเป็นอย่างมาก  เช่นว่า

สมาคมสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ฯ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งปรากฏมาจากองค์กร ccfสากล ให้ความช่วยเหลือเยาวชน ที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทยที่จัดแจงตั้งขึ้นด้วยพระ ราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านบางละมุง กับ สถานอาชีวบุคคลวัยรุ่น ให้กรณีส่งเสียเด็กชายซึ่งมีอายุระหว่าง 7 - สิบแปด ปี ที่ทำการที่สังกัดสำนักป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก (ส.ป.ป.) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

มูลนิธิ/สมาคมสงเคราะห์เด็กกำพร้า แห่งประเทศไทยยอมรับเด็กลูกกำพร้า พร้อมด้วยเยาวชนด้อยโอกาสวัย ตั้งแต่ สอง - 8 ปี และชุบเลี้ยงจนถึงวัย สิบแปด ปี

มูลนิธิสันติสุข หรือ บ้านสันติสุข มอบให้การชุบชีวิตพร้อมกับช่วยเหลือลูกอัตคัดไร้ที่พึ่ง พร้อมกับลูกด้อยโอกาสทางการเรียน สกุลที่แตกสามัคคี ถูกทิ้งๆ ขว้างๆ พร้อมทั้งวงศ์วานที่มีอยู่เงินได้เล็กน้อย

องค์การยูนิเซฟ ส่งให้ความช่วยเหลือ ชุบชีวิต  ภายในกระทำปกป้องเรื่องสุขภาพ การเล่าเรียน ความเท่ากัน พร้อมทั้งอารักขา ผู้เยาว์ด้อยโอกาสภายใต้สนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

            อุปการะเด็กกำพร้า ซักคนหนึ่ง ไม่ใช่เช่นนั้นเนื้อความยุ่งยากฉันอย่าจ้องเพียงแค่ รู้สึกสงสาร ลูกลูกกำพร้า กับ มองดูผ่านไป ทดลองเคลื่อนที่เข้าไป สืบ จะเห็นว่าขบวนการต่าง ๆ ไม่ย้อนยอก แต่กลับ ตามข้อบังคับแล้วฉันไม่อาจจะ เลือกว่าจะรับเยาวชนคนไหนได้ ดำเนินงานมีเท่านั้น แจ้งว่า พึงประสงค์ ยอมรับ เด็กเพศไหน ระยะเวลาอายุเท่าไหน เพื่อเป็นการพิทักษ์ การนำเยาวชนหน้าตาน่ารัก หรือหน้าตาดี ไปซื้อขายต่อ ให้บรรดาคฤหบดี ที่ใคร่ได้มีอยู่สายเลือด  ด้าน สมาคม หรือสถานเกื้อกูล ก็จะตรวจดูข้อมูลของผมจิ๊บจ๊อย ว่ามีความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงจะไม่ละทิ้งเยาวชนลูกกำพร้า พร้อมทั้งจะสำรวจ ว่า ดิฉันจะ อุดหนุนเยาวชนลูกกำพร้าจริงหรือเปล่า  สำหรับหากฉัน อุปการะเด็กกำพร้า แล้วไม่เอาธุระ หรือนำทางทำการค้าต่อ ชี้ทางทรมาทรกรรม หรือใช้กรรมกร คนรับ อุปการะเด็กกำพร้า หลาย ๆ ราย อำพรางมาเป็นผู้ อุปการะเด็กกำพร้า แต่กลับนำ เด็กลูกกำพร้า ไปคุ้ยหาผลนำไปออกตัวดาม  ทารุณ หรือใช้พลังงานเด็ก หรือแม้กระทั่ง การสวมสิทธิ์ ตั้งแต่ เยาวชนอีกทั้งไม่เกิด ที่ การสวมสิทธิ์นี้ จักมีการทำกันโดย มีความร่วมแรงร่วมใจกันทั้ง 3 ฝ่ายคือ แม่ แพทย์ พ่อผู้สวมสิทธิ์ โดยความสมยอมสิ่งของ คุณแม่ผู้เยาว์ที่ คงเกิดจาก แม่เยาวชนไม่มีความพร้อม กับ คุณแม่เยาวชน ไม่มีเงินได้ สกุล ไม่ยอม ซึ่งข้อสงสัยเหล่านี้ หาก ได้รับ คุณพ่อผู้สวมสิทธิ์ ที่รักเด็กกับมุ่งหวังตัวผู้เยาว์จริง จริง ผลดีก็จะเกิด พร้อม เยาวชน แต่หาก แม่เด็ก ปรารถนาแค่สตางค์ กับ แสร้ง พ่อผู้สวมสิทธิ์  หลาย หลายคน จนทีหลังพ้นไปบิดาผู้ ส่งเสียเยาวชน จริง เด็ก จากที่ พึงจะมี บิดา คุณแม่ดูแล ก็จะเปลี่ยนแปลง เด็กลูกกำพร้า พร้อมทั้งกลับกลาย การงาน วงการต่อไป

ในทุกวันนี้สถานภาพ ผู้เยาว์ลูกกำพร้า ขาดซึ่งความเสน่หา การควบคุมและความเห็นอกเห็นใจ ก่อให้เกิดคำถามต่างๆ บั่นทอนทั้งโอกาสอันควรของพวกเขา กับ ภาระ ของกลุ่ม การดูแล ให้การเล่าเรียนแก่ผู้เยาว์กำพร้าเป็นภาระที่ทุกคนควรรับผิดชอบร่วมใจ ในสมัยนี้ ประเทศไทยประสบปัญหาลูกลูกกำพร้า ยากไร้ปัจจัยพื้นฐาน ตลอดจนมิได้รับการ เรียนรู้ เกิดผู้เยาว์ลูกกำพร้า ตุหรัดตุเหร่ ปมปัญหาเยาวชนลูกกำพร้าถูกส่งไปแลกเปลี่ยนกรรมกร หรือถูกล่อลวงให้ ค้าประเวณี

โดยกำหนดปัญหาลูกกำพร้า เหตุหลัก จริง จริง คือ ครัวเรือน หากญาติพี่น้องเชื่อถือ พร้อมกับให้โอกาส หนุ่มสาวได้มากว่านี้ ปริศนาเยาวชนลูกกำพร้าคงจะลดน้อยลง หลาย หลายวงศ์วาน อุปการะเด็กกำพร้า ไปแล้ว ก็มิได้ส่งเสีย ช่วยดูแลให้ดี หลังสุด ผู้เยาว์ มิกราบเรียนคู่มือ คำถามผู้เยาว์ลูกกำพร้า ออกจากสถานศึกษากลางคัน พบได้เป็นกำลังในภาคเหนือและภาคอีสาน  ซึ่งจากค่านิยมเขตที่ผิด ผิด  การช่วยเหลือผู้เยาว์ที่ปราศจากคุณภาพทาง โภชนาการของบิดามารดา เด็กลูกกำพร้าจึงเป็น ผู้เยาว์ลูกกำพร้าต่อ ถึงแม้ จะมี พ่อ แม่ อุ้มชู ก็ตามที



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th

บริจาคเงินกับยูนิเซฟ บริจาคเพื่อใคร

บริจาคเงินกับยูนิเซฟ

บริจาคเงินกับยูนิเซฟ หากยิงคำถามใครซักคนว่าเคยเสียสละบ้าง ก็คงจะมีบุคคลฝ่ายข้างน้อยที่สนับสนุนตอบรับว่าได้เคยสละมาแล้ว ยูนิเซฟ องค์กรการกุศลจัดลำดับที่ 315 ตามหมายประกาศกระทรวงการคลังที่จัดตั้งขึ้นมาจากความมุ่งหมายที่จะตัดทอนปัญหาผู้เยาว์เริ่มเป็นต้นมาเมื่อ 50 ปีที่แล้วที่สงครามโลกเงียบสงบลงเพราะว่าภาวะอดอยาก โรคระบาดที่แพร่กระจายทำลายชีวิต ผู้เยาว์ พร้อมด้วยครัวเรือนที่ไม่รู่อิโหน่อิเหน่มากหลายมหาศาล  จากการบริจาคเงินกับยูนิเซฟ  ที่ผ่านมา  พ.ศ.นี้ก็ครบปีที่ห้าสิบแล้วที่ กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ ได้เข้าไป อุปถัมภ์ งานต่างๆที่เกี่ยว กับเด็ก แม้ไม่ได้รับการสละ จากทั่วทุกมุมโลก Unicef  คงอยู่ไม่ได้ยาวเหยียดนานปานนี้  หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดดิฉันต้อง บริจาคเงินกับยูนิเซฟ ก็ด้วย Unicef มิได้แค่เพียงตั้งองค์กรมาหรูๆ แต่ยูนิเซฟ มีภารกิจเหลือหลายที่ต้อง ดูแลดูแล เงินบริจาคมิได้แค่เข้าสู่กองทุน ของกองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ แต่มันได้กระจายไปสู่ เด็ก พื้นที่ห่าง เพื่อให้การสนับสนุนกับเยาวชนที่ทุกข์ร้อนอย่างทั่วถึงซึ่งเงินบริจาค ประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ จะถูกส่งไปอนุเคราะห์ผู้เยาว์  โดยตรง ส่วนเงินทองที่หลงเหลือ 15 % จะเป็นไปเพื่อการจัดการระดมทุน เพื่อหาเงินสนับสนุนต่อไป

 

บริจาคเงินกับยูนิเซฟ

บริจาคเงินกับยูนิเซฟ

กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติได้มีการชวนสามัญชนทั่วไปเข้าสละสตางค์เกื้อหนุนโครงการต่าง ๆ ของUnicefซึ่งอาจจะสละได้หลาย ๆทาง ยกตัวอย่างเช่น 

 เสียสละผ่านทางสื่อ ออนไลน์ โดยวิธีการนี้ เป็นแบบที่ง่าย สะดวก พร้อมทั้งไม่เป็นอันตรายที่สุดด้วยเหตุที่มี ระบบการพิสูจน์เกณฑ์ความปลอดภัยในการจัดส่งข้อมูลโดย Symantec ดิฉันจึงมั่นอกมั่นใจได้ว่าเงินทองที่ได้สละจะส่งไปถึงมือ กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ ถึงมือ เด็กจริง ๆ ซึ่งทางนี้ต้องต้องมีบัตรเครดิตสำหรับใช้ในการหักบัญชีในแต่ละเดือน ซึ่งมีรูปแบบอยู่ สอง แบบคือ

การสละรายเดือนจะมีวงเงินในการสละ สี่ ยอดเงินคือ  600,ห้าร้อย,สี่ร้อย บาท หรือ ระบุจำนวนเงิน ต่อเดือน

การสละรายครั้งจะมีวงเงินในการสละ สี่ ยอดเงินคือ  สามพัน ,2000 ,1000 บาท กับ ระบุจำนวนเงิน ต่อหน ก็ได้

กับข้าพเจ้าสามารถดาวน์โหลดฟอร์ม พร้อมด้วยส่งกลับไปยังยูนิเซฟ ซึ่งสามารถคืนไปได้ที่ อีเมล psfrbangkok@unicef.org  หรือคืนไปตามที่อยู่ตามแบบแบบฟอร์มก็ได้

บริจาคผ่านจดหมาย การให้ดังนี้ ยูนิเซฟจะส่งจดหมายถึงผู้ที่เคยบริจาค หรือเคยติดต่อสื่อสาร Unicefโดยตรง หรือเป็นการส่งหนังสือหาหน่วยงานต่าง ๆเพื่อให้คนในหน่วยงานนั้นได้มีส่วนร่วมในการ บริจาคเงินกับยูนิเซฟ

สละผ่านตัวแทน การแจกเงินกับยูนิเซฟอย่างนี้จะกระทำผ่านตัวแทนของกองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติซึ่งจะระดมทุนด้วยการให้ตัวแทนพบผู้บริจาคต่อหน้าตัวอย่างเช่น อาคารสำนักงาน แหล่งชุมชน ด้วยคนแทนจะเข้าเชิญชวน บริจาคเงินกับยูนิเซฟ ในแนวทางเสียสละทรัพย์สินรูปแบบตัดผ่านบัญชีบัตรเครดิต

ขอรับสละทางโทรศัพท์ กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติจะมีการติดต่อสื่อสารไปยังหน่วยงานต่าง ๆเพื่อขอรับสละให้กับองค์กร โดยการขอรับบริจาคแบบนี้จะใช้การตัดบัตรเครดิตเป็นรอบ ๆ ไป

 หรือหากใครอยากเสียสละเป็นรอบ ๆ ไปอาจจะโอนสตางค์เข้า Unicefโดยตรงได้ ซึ่งวิธีการนี้จะสะดวกกับคนที่ไม่อยากมีข้อผูกมัดผูกพัน ด้วยเหตุว่าการเสียสละผ่านบัตรเครดิตที่คนกลางระดมทุนทำจะเลิกล้มได้ค่อนข้างยุ่งยาก กับการจัดการล่าช้ามาก ซึ่งบางคนก็พบปมปัญหาทางด้านการเงินทอง จำเป็นจะต้องต้องขอยกเลิกแต่อาจล่าช้าไม่ทันใจ การแจก โดยการโอนเงินต่อหน้าเข้าสู่ Unicefโดยตรงน่าจะเป็นวิธีการที่ดีกว่า ซึ่งสมุดบัญชีของทาง กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติมีอยู่หลายบัญชีคือ

สมุดบัญชีแบงค์กสิกรไทย สมุดบัญชีกระแสรายวัน สาขาบางลำพู เลขที่ 008-1-09766-6

สมุดบัญชีแบงก์กรุงศรีอยุธยา สมุดบัญชีกระแสรายวัน สาขาบางลำพู เลขที่ 011-0-06153-6

บัญชีแบงค์ไทยพาณิชย์ สมุดบัญชีกระแสรายวัน สาขาบางลำพู เลขที่ 003-3-10443-3

บ/ชแบงก์กรุงไทย บัญชีกระแสรายวัน สาขาบางลำพู เลขที่ 167-6-00662-1

บัญชีแบงก์กรุงเทพ บัญชีกระแสรายวัน สาขาสำนักงานก.พ.เลขที่ 201-3-01324-4

หากใครประสงค์ใช้ทานเงินเพื่อนำไปลดภาษี อาจจะขอสิ่งพิมพ์Tax invoidได้โดยส่งสิ่งพิมพ์ใบแสดงหลักฐานการโอนเงิน fax ไปที่เบอร์ 02-356-9229 , 02-281-6033 ด้วยวงเล็บว่า “โอ ศูนย์ ศูนย์ หนึ่ง ห้า” เพื่อทางUnicefจะได้ส่งเอกสารให้ท่านนำไปลดภาษีได้

เยอะแยะท่านอาจมีคำถามว่า แล้วตัวการเช่นไรที่เราจำเป็นบริจาคให้กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ ทั้งนี้เพราะกองเงินที่ใช้ในโปรเจ็คของUnicefได้มาจากการให้ในด้านเดียวหากไม่ได้ยอมรับเงินตราค้ำจุน การบริหารต่าง ๆก็ทำได้ลำบากลำบนเพิ่มขึ้นขาดไม่ได้ต้องได้รับเงินช่วยเหลือ ซึ่งเงินบริจาคส่วนมากก็จะได้รับมาจากภายในประเทศเป็นสำคัญเพื่อสนับสนุนขับองค์กรให้ทำงานได้อย่างติดต่อกันและเพื่อให้เป็นการเลี้ยงดู การเปลี่ยนแปลงให้ชีวีเด็กเล็กได้มีคุณค่าที่รุดหน้า แต่หากเงินช่วยในกำหนดประเทศพอกับความต้องการแล้วก็จะนำเงินตราส่วนที่เกินไปเห็นด้วยยังประเทศด้อยพัฒนาอื่นๆด้วย คนรับบริจาคก็ไม่ต้องกังวลใจ คนให้ก็ได้ความเพลิดเพลินใจ แต่เพื่อคนที่ต้องเสียภาษีการที่ฉันนำเงินไปเสียสละเงินส่วนนี้ก็จะกลับมาสู่กระผมในแบบแผน เงินหักลดก่อนเสียภาษี ซึ่งสามารถลดได้ เท่ากับจำนวนสตางค์ที่ต้องจ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราร้อยละ 10 ของเงินตราได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายพร้อมทั้งการหักค่าลดหย่อนต่าง ๆแล้ว เห็นหรือเปล่าว่าการแจกก็คือการได้สตางค์กลับ เงินตราก็ไม่ไปไหน ซึ่งบางคนก็สมมุติ จะเสียสละกันไปเพราะเหตุไร ไม่เห็นจะได้ประโยชน์ ทั้งๆ ที่มันจะเปล่าประโยชน์จริง ๆ แต่เมื่อท้ายที่สุดแล้วมันก็หมุนกลับมาในรูปเงินภาษีอยู่ดี ถึงแม้ใครไม่รับประโยชน์ แต่เป็นอย่างน้อยที่สุดก็ได้ทำให้กระผมได้ภูมิใจซักเล็กน้อยแน่แท้

เพื่อใครที่บริจาคเงินกับยูนิเซฟแล้วประสงค์เลิกหรือไม่พร้อมกับการสละเงินตราต่ออาจจะมีภาระมากขึ้น กับไม่สะดวกใจหรือด้วยเหตุใดก็ตามเราอาจแจ้ง เลิกล้ม หนทางติดต่อผ่านทางEmailที่ psfrbangkok@unicef.org หรือ โทรศัพท์ 02-356-9299 เพื่อขอเลิกบริจาคเงินกับยูนิเซฟ



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th

รับอุปการะเด็กกำพร้า เพื่อชีวิตที่สดใส ร่วมสร้างอนาคต ให้เด็กกำพร้า ร่วมกัน รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

สมัยนี้ ปมปัญหา ลูกลูกกำพร้า ได้แปรไปเป็นคำถาม ระดับประเทศ ไปแล้ว ตามที่ เค้ามูล หลาย ๆ ประการ เช่น หนุ่มน้อย หญิง มีภารกิจ ไม่เก่งรับผิดชอบบุตรชายได้ การงานทางแวดวงไม่อาจเผยได้ ขาดสมาชิก ความเกื้อกูล สิ่งต่าง ๆ กลุ่มนี้ทำให้เกิด ปริศนา เด็กกำพร้า ขึ้นจำนวนมาก   เราจะชมว่ามีข่าว ในหัวเรื่อง เด็กกำพร้า การละทิ้งลูก การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ให้เห็น ไม่เว้นแม้แต่ละวัน  เหตุผล หลัก ๆ ที่กำเหนิดลูกลูกกำพร้า กำเหนิดของการขาดความรับผิดชอบ ของบุรพาจารย์เยาวชนคือ เอ้ ประกอบกับ ความไม่พร้อมด้วยของพ่อแม่, วงศ์วาน รวมกระทั่งถึง คนใกล้ชิดของบูรพการีลูกเอง ที่คือตัวแปรทำให้เกิด ลูกลูกกำพร้า เหล่านี้ขึ้น จากสถิติที่น่าตื่นเต้นตกใจ ผมพบว่าซีกของปุถุชนทั้งโลกที่อยู่อยู่บนโลก ใบ เล็ก ๆ ใบนี้ อาศัยข้างในความยากจนข้นแค้น  ลูก พร้อมด้วย พี่น้อง ต้องดิ้​​นรนผจญเพื่อให้ความรอดตาย การทิ้งเด็ก การผิดคำสั่ง  ,เมิน,กั้น กับ ถึงแม้ว่าจนถึงการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมกับ เด็ก ก็เกิด ขึ้น และมีให้เห็นบ่อย ๆ  ในทางกลับตาลปัตร ปมปัญหา เด็กกำพร้า ก็เกิดขึ้นมาด้วยตรง กับ เหตุเดิม ที่พูดว่าความ “ ยากจน “  ด้วยอธิกรณ์นี้ ข้าพเจ้าจึงชม มูลนิธิต่าง ๆ ออกมา ขออนุญาตความร่วมแรงกาย ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า อย่างคับคั่ง

รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ปริศนา ผู้เยาว์ลูกกำพร้า ปัจจุบันได้ถูกละเลย พร้อมกับนับวันจะแปรไปคือปริศนากินเวลา ยุ่งยากแก่การซ่อมแซม พร้อมทั้งตรวจสอบจากที่ทำงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หน่วยงานในสังกัด กรมพัฒนาสังคม และ สวัสดิการ  กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งคอยเป็นโอกาส แก้ปัญหาปริศนา ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า ซึ่งฉันจะเห็นว่าล่าสุด มีการนำผู้เยาว์ จากการ ไปนำพามาจาก บ้านพักอาศัยผู้เยาว์ต่าง ๆ ออกมา ทำหยาบช้า หรือใช้พลังงานลูก หรือนำพาไปแลกเปลี่ยนต่อให้ คฤหบดี ทั้งแห่ง พร้อมด้วย ข้างนอกแดน เพื่อเสาะแสวงหาประโยชน์ของเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า หรือ การรับลูกกำพร้า  ที่เป็นลูกของบุคคลอื่นมาเอาใจใส่ อาจพบสังเกตได้รับในสังคมไทยรับมานานมาก เช่น รับอุปการะเด็กกำพร้า จาก ครอบครัว วงศ์วาน หรือสามัญชนที่รู้จักใกล้ชิด กันดี แต่ขาดแคลนแคลนทุนทรัพย์

 

       การ รับอุปการะเด็กกำพร้า แบบเทศบัญญัติเริ่มต้นมีขึ้นขณะมี การข้อมูลใช้ประมวลข้อบังคับแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 ซึ่งบังคับให้แตะต้องมีการจดบัญชีชื่อ ตามพระราชบัญญัติ จดรายชื่อวงศ์ญาติ ในปี พ.ศ. 2478

     ใน   พ.ศ. 2508 กรมประชาสงเคราะห์ ได้ ดำเนินการเตรียมหาจัดญาติโกโหติกา ที่ อุปการะเด็กกำพร้า ที่ โดนทิ้งขว้าง โดยมีการออก เป็นท่วงที กรมประชาสงเคราะห์ ว่าด้วยการเกื้อกูลลูกกำพร้า โดยทางเฟ้นหาผู้อุปการะมอบให้แก่เยาวชนลูกกำพร้า แม้กระนั้นการดำเนินงานดังกล่าวข้างต้นก็ยังกำกัดอยู่เจาะจงลูกลูกกำพร้า แค่ในความเกื้อกูลของกรมประชาสงเคราะห์เท่านั้น กับ ในเวลานั้นอีกทั้งไม่มีการเขียนไว้ให้ที่ทำการ สถานพยาบาล หรือ สมาคม ที่มีลูกลูกกำพร้า ถูกปล่อยปละละเลยจะต้องส่งเด็กให้กรมประชาสงเคราะห์ พร้อมทั้งไม่มีกฎปฏิบัติหรือสหภาพเฉพาะที่จัดการกิจธุระสั่งการดูแลรักษางานด้านการ รับอุปการะเด็กกำพร้า มักเกิดระยะมอบให้กอบด้วยการค้นหาผลดีจากลูกกำพร้าเหล่านี้ ที่พบในรูปแบบของการรับเยาวชนเป็นลูกเต้า ราวปี พ.ศ.2519 - 20 มีการซื้อขายผู้เยาว์กำพร้าให้กับคนต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ จึงได้มี  มาตรการปกป้องการ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า

โดย ห้ามร.พ. สถานพยาบาล หรือ สมาคม ต่างๆ ยกเด็กกำพร้าให้แก่ผู้ใดไปส่งเสียหรือรับไปเป็นกุลบุตรบุญธรรม ต่อมามีการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการรับบุตรบุญธรรม" และมีการร่างข้อบัญญัติเฉพาะออกมาเรียกว่า พ.ร.บ.การยอมรับเด็กเป็นลูกเลี้ยง เป็น "ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม" จนปัจจุบัน ซึงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การยอมรับเด็กเป็นลูกบุญธรรมไม่ว่าเยาวชนนั้นจะเป็นเด็กมี พ่อ แม่ หรือลูกลูกกำพร้าถูกไม่รับผิดชอบ ต้องดำเนินการภายใต้ข้อจด ของพระราชบัญญัติการรับเยาวชนเป็นบุตรบุญธรรมทุกประการ

 รับ<a href=อุปการะเด็กกำพร้า" width="500" height="367" />

       ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมนั้นมีภารกิจรับผิดชอบในการส่งให้บริการด้านการเตรียมการสวัสดิการผู้เยาว์โดยการ

เฟ้นหาครอบครัวชดเชย ให้กับลูกลูกกำพร้า กับผู้เยาว์ที่ พ่อ แม่ ไม่สามารถมอบให้การให้ให้ผู้เยาว์ได้ และผู้เยาว์ที่มีคำสั่งศาลแทนที่การให้ความยอมรับของพ่อแม่เด็ก โดยปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม และต้องดำเนินการตามกรรมวิธีของเทศบัญญัติอย่างถูกต้อง

โดยจะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อที่จะเฟ้นหาครัวเรือนที่ลงตัวในการทำงานเป็นพ่อแม่มอบให้แก่ผู้เยาว์ เพื่อให้ผู้เยาว์ได้มีความเจริญที่ดีทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ อารมณ์ พร้อมทั้งเข้าสังคม รวมทั้งให้การเรียน เพื่อให้มีชีวิตเป็นปุถุชนที่มีคุณลักษณะของกลุ่มต่อไปในภายภาคหน้า

ขั้นตอนการติดต่อขอเป็นครอบครัวชุบย้อม หรือ รับอุปการะเด็กกำพร้า

ในกทม. อาจจะติดต่อได้ที่ ฝ่ายครอบครัวอุปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือที่หน่วยงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรุงเทพฯ  ส่วนในต่างจังหวัด สื่อสารได้ที่ ที่ประกอบการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในเมืองที่ผู้ขออุปการะมีภูมิลำเนาอยู่

โดยต้องใช้ใบสำคัญดังนี้

  1. ทะเบียนสำมะโนครัว ( สำเนา )
  2. บัตรประจำตัว ( สำเนา )
  3. ทะเบียนสมรส หรือ ทะเบียนหย่า หากมี ( สำเนา )
  4. ใบรับรองแพทย์ ( โรงพยาบาลรัฐ )
  5. รูปถ่าย 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 รูป

การติดตามการเลี้ยงดูผู้เยาว์กำพร้าที่ขออุปการะ

   เมื่อพี่น้องอุปการะที่ได้รับอนุมัติ ให้นำเยาวชนไปอุปการะค้ำจุน นักสังคมสงเคราะห์ที่ยอมรับผิดชอบจะตามเยี่ยมเด็กกำพร้าและครอบครัวเป็นระยะๆ เพื่อที่จะติดตามและให้คำปรึกษาแนะนำในการช่วยเหลือเยาวชน เพื่อให้ผู้เยาว์กำพร้าและญาติโกโหติกาพำนักร่วมกันอย่างสบาย โดยในปีแรกจะสอบทานไปหาทุก 2 เดือนต่อครั้ง ส่วนในปีถัดถัดไปจะเยี่ยมตามความเป็นการสมควรแต่ไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง จนกว่าลูกลูกกำพร้าที่อุปถัมภ์จะมีอายุครบ 18 ปีสมบูรณ์ หรือเปลี่ยนวิธีการอุปการะเยาวชนเป็นการขอรับเยาวชนเป็นบุตรบุญธรรม

กรรมวิธีการดำเนินงานของสกุล รับอุปการะเด็กกำพร้า               

  1. ผู้มีมโนรถ รับอุปการะเด็กกำพร้า ที่อยู่ในความคุณของสถานเกื้อกูลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                1.)           รับเรื่องและสัมภาษณ์ข้อมูลเบื้องต้น พร้อมทั้งพิจารณางานพิมพ์และให้คำแนะลู่ทางต่างๆ

                2.)           วิเคราะห์ไปพบบ้านพักอาศัยพร้อมกับสอบการปฏิบัติเกี่ยวกับสถานภาพการครองชีพและความเหมาะเจาะ ทั้งนี้อาจร้องขอเอกสารเพิ่มในรายที่นำสิ่งพิมพ์มาให้ครบถ้วน ประกอบการตรวจคุณสมบัติ

                3.)           มีดำเนินเรื่องขออนุมัติคุณลักษณะต่ออธิบดี เพื่อให้ผู้ขอความเกื้อกูลผู้เยาว์ลูกกำพร้า ที่มีคุณค่าพอควรไปพบลูกที่สถานที่บรรเทาทุกข์

                4.)           แจ้งให้ผู้ขออุปถัมภ์เด็กกำพร้าเข้าใจ กับมีการส่งคัมภีร์การเข้าวิเคราะห์ผู้เยาว์ให้สถานที่อนุเคราะห์ที่ข้องเกี่ยวรู้

                5.)           ผู้ขออุปถัมภ์พบเด็กกำพร้าที่คาดหมายจะยอมรับส่งเสีย สถานเกื้อหนุนแจ้งเรื่องราวลูกที่พอเหมาะพอควรและสามารถส่งมอบให้ไปอุปการะได้ แล้วดำเนินการขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้อุดหนุนลูกกำพร้า

                6.)           บอกให้ผู้คุณลูกลูกกำพร้าทราบ และส่งจดหมายบอกสถานเกื้อหนุนให้ให้ลูกแก่ผู้ขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า

                7.)           ในเหตุที่ผู้ขออุปถัมภ์ลูกกำพร้ามีคุณสมบัติไม่เหมาะสม จะแจ้งให้ผู้ร้องขอความเกื้อกูลเด็กรับรู้เป็นรายงาน

                8.)           ติดตามการให้ลูกลูกกำพร้าในปีแรกเยี่ยมทุก 2 เดือน ในปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความเหมาะสม

 

  1. ผู้แสดงความมุ่งหวังขออุปถัมภ์ลูกลูกกำพร้าถูกปล่อยปละละเลยซึ่งมีผู้เลี้ยงดูไว้ในวงศ์วาน

                1.)           รับหัวข้อ และไถ่ถามข้อมูลขั้นต้น พร้อมวิเคราะห์เอกสารและให้ข่าวคราวต่างๆ

                2.)           สำรวจแวะเยี่ยมที่อยู่อาศัย และสอบความเป็นจริงเกี่ยวกับสภาพสุขทุกข์ตามความสมควร และความจริงเนื่องด้วยประวัติส่วนตัวความเป็นมาของเยาวชนกำพร้า

                3.)           ข้อความที่ผู้เยาว์ลูกกำพร้าไม่มีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับตนเอง และผู้ยอมรับอุปถัมภ์เยาวชนกำพร้าไม่ตั้งใจส่งลูกเข้าสถานอนุกูลเพื่อประกอบกิจเรื่องใบแสดงหลักฐานของผู้เยาว์  ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้ส่งเสียผู้เยาว์ลูกกำพร้า

                4.)           กรณีที่เด็กกำพร้ามีชื่ออยู่ในบัญชีที่อยู่ของผู้ขอแล้ว ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้อุดหนุนลูกกำพร้าและขออนุมัตินำชื่อผู้เยาว์ลูกกำพร้าเข้าไปคงอยู่ในความเลี้ยงดูของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                5.)           สถานที่ส่งเสริมเพิ่มชื่อเรื่องเด็กกำพร้าเข้าทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเด็กกำพร้า

                6.)           ติดตามการอุปการะเยาวชนลูกกำพร้า โดยในปีแรกต้องแวะเยี่ยม 2 เดือน ต่อครั้ง และปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความพอสมควร

ขั้นตอนการดำเนินการขอเกื้อกูลเยาวชนลูกกำพร้าในสถานที่อนุเคราะห์ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการแบบครอบครัวอุปถัมภ์

ดีฉันจะเห็นได้ว่า วิธีการการดำเนินการขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า ไม่ยุงยากเลย แค่เพียงดีฉันมีใจที่คิดจะค้ำจุน เด็กเหล่านี้ก็จะได้ รับให้ แล้ว



ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th

มนุษย์เงินเดือนยืดหยุ่นภาษีอากรอะไรได้บ้าง

ลดหย่อนภาษี

ตามข้อบังคับแล้ว บุคคลที่มีเงินได้ทั่วๆไปมีหน้าที่ที่ต้องเสียภาษีอากรบุคคลธรรมดาตามที่นิติบัญญัติ  เพื่อที่รัฐบาลจะได้นำเงินส่วนนี้มาใช้ในการจัดการและปรับปรุงประเทศ เชื่อว่าหลายๆคนคงกำลังมองหาวิธีลดหย่อนภาษีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินส่วนนี้ครบ ก่อนที่จะทำการลดหย่อนภาษีเราต้องมาเรียนรู้ก่อนว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นมีอะไรบ้าง

ในทุกๆปีจะมีการคำนวณเงินได้ทั้งปีและภาษีอากรที่แต่ละบุคคลนั้นต้องจ่าย อัตราภาษีจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นกับรายรับสุทธิของแต่ละบุคคลในแต่ละปี ซึ่งอัตราภาษีอากรนั้นเราสามารถทำการลดหย่อนได้ สิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นก็มีให้เลือกหลายประเภท ได้แก่

 

 ลดหย่อนภาษี

ลดหย่อนภาษี

ค่าลดหย่อนเฉพาะบุคคล

สามารถผ่อนปรนได้เต็มจำนวน 30,000 บาท สำหรับผู้ที่มีเงินได้ทุกคนสามารถใช้สิทธินี้ได้เต็มๆ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ

ค่าลดหย่อนคู่ชีวิต

กรณีที่คู่สมรสที่ไม่มีเงินรายได้ หรือเลือกยื่นแบบแสดงรายการรวมกัน จะได้สิทธิผ่อนปรนเพิ่มอีกจำนวน 30,000 บาท โดยมีข้อแม้คือ คู่สมรสต้องมีการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามข้อบังคับ หรือคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้ระหว่างปี

ค่าลดหย่อนบุตรธิดา และค่าลดหย่อนการเรียนบุตร

บุตรตามกฎหมายหรือลูกบุญธรรมสามารถลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท ใช้หักสูงสุดได้ไม่เกิน 3 คน โดยบุตรธิดาต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี แต่ถ้าอายุระหว่าง 20 - 25 ปี ต้องศึกษาในระดับ ปวส. ขึ้นไป สำหรับบุตรที่กำลังศึกษาเล่าเรียนภายในประเทศจะได้ค่าลดหย่อนเพิ่มอีกคนละ 2,000 บาท โดยระดับการศึกษาจะเป็นชั้นอนุบาลจนถึงปริญญาเอก และบุตรต้องไม่มีเงินได้ในปีภาษีนั้นๆเกิน 15,000 บาท จึงจะสามารถทำการลดหย่อนได้

ค่าส่งเสียพ่อแม่

สำหรับผู้มีรายได้ที่มีพ่อแม่อายุตั้งแต่ 60 ปีเป็นต้นไป และมีรายรับต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท โดยผู้มีรายได้ที่จะใช้สิทธินี้ต้องเป็นสายเลือดที่แท้จริง หรือบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามข้อบังคับ โดยสามารถหักลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท แต่ถ้าบิดามารดามีบุตรหลายคน สามารถใช้สิทธินี้ได้กับบุตรแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้สิทธิซ้ำกันได้

ค่าประกันลูกรู้คุณ

ผู้มีเงินได้ที่ซื้อ “ประกันลูกกตัญญู” ซึ่งเป็นประกันสุขภาพอนามัยให้กับบิดามารดา สามารถนำเบี้ยประกันส่วนนี้มาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยที่บุพการีต้องมีอายุไม่ถึง 60 ปี และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท

ค่าอุปการะเลี้ยงดูผู้พิการ

สำหรับคนที่ต้องเลี้ยงดูผู้ทุพพลภาพ ที่มีเงินได้ปีละไม่เกิน  30,000 บาท สามารถนำผ่อนปรนภาษีได้คนละ 60,000 บาท โดยผู้เลี้ยงดูและผู้พิการไม่จำเป็นต้องเป็นญาติกันก็ได้ แต่ผู้ทุพพลภาพต้องมีบัตรคนพิการรับประกันตามกฎหมายและผู้เลี้ยงดูต้องอยู่ในรายชื่อผู้ปกครองในบัตรผู้พิการนั้นด้วย จึงจะสามารถทำการลดหย่อนได้

เงินสนับสนุนสาธารณกุศล

สามารถนำมาผ่อนปรนได้เท่ากับจำนวนรวมที่จ่ายจริง ยิ่งถ้าเป็นการแจกเงินเพื่อการศึกษาแล้ว สามารถนำมาหักผ่อนปรนได้ถึง 2 เท่า ของจำนวนที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินยังเหลือจากการหักค่าลดหย่อนอื่นๆและค่าใช้จ่ายแล้ว

เงินทุนสำรองครองชีพ

เป็นเงินที่คนงานและผู้ว่าจ้างตกลงสะสมร่วมกัน โดยคนงานจะจ่ายเงินที่เรียกว่าเงินสะสม และนายจ้างจะจ่ายเงินสมทบให้ลูกจ้างอีกในทุกๆเดือนรวมกัน บริษัทจะจัดแจงเงินส่วนนี้โดยการนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ และจะใช้คืนให้กับลูกจ้างเมื่อลาออกหรือปลดเกษียณ เงินส่วนนี้สามารถนำไปผ่อนปรนภาษีได้เท่ากับจำนวนที่จ่ายจริงรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุน RMF

เป็นเงินกองทุนรวมเพื่อการดำรงชีพ สนับสนุนการอดออมเงินระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุน LTF

เป็นเงินทุนรวมหุ้นระยะยาว เพื่อส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหุ้นขึ้นทะเบียน สามารถนำไปผ่อนปรนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

ประกันเงินบำนาญ

สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเงินค่าซื้อหาหน่วยลงทุนรวมเพื่อการดำรงชีพ และเงินสะสมเข้ากองเงินสำรองครองชีพหรือกองบำเหน็จบำนาญราชการ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และประกันเงินบำนาญที่นำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ ต้องมีเวลาในการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป

ประกันชีวิต

นำมาลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยสัญญาประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาในการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป ในกรณีที่ไม่มีเงินได้สามารถใช้ลดหย่อนได้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น

ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน

สำหรับผู้ที่มีภาระหน้าที่ในการผ่อนบ้านหรือที่พักอาศัย สามารถนำดอกเบี้ยจากการยืมเงินไปลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท ในกรณีที่มีผู้กู้ร่วมหลายคน สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ทุกคนแต่ต้องรวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท

จะเห็นว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นมีให้เลือกหลากหลายรายการ ก่อนทำการชำระภาษีทุกครั้งอย่าลืมที่จะตรวจเช็คกันก่อนนะคะว่าตัวคุณเองสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง เพื่อเป็นผลประโยชน์ของตัวคุณเอง จะได้เสียภาษีลดลงหรือได้เงินคืน มีเงินเหลือไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ มากขึ้น

 



เครดิต : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/give_monthly_donation_th

เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

สิทธิเด็ก

คำกล่าวที่ว่า เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันหน้า หรือ เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว เราอยากให้ผ้านั้นเป็นสีอะไร ก็อยู่ที่ผู้ใหญ่จะระบายลงไป แต่เด็กบางคน เขาไม่ได้โชคดีเหมือนกันทุกคน บ้างอาจจะเกินมาในครอบครัวที่ดี บ้างอาจจะเกิดมาในสังคมที่โหดร้าย นั้นทำให้มีการเกิดสิทธิเด็ก(Right of the Child)ขึ้นมา เพราะเด็กทุกคนที่เกิดมา ต่างต้องการความรักความเอาใจใส่จากทั้งพ่อและแม่ หรือกระทั้งผู้ใหญ่ในสังคม การที่จะให้เด็กเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ ผู้ใหญ่ก็ต้องปฎิบัติต่อเด็กเปรียบเสมือนเป็นมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งเด็กในที่นี่ หมายถึงทุกคนที่มีอายุต่ำกว่า18ปี สิทธิเด็กนี้ต่างลงความเห็นว่าทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามกฏหมาย โดยการร่วมรวบรวมรายชื่อ ว่าให้วันที่ 20 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น ‘วันสิทธิเด็กสากล’ เพื่อให้คนทุกคนให้ความสำคัญและใส่ใจกับสิทธิแก่เด็กกันมากขึ้น

 สิทธิเด็ก

สิทธิเด็ก

กลุ่มของสิทธิเด็กจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน ได้แก่

  1. กลุ่มสิทธิทั่วไปที่เด็กควรได้รับ

เป็นกลุ่มของเด็กตามปกติ ที่ต้องได้รับการส่งเสริมการพัฒนาให้เป็นไปตามช่วงอายุของเด็ก โดยที่จะต้องไม่มีการเลือกปฎิบัติโดยเด็ดขาด

  1. กลุ่มสิทธิสำหรับกลุ่มเด็กที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

คือกลุ่มเด็กที่ได้รับการทารุณ ได้รับความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางร่างกายและทางสภาพจิตใจ รวมทั้ง เด็กที่เกี่ยวข้องกับการทำความผิด ซึ่งเป้าหมายของกลุ่มนี้ จะให้โอกาสในการตัดสิน และช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ ความประพฤติของเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเปลี่ยนมุมมองความคิดและกลับมาใช้ชัวิตอยู่ในสังคมได้โดยไม่กลับไปทำความผิดอีก

          กฏหมายสิทธิเด็ก มีที่มาจากอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก(Convention on the Rights of the Child) ซื่งเป็นกฏหมายระหว่างประเทศที่ได้รับกำหนดให้ปฏิบัติเช่นเดียวกันหมดทั่วโลก โดยที่กำหนดเอาสิทธิพื้นฐานเอาไว้ 4 ประการ ได้แก่

  1. สิทธิในการอยู่รอด(Right of Survival) กล่าวคือ เด็กทุกคนเมื่อเกิดมา มีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ผิดปกติหรือไม่สมบูรณ์ก็ตาม โดยที่เด็กต้องถูกพาไปจดทะเบียนตั้งแต่แรกเกิดและได้รับสิทธินี้โดยทันที รวมไปถึงสิทธิที่จะได้ถูกการเลี้ยงดูทั้งทางร่างกาย(มีสิทธิที่จะได้รับอาหารในปริมาณที่เพียงพอและสะอาด) จิตใจ ตลอดจนที่อยู่อาศัยให้เกิดความปลอดภัย โภชนาการและการบริการทางการแพทย์(การได้รับสิทธิวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ)
  2. สิทธิได้รับการคุ้มครอง(Right of Protection) เป็นสิทธิที่เด็กจะได้รับการปกป้องคุ้มครองให้รอดพ้นจากการทารุณทุกรูปแบบ เช่น การทารุณกรรมทั้งทางกาย สภาพจิตใจ ทางเพศ และการใช้แรงงาน ที่ได้รับผลประโยชน์จากการทำงานของเด็ก ทำให้เด็กขาดการเรียนรู้และที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะโดยจากพ่อ มารดา หรือผู้ใดก็ตาม อีกทั้งสิทธินี้ยังคุ้มครองไปถึงเด็กที่ลี้ภัยจากอันตรายเข้ามาในประเทศของรัฐภาคี ก็ต้องได้รับการคุ้มครองด้วยเช่นเดียวกัน
  3. สิทธิในด้านพัฒนาการ(Right of Development) เด็กทุกคนตั้งแต่เกิดมา ได้จะรับสิทธิให้ได้รับความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม ตลอดจนความพึงพอใจและความสุข การมีส่วนร่วมร่วมกับคนในครอบครัว หรือของโรงเรียน และเด็กต้องได้รับการศึกษาที่ดี ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี ได้รับโภชนาการที่มีประโยชน์ที่เหมาะสมกับวัย ได้รับการเล่นสนุก การพักผ่อน และรับรู้ข่าวสารอย่างเช่นผู้ใหญ่
  4. สิทธิการมีส่วนร่วม(Right of Participation) เป็นสิทธิที่ให้ความสำคัญแก่เด็กเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ คือ เด็กมีสิทธิแสดงออกทั้งด้านความคิดและการกระทำ สามารถเรียกร้องสิทธิในการปกป้องผลกระทบที่ที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตของตนเองได้ และให้เด็กมีส่วนร่วมให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับตนเองโดยความคิดนั้นต้องไม่กระทบกับสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นด้วย ในกฏหมายของเราเองก็เช่นเดียวกัน พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ได้บัญญัติหลักเกณฑ์ในการสงเคราะห์ปกป้องสวัสดิภาพและป้องกันการละเมิดสิทธิเด็กไว้หลายข้อ ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของเด็กตามที่กล่าวในตอนแรก

การปกป้องคุ้มครองเด็ก กฏหมายได้ทำการกำหนดหน้าที่ของผู้ปกครองและผู้ที่ญาติเอาไว้อย่างชัดเจน ผู้ใดที่ทำการฝ่าฝืนย่อมมีโทษทั้งทางปกครองและทางอาญา โดยผู้ปกครองต้องไม่กระทำการดังต่อไปนี้

  • การทอดทิ้งเด็กไว้ในสถานที่รับเลี้ยง หรือ สถานพยาบาล หรือไว้กับบุคคลที่รับจ้างเลี้ยงเด็ก หรือ ในที่สาธารณะ หรือ สถานที่ใดๆก็ตามแต่โดยมีความตั้งใจที่จะไม่รับเด็กกลับมา
  • ละทิ้งเด็กไว้ในสถานที่ใดก็ตาม โดยไม่จัดให้มีการป้องกันดูแลสวัสดิภาพ หรือ ให้การเลี้ยงดูที่เหมาะสม
  • จงใจที่จะละเลยไม่ให้สิ่งที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิต สุขอนามัยจนอาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
  • ปฏิบัติต่อเด็กในแบบที่เป็นการขัดขวางการเจริญเติบโต หรือ พัฒนาการของเด็ก
  • ปฏิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการเลี้ยงดูโดยมิชอบ

แนวทางการแก้ไขการละเมิดสิทธิของเด็ก คือการทำให้ครอบครัวเกิดความอบอุ่นโดยการให้ความรัก การดูแลที่ดี การปลูกฝังความคิดที่ดี จริยธรรมให้กับทุกๆคนในสังคม เพราะเด็กอยู่ในสังคมที่แตกต่างกัน การที่ตัวเด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้นั้น ก็ต้องมีผู้ใหญ่ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆได้ ฉะนั้นแล้วผู้ใหญ่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก เช่น การพูดจาอ่อนโยน ใช้เหตุผลในการพูดคุย ไม่ทอดทิ้ง ไม่ใช้ความรุนแรง และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเด็ก ให้กำลังใจเด็กที่กำลังประสบปัญหา ไม่ใช่แค่เฉพาะพ่อแม่ แต่ควรจะเป็นผู้ใหญ่ทุกคน และคนในสังคมเองก็ควรที่จะช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยสามารถแจ้งเบาะแสการทารุณเด็กให้กับเจ้าหน้าที่ทราบ

หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือเด็ก ในปัจจุบัน มีหน่วยงานยื่นมือเข้ามาช่วยอยู่มากมาย อาธิเช่น

  1. มูลนิธิคุ้มครองเด็ก จัดตั้งเพื่อให้เด็กได้รับการปกป้อง คุ้มครอง ช่วยเหลือ ฟื้นฟู และพัฒนาให้เด็กไทยที่ประสบภาวะทุกข์ยาก หรือถูกทอดทิ้งในสังคม
  2. มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก เป็นอีกหนึ่งโครงการของมูลนิธิเด็ก ที่ได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิศูนย์พิทักษ์เด็ก มีวัตถุประสงค์จะช่วยเหลือ ปกป้อง คุ้มครองเด็กที่ถูกละเมิดสิทธิตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี และคุ้มครองตั้งแต่เรื่องการถูกทำร้ายร่างกาย การถูกละเมิดทางเพศ การล่อลวงบังคับให้ค้าประเวณี การใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรมไม่ถูกต้อง
  3. มูลนิธิปวีณา หงสกุล เป็นมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็กและสตรีที่ด้อยโอกาส ที่ถูกสะเมิดสิทธิ ถูกทารุณในทุกรูปแบบ ไปจนถึงการช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ

และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีกฏหมายข้อบังคับออกมาคุ้มครองเด็กมากขึ้นแล้ว แต่บุคคลสำคัญที่มีส่วนช่วยให้เด็กเติบโตขึ้นมาเป็นพลเมืองที่ดีของชาติได้นั้น มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ครอบครัวนะคะ



ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th

องค์การยูนิเซฟ ภาระของใคร

องค์การยูนิเซฟ

องค์การยูนิเซฟ ตั้งมากับมีเป้าหมายที่ ใคร่ได้ให้คุณค่าของเยาวชนดีขึ้น ครั้งแรกๆ  ที่เริ่มมี องค์การยูนิเซฟ ขึ้นนั้นเหตุเดิมหลักก็มาจากผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั่วถึงทั้งทวีปยุโรปพร้อมทั้งเอเชียเยาวชน ต้องพบกับสภาพความเป็นอยู่ไส้แห้ง โรคระบาดที่ยิ่งทวีความร้ายแรงขึ้นทุกทีทุกทีจากผลพวงของสงครามโลก ถัดจากนั้นในปี 1946 องค์การยูนิเซฟก็ได้จัดตั้งขึ้น หลังสงครามจบแล้ว หนึ่ง ปี ภายใต้ชื่อ UNICE โดยสมัชชาสามัญแห่งสหประชาชาติได้ร่วมกันลงทะเบียนรับรองให้มี UNICEสากล ส่วนในประเทศไทย องค์การยูนิเซฟ  ได้จัดตั้งขึ้นหลังจากมี การต้อนรับการจดทะเบียนแล้ว สอง ปี   ด้วยในระยะเริ่มต้นจะมุ่งเน้นกรณีโภชนาการพร้อมทั้งอนามัยเด็ก พร้อมด้วยดำเนินการเรื่อยมาจนล่าสุด UNICE ในไทยมีการทำกรอบข้อตกลงภายใต้ความร่วมมือของสหประชาชาติและรัฐบาลไทยในช่วง ปี 2012 - 16 ซึ่งกรอบสัญญาดังกล่าว จะมีความสอดคล้องกับ แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 11 โดยเนื้อหาจำนวนมากจะเน้น ระแวดระวังเด็ก ลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมทั้งคุ้มครองสิทธิเยาวชนโดยมีกรอบการทำงานดังนี้

 องค์การยูนิเซฟ

องค์การยูนิเซฟ

การเน้นความเสมอกันในสังคมประเทศไทย กับต่างจังหวัดและเมืองใหญ่ อาทิความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอาหาร หนังสือ โอสถ

การมุ่งเน้นในใจความสำคัญเรื่องความหวั่นไหวทางเพศ ชาย และ หญิง ความเหลื่อมล้ำกับเพศ

การเน้นการวางตัวในแวดวงของ เด็ก พร้อมด้วยวัยรุ่น

การเน้นการสื่อสารสำหรับการพัฒนาองค์ความรู้ สำหรับช่วยปรับปรุงพลานามัย การหาความรู้ โภชนาการ รักษาคุ้มกันผู้เยาว์

แผนฉุกเฉิน ที่จะเกื้อหนุนให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้ง ก่อน ระหว่างพร้อมด้วยหลังเกิดเหตุลำบาก

การช่วยระดมทุน สำหรับเป็นทุนสำรองในการเข้าถึงทุกความอนุเคราะห์ของ องค์การยูนิเซฟ ในภายภาคหน้า

องค์การยูนิเซฟ  ไทยเน้นเป็นอย่างสูงที่จะให้เด็กพร้อมกับผู้หญิงมีความเท่ากันกับทั้งหมดในเมืองไทย โดยมิต้องมีการแตกร้าวชนชั้น เผ่าพันธุ์ พร้อมด้วย ศาสนา มุ่งให้ทุกคนฟังเสียงเด็กเยอะขึ้น ด้วยจะเน้นการทำงานในเรื่อง

การศึกษาเล่าเรียนขั้นพื้นฐาน ของเยาวชน สุภาพสตรี

การป้องกันเยาวชนของการใช้ความโหดเหี้ยม การทำร้าย พร้อมด้วยโหดเหี้ยมเยาวชน

การขยายการพร้อมกับความอยู่รอดของเด็กทารก

โรคโรคภูมิคุมกันบกพร่อง กับ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

การรณรงค์สิทธิผู้เยาว์สตรี

สำหรับ องค์การยูนิเซฟ  ในประเทศไทย สามารถติดต่อสื่อสารได้ที่ เลขที่ 19 ถนน พระอาทิตย์ แขวงบางลำภู เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

หรือติดต่อ 02-356-9499 Fax02-281-6032

องค์การยูนิเซฟ

องค์การยูนิเซฟ  ภายในเมืองไทยจะดำรงอยู่ได้ก็ต้องได้รับการผลักดันจากหลาย หลายหน่วยงาน ณไทย องค์การยูนิเซฟ เข้าทำงานพร้อมเพรียงเป็นอันดีเข้ากับรัฐบาลไทยในทุกระดับพร้อมกับแนวร่วม เอ็นจีโอ องค์กรศาสนา หน่วยงานองค์การสหประชาชาติ เพื่อให้Unicef  ได้ดำรงอยู่และขับเคลื่อนหน่วยงานไปได้ ยกตัวอย่างเช่น

สปท.หรือสำนักงานปลัดกระทรวง โดยเข้าทำงานคลุกกับ องค์การยูนิเซฟ เน้น อารักขาผู้เยาว์ให้มีศักยภาพลดการถูกกลั่นแกล้งของเด็ก การถูกแสวงประโยชน์จากผู้เยาว์ การทอดทิ้ง ในขณะเดียวกัน องค์การยูนิเซฟ  ก็ให้การค้ำจุน สปท. เรื่องการพัฒนา คนของ สปท.ด้วยเพื่อให้ให้การทำการทำงานเต็มศักยภาพ

สท. หรือสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพเด็ก ก็เพราะว่า สท. รับผิดชอบกฎหมายพร้อมด้วยนโยบายเกียวกับเด็กการที่ องค์การยูนิเซฟ ได้จับมือกับ สท.จะได้เป็นกำลังหลักในการขยับขยายอารักขาผู้เยาว์ไปให้ถ้วนทั่วยิ่งขึ้น

สพฐ. หรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน องค์การยูนิเซฟ พร้อมทั้ง สพฐ ได้คลุกกันแก้การลงโทษเด็กในสถานที่เรียน พร้อมทั้งได้ร่วม ขยายหลักการต่าง ๆที่จะปกป้องผู้เยาว์ในสถานศึกษา

กรมพินิจฯ ทำหน้าที่คลุกกับ องค์การยูนิเซฟ ในการคุ้มกัน ให้ความช่วยเหลือเด็กที่ทำผิดกฎปฏิบัติ โดย องค์การยูนิเซฟช่วยเงินด้านวิชาการ ความรู้ และแนวทางอื่นๆที่จะปกป้องรักษาผู้เยาว์จากการคุมขัง

กรมการปกครอง ทำการทำงานในส่วน การจดทะเบียนการเกิดโดย องค์การยูนิเซฟ ได้สนับสนุนในเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ในการทำงานเพื่อให้ทันสมัย กับ สอดคล้องกับปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น

ศบ.จอ.หรือศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ ในสังกัดของ กรมควบคุมโรค ที่ดำเนินหลักการด้านเอดส์ เข้าทำงานร่วมมือกันกับ องค์การยูนิเซฟ แนวแนวทางหลัก ๆ จะเป็นการปกป้องรักษาการกระจายเชื้อจากคุณแม่สู่เด็ก

กรมสุขภาพจิตและ องค์การยูนิเซฟ นั้นจะให้ความอนุเคราะห์ในด้านจิตสังคมแก่ผู้เยาว์ที่ย้ายเข้ามาเช่น ชาวโรฮิงญา

สศช.กับสำนักงานกรรมการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ ที่ขึ้นกับสำนักนายกฯ องค์การยูนิเซฟ ได้เข้าไปเข้าทำงานประสานในการให้เงินตราคงไว้พร้อมทั้งทำความเข้าใจความยากจนไปพร้อม ๆกัน

สป.สช. หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็น คือหลักของ องค์การยูนิเซฟ เลยที่เดียวที่ทำหน้าที่พัฒนางานระบบOnlineในการจดบัญชีรายชื่อการเกิด

มูลนิธิเข้าถึงโรคภูมิคุมกันบกพร่อง กับ องค์การยูนิเซฟ ได้รวมกันขยายการคุ้มครองทางสังคมสำหรับเด็กที่มีลู่ทางรับเชื้อ HIV

TDRI กับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย องค์การยูนิเซฟ ได้ประสานกันศึกษาเล่าเรียนสภาพเศรษฐกิจในหลาย ๆด้านที่กระทบกับผู้เยาว์

มหาลัยขอนแก่น  โดยมีคณะแพทยศาสตร์ ทำงานรวมกับ องค์การยูนิเซฟ ในการร่วมแรงเด็กที่ได้รับเชื้อ HIV พร้อมด้วยการเข้าถึงยาต้านภูมิคุ้มกันบกพร่อง

จุฬาลงกรณ์มหาลัย องค์การยูนิเซฟ ได้เห็นด้วย คณะนิเทศศาสตร์ ของมหาวิทยาลัย สำหรับศึกษาการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับเยาวชน ในเรื่องต่างๆที่กระทบต่อเยาวชน

มหาลัยธรรมศาสตร์ องค์การยูนิเซฟ ส่งให้การเกื้อหนุนเงินลงทุนพร้อมด้วยวิชาการแก่ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์  ของมหาลัย เพื่อให้สนับสนุนฝีไม้ลายมือการทำงานคลุกคลีกับผู้เยาว์และครอบครัว

มหาลัยมหิดล พร้อมทั้ง องค์การยูนิเซฟ ได้สนับสนุนให้ที่ประกอบการต่าง ๆได้รู้เรื่องในเรื่องอารักษ์เด็กตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ดังเช่น ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่สม่ำเสมอมาถึงปัญหาเด็กไม่มีพ่อแม่ปกป้อง จนสุดท้ายก็เปลี่ยนไปเป็นหนึ่งในปัญหาไฟใต้

                ฉันจะมองเห็นว่า องค์การยูนิเซฟ ได้เข้าไปมีส่วนเกื้อหนุนงานในหลาย ๆ ที่ประกอบการนานาประการหน่วยงาน ดังนี้โดยสาเหตุหลักก็จะเป็นเพื่อช่วยเหลือ กับ ช่วยมอบให้เยาวชนไม่เป็นอันตรายแทบทั้งสิ้น นับแต่ที่ได้มี ยูนิเซฟขึ้นมาในเมืองไทย ปัญหาเด็กได้เริ่มเบาบางลงเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าความเหลื่อมล้ำทางสังคมจะสวนกับการขยายก็ตามที ด้วยเหตุนี้ข้าจึงยังจำเป็นจะต้องต้องมี  “ องค์การยูนิเซฟ “ อยู่คู่สังคมไทยต่อไป



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th

ภาษีอากรสรรพสามิตที่หนึ่งที่ควรรู้

ภาษีอากร

การเสียภาษีอากรเป็นหน้าที่ที่พึงต้องปฏิบัติในฐานะที่เป็นหมู่ชนของประเทศชาติที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง นอกจากบุคคลธรรมดาทั่วไปมีหน้าที่ต้องไปเสียค่าธรรมเนียมแล้ว สหภาพทางงานก็มีหน้าที่ดังกล่าวเช่นเดียวกัน แต่จะมีความซับซ้อนในแง่ของรายละเอียดเนื้อหาที่เพิ่มมากขึ้นจากบุคคลธรรมดาอยู่ซักหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ความติดขัดในการเรียนรู้ในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องของภาษีนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่เจ้าของธุรกิจรายใหม่จำเป็นต้องเรียนและทำความเข้าใจให้ชัดเจนเสียก่อน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจโดยตรง ทั้งยังมีผลในทางกฎเกณฑ์ในการทำธุรกิจอีกด้วย โดยรายละเอียดของภาษีเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมีดังนี้

ภาษีอากร

ภาษีอากร

ความหมายของภาษี

ภาษี หมายถึงเงินที่เรียกเก็บจากประชาชนเพื่อนำไปวิวัฒน์ประเทศ ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภทคือ ภาษีทางตรง เป็นภาษีที่เก็บจากประชาชนที่มีรายได้จากการประกอบอาชีพและภาษีที่ได้จากการประกอบกิจการทางการซื้อขาย บริการ และอุตสาหกรรม และภาษีทางอ้อม เป็นภาษีที่เก็บจากประชาชนเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประชาชนทุกคนจำเป็นที่จะต้องเสียภาษีเพราะประโยชน์ของการเสียภาษีจะกลับมาตอบแทนประชาชนใน 2 ลักษณะคือ 

  1. นำไปมอบเงินเดือนให้ข้าราชการเพื่อให้บริการประชาชนและใช้จ่ายเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ของสถานที่ราชการต่างๆ
  1. นำมาใช้ในการปรับปรุงประเทศ เช่น สร้างถนน สร้างโรงเรียน เป็นต้น ประเภทของภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ภาษีที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจมีอยู่มากมายหลายประเภท

แต่ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเพียง 2 ประเภทเท่านั้น คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีนิติบุคคล เหตุผลก็เนื่องมาจากมีความเกี่ยวข้องกับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ ที่กิจการยังไม่มีขนาดไพศาลมากนัก จึงเข้าเกณฑ์ของภาษีทั้ง 2 ประเภทนี้มากที่สุด ซึ่งพลความของภาษีทั้ง 2 ประเภทมีดังต่อไปนี้

- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากบุคคลธรรมดาทั่วไป ตามที่กฎเกณฑ์บัญญัติและมีรายได้เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเจ้าของกิจการหรือธุรกิจอะไรก็ตามแต่ ที่มีตัวเองเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว จะเข้าข่ายอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีประเภทนี้ โดยปกติจะทำการเรียกเก็บเป็นรายปี โดยรายได้ที่เกิดขึ้นในปีใดๆก็ตาม ผู้มีเงินได้ต้องนำไปยื่นแสดงรายการภาษีที่กำหนดในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมของปีถัดไป

- ภาษีเงินได้นิติบุคคล

คือ ภาษีอากรประเภทหนึ่งที่ข้อกำหนดไว้ ซึ่งจะเรียกเก็บจากนิติบุคคล ที่มีความหมายถึงการรวมตัวกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในการขึ้นบัญชีเพื่อจัดตั้งขึ้นกลุ่มขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งในที่นี้หมายถึงห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด ฯลฯ ด้วยเป็นต้น

ข้อกำหนดในการคิดเงินภาษีอากรจากผู้สร้างกิจการ

หลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีเงินได้ในภาษีแต่ละลักษณะมีความแตกต่างกันออกไป โดยเกณฑ์การเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่เป็นผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจแต่เพียงผู้เดียวจะต้องไปเสียภาษีตามกฎเกณฑ์ดังนี้คือ กรณีไม่มีคู่สมรสและมีรายได้ที่ประเมินแล้วเกิน 30,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคมจะต้องเสียภาษี ถ้าน้อยกว่านี้ได้รับการละเว้น กรณีมีคู่สมรสต้องมีเงินได้ที่รวมกันแล้วเกิน 60,000 บาท และห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคลถ้ามีเงินได้เกิน 30,000 ก็ต้องเสียสรรพากรเช่นกัน ส่วนแหล่งกำเนิดของภาษีเงินได้นิติบุคคลมาจากการคำนวณเงินได้ที่ใช้เป็นใบสำคัญในการคำนวณคูณด้วยอัตราภาษีที่กำหนด ซึ่งเงินได้ที่ต้องเสียภาษีอากรรายได้นิติบุคคลหรือฐานภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น ทั่วไปมักมาจากดอกผลสุทธิที่คำนวณตามเงื่อนไขที่กะเกณฑ์ แต่ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมจึงทำการบัญญัติการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากเงินได้ที่แตกต่างกันดังนี้ 1. กำไรสุทธิ 2. ยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย 3. เงินได้ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย 4. การจำหน่ายเงินกำไรออกไปจากประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งการคำนวนภาษีทั้ง 2 รูปแบบ ผู้ประกอบการสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.rd.go.th/publish/286.0.html

การยื่นแบบแสดงภาษี

สำหรับเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คุณสามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา โดยต้องเขียนเติมเอกสารให้ครบถ้วนจากนั้นจึงยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด. 91 ส่วนสรรพากรเงินได้นิติบุคคล ถ้าอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.50 ,ภ.ง.ด.51,ภ.ง.ด.53,ภ.ง.ด.54 ได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในท้องที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ถ้าในเขตจังหวัดอื่นให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.50 ,ภ.ง.ด.51,ภ.ง.ด.53,ภ.ง.ด.54 ที่ว่าการอำเภอหรือ อำเภอท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่   แต่ในปัจจุบันการยื่นภาษีแสดงรายได้นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วและเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น โดยเปิดให้บริการยื่นแบบแสดงรายชื่อเงินภาษีผ่านทางอินเตอร์เน็ตโดยคลิกไปที่เว็บไวต์ http://rdserver.rd.go.th/publish/index.ph

ผู้ผลิตควรตระหนักไว้ว่าเงินภาษีที่จ่ายออกไปนั้นจะมีส่วนช่วยขยายประเทศชาติให้เจริญมั่นคงมากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดผลดีก็จะมาตกอยู่กับตัวผู้ประกอบการนั่นเอง ดังนั้นการจ่ายภาษีจึงเป็นหน้าที่ที่ข้าแผ่นดินเต็มขั้นพึงกระทำ อย่าได้คิดพยายามบ่ายเบี่ยง  หรือหาระยะห่างทางกฎหมายที่จะไม่จ่าย เพราะการเสียเงินภาษีคือหน้าที่ของปวงชนที่ดีที่ควรปฏิบัติตนกันเป็นประจำทุกปี



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th

บริจาคเงิน บริจาคใจ

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างไรแค่ก้าวเดินไปแถวๆปากตรอก หยอดสตางค์ใส่ลังบริจาคในเซเว่นที่มีอยู่ทุกซอยก็แค่เนี้ยสบายจะตายแต่จะมีใครเข้าใจหรือเปล่าว่าสตางค์ไปไหนหยอดแล้วเงินไปไหน  ผู้ที่ปรารถนาสตางค์มากมายที่คอยโอกาสจากฉันแค่เพียงฉันบริจาคเงิน คนรับใคร่ได้แค่ทางเลือกที่ดีฉันจะหยิบยื่นให้ แค่บริจาคเงิน กากสตางค์ เล็กๆน้อยๆนี้ก็สามารถทำคราวหน้าให้ทุกคนมานักต่อนักแล้ว เชื่อหรือเปล่าว่า สตางค์เหรียญเล็ก ๆที่ดิฉันมิใคร่ประสงค์เผื่อไว้ไว้ กับทอยให้กระยาจกริมถนน ที่ร้องเรียกมอบให้หรู ๆว่าดีฉันได้บริจาคเงินให้เขาทั้งหลายด้วยซ้ำ ก็เพราะเขาไม่อ้อนวอน กระผมให้ด้วยความเต็มใจ ขอเงิน รวยกว่าข้าหลายเท่านักเพราะกากสตางค์นี่แหละ วนิพกบางท่านแรก ๆก็ขอไปงั้น ๆ ปราศจากเช่นไรทำ หลัง ๆ มีเงินทองเก็บมากมายเข้าก็ชักเพลิน กลายเป็นขอจนเป็นนิสัยก็เพียบ ปรากฎว่าลูกอีช่างขอ แต่ที่พิลึกกึกกือกว่านั้นก็เป็นพวกที่ ไม่ขออย่างเดียวกัน แต่ให้ตั้งชื่อให้เท่ว่า บริจาค คนรุ่นเก่า ๆ อาจจะไม่รู้จักดีกับ การบริจาคอย่างนี้ ทั้งนี้เพราะแต่ก่อนไม่ค่อยจะมี ขณะนี้ใครมีลูกเต้าวัยกำลังเรียนก็จะมองเห็นการ บริจาคเงิน ดังนี้ บริจาคเงินทั้งทีจำเป็น ห้า หมื่นอัพ กับการจะเข้าเรียนโรงเรียนซักแห่ง อย่างณ เวลานี้ ในกทม.อาจเห็นภาพไม่ค่อยชัดก็เพราะว่ามีตัวเลือกสถานศึกษาแยะ แต่ในบ้านป่า มีอำเภอเมือง อำเภอเดียว นักเรียนของทั่วจังหวัดก็หมายมั่นจะมาเรียนในตัวเมือง ขบวนการ บริจาคเงิน ก็เริ่มต้นนี้ ขอช่วยบริจาคเงิน 5 หมื่น ช่วยโรงเรียน แล้วเด็กจะได้เรียนรู้ ทุกข์ระทมหรือไม่ ไม่ชำระก็ได้ แต่มิได้เรียนรู้นี่คือจริงๆ แล้วอันแสนปวดใจของผู้ปกครองที่มีลูกหัวแหลม สอบได้แต่ไม่มีลู่ทางร่ำเรียนโดยไม่รู้จักคำว่า บริจาคเงิน

 บริจาคเงิน

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน หากจะพูดไปแล้ว เมืองไทยของผมก็ติดอันดับในเรื่องราวการบริจาคเงินกับเขาด้วย เปรียบเทียบชั้นคนมีสตางค์แถวหน้าก็ว่าได้ถ้าหากเอาเรื่อง บริจาคเงินมาเป็นตัววัด ปี สองพันสิบสี่  ดีฉันติดอันดับ  3 กรณีบริจาคเงินเลยทีเดียว เพราะคนไทยขี้กังวล พร้อมทั้งการบริจาคเงิน มีผลสำรวจหามาแล้วว่าเป็นแนวทางที่สบายสุด ๆ ที่คนข้าจะบริจาคกัน อย่างช่วงนี้ที่มีข่าวออกทีวี ชาวไทยนี้ดี บริจาคให้วัดซะมากหลาย จนคนร้ายมาจี้ ตู้บริจาคไปแล้วถึง 8ใบ ในเวลานี้ก็ต้องรับบริจาคกล่องรับเสียสละไปพลาง ๆการ บริจาคเงิน ในเรือนข้าพเจ้านิยมสละให้กับสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ ด้วยจะเน้นการบริจาคเงิน ให้เพื่อทะนุถนอมเด็กกำพร้า การบริจาคเงิน เพื่อให้เป็นทุนการศึกษาผู้เยาว์ พร้อมด้วยถ้าเป็นเวลาที่มีปมปัญหาเรื่องภยันตรายต่าง ๆเช่นปี ห้าสิบสี่ ที่มีน้ำหลากหรือปี สี่สิบหก ที่เกิด คลื่นยักษ์ คนไทยก็มีการ บริจาคเงิน กันอย่างเหลือล้น ส่วนสิทธิประโยชน์ที่ได้ถ้ามีการบริจาค อย่างคนที่บริจาคอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวสตางค์ สำหรับบางท่านก็ไม่เป็นที่นิยม บริจาคเงิน แต่ จะบริจาคของใช้เครื่องใช้ทดแทน หรือ บริจาคเลือด บริจาคเกร็ดเลือดที่สามารถทำได้ทุกเดือน หรือถ้าใครข้าวของเครื่องใช้ที่ที่อยู่เพียบก็สามารถพาไปบริจาคได้ กับใครพร้อมที่จะเสียสละสังขาร แขนขา ดวงตา ก็อาจทำได้หากไม่ต้องการบริจาคเงิน การบริจาคเงิน ตรงนั้นทันทีมีการกำหนดเป้าประสงค์ชัดเจน อาทิ  บริจาคเงิน เพื่อให้ไถ่ชีวิตวัวควาย บริจาคเงิน เพื่อ เลี้ยงดูน้ำหลาก อันนี้จะเป็นเหตุให้ดิฉันรู้ว่าเงินตราดีฉันไปที่ไหนบ้าง อย่างที่วัด การบริจาคเงิน บางอาราม สละ 10 บาท ยี่สิบ บาท ก็มีการขึ้นนาม แจ้งไว้ว่าใครบริจาคบ้าง ส่วนการใช้ประโยชน์ก็ต้องสุดแต่วัดวาอารามว่าจะใช้ประโยชน์ทำอย่างไร

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน

การบริจาคเงิน กับ การทำทานปัจจุบันนี้ หากจะทำก็ต้องเลือกทำให้ดี ให้ตรงจุด ดังเช่น การซื้อนก ปลา เพื่อชี้บอกไปยอม หากมีความตั้งใจดีก็อย่าไปซื้อหา นกปลาที่เขามีการจัดไว้ มันก็คล้ายไปส่งเสริมให้เขา ไปจับ ไปล่อมาค้าขาย กับนกที่เราปล่อย ๆ ไป มันก็เปลี่ยนมาที่เดิม ก็นกมันปรากฏแต่ในกรงไม่รู้จะไปไหน หรือการ บริจาคเงิน ให้เด็กวณิพก กับคนกระยาจกต่าง ๆ ยิ่งให้ก็ประดุจดังเป็นการอุดหนุนให้มีขอเงินอยู่ถัดจาก ลองข้าพเจ้าไม่ให้ ไม่ส่งเสริม เขาก็เลิกขอกันไปเอง การบริจาคเงินชั่วครู่นี้ ดูจะเป็นเรื่องทั่วๆ ไป ไปแล้วสำหรับคนทั่ว ๆไป เพราะแค่คิดว่าหยอดไป ไม่กี่เงิน ไม่ต้องคิดเช่นไรมาก อย่างเช่น ตู้ที่ตั้งอยู่ในร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ หรือในห้างสรรพสินค้าที่ จ่ายสตางค์ค่าของใช้เสร็จปั๊บ ก็เจอตู้บริจาค เราก็ทำจนเป็นความชาชินที่ต้องหยอด โดยไม่รู้เรื่องว่าเงินตรานั้นเอาไปทำกระไร เอาไปไหน  หรือการบริจาคเงินกับสื่อต่าง ๆ ที่มีการโหนกระแสต่าง ๆ ให้ดิฉัน บริจาคเงินกัน เมื่อก่อนจะมีการเชิญชวนบุคคลบริจาคเงินโดยมีการขับลำ คนก็ติดต่อเข้าไปสละเยอะแยะ ถ้าหากใครมีใจที่ทบทวนดูจะบริจาคจริง ๆ ก็พิจารณากันสักนิดก่อนได้คิดที่จะหยอดเงิน หรือโอนสตางค์ให้ใคร ถ้าหากคิดว่าใช่ ก็เสียสละไปเถอะ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เพลิดเพลินใจ เงินตราจะไปไหนก็ค่อยมาว่ากัน

บริจาคเงินแล้ว ยกเว้นได้ความแจ่มใส หากใครบริจาคบ่อย ๆ ก็ลองดูกรณีการลดภาษีอากรไว้บ้าง คนกินค่าแรงที่ค่าแรง 2 3 หมื่นทางบ.ของเรามีการหักเงินได้ส่งภาษีอากรไปทั้งปวงเดือนหากผม มิได้นำเงินตราที่ผมเสียสละ ไปทั่วเดือนมาหักลดหย่อนภาษีอากร สมมุติ ค่าจ้างรายเดือน 25,000 รวมยอดเงินปันผล อีกประมาณ 8 9หมื่น รวมแล้วจ่ายเงินภาษีไป ใกล้ หกพัน ถ้าค้ำชูลูกเต้า คุณพ่อ มารดาด้วย พร้อมทั้ง ใช้สิทธิลดหย่อนจากการบริจาคเงินมาคลุกด้วย ก็จะได้กลับภาษีชัวร์ หากข้าเสียสละให้โรงเรียนตามที่สรรพากรเขียนไว้ มากหลายแห่งก็จะนำมาหักลดหย่อนได้ถึง สองเท่าของยอดเงินเสียสละ แต่เช่นนี้ต้องดูรายชื่อจากภาษีอากรพร้อมกันไปกับเพื่อให้จะได้ใช้สิทธิให้สุดโต่ง

บริจาคเงิน กระผมจะบริจาคที่ไหน ตอนไหน หรือให้ใครก็ได้เป็นสตางค์ของเรา สิทธิ์ของเราที่จะ บริจาคเงิน แต่ ทดลองนิดนึงว่า เขาเอาไปทำสิ่งไร ที่ใด ให้กับใคร น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน อย่าเพียง หย่อน ใส่ตู้ มิได้ดูตาม้าตาเรือ ทำแล้วก็ให้ดีนิด ถ้าข้าครุ่นคิด จะ บริจาคเงิน



ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

สนับสนุน “องค์การยูนิเซฟ” ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนในสังคม

ยูนิเซฟ

ปัญหาข้อคดีเลื่อมล้ำที่มีอยู่ภายในวงการและคำถามเหตุงานพัฒนาสาธารณูปโภค{ต่างๆ|หลายชนิด|หลายอย่างแห่งยังประกอบด้วยมิทั่วถึงข้างในหลากหลายภูมิประเทศของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในแห่งไกลห่าง ส่งผลสละประชากรจำนวนมากมายยังใคร่ความข้างในหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะเหตุสภาวะความเป็นอยู่ ประชาแหล่งสิงเสด็จในตำแหน่งที่ตั้งจังหวัดแห่งไกลห่างข้อคดีศีงามและความเติบใหญ่แนวแวดวง เขาทั้งหลายยังเข้ามามิถึงอำนาจอันชอบธรรมในอีกหลายด้าน ไม่ว่าจักคือขั้วงานศึกษา งานกอบด้วยส่วนร่วมแนว หรือไม่ถูกเบียดเบียน ซึ่งวงการนรชาติแห่งได้รับรับความกระทบกระเทือนจากความเปล่าสมดุลพร้อมทั้งละเลยข้าวของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องภายในการแบ่งสรรควบคุมเหตุการณ์สิทธิชีพตำแหน่งขั้นต้นมากที่สุดลูกพร้อมด้วยเยาวชน ซึ่งคีบเป็นกำลังเด่นข้าวของมณฑลภายในเบื้องหน้า แต่พลิกผันมีลูกและเยาวชนข้างในประเทศส่วนแบ่งมิบางตาศักดาโดนทิ้ง คือแหล่งที่มาแห่งกระทำสละเกิดสมาพันธ์ส่วนรวมกุศลแห่งมุ่งหวังพัฒนาพร้อมด้วยเปลี่ยนสังคมสละขึ้น เพราะว่าสิงร่วมแรงร่วมใจสกัดกั้นของคนภายในสังคมวิธี “องค์การต้นทุนสำหรับผู้เยาว์แห่งองค์การสหประชาชาติ หรือ “สหภาพยูนิเซฟ”

unicef.or.th/supportus/sites/default/files/styles/960x300/public/campaign/Monthly Landing page_960x300_Flip.jpg?itok=0J2XECII" alt="ยูนิเซฟ" width="500" height="156" />

ยูนิเซฟ

องค์การต้นทุนสำหรับเด็กแห่งยูเอ็น หรือไม่ สมาพันธ์ยูนิเซฟ ได้รับเกิดกำเนิดรุ่งโรจน์ในช่วงหลังสงครามโลกงวดแห่ง 2 เพราะประกอบด้วยวัสดุลูบสงหลักแห่งยุคสมัยตรงนั้นถือเอาว่างานให้การสงเคราะห์แก่เด็กเล็ก แหล่งร่วงเป็นภักษ์ข้าวของสงครามทั่วข้างในทวีปทวีปยุโรปพร้อมด้วยทวีปทวีปเอเชีย ซึ่งจะต้องพบปะตลอดคำถามเหตุงานลำบากอาหารการกิน ภาวะยากจน ออกันทั้งงานปรากฏโรคระบาด ซึ่งล้วนแล้วแต่ดำรงฐานะข้อสรุปจากกระแสความร้ายกาจข้าวของสงคราม

สมาคมยูนิเซฟได้รับมาสู่ปิดเงียบที่ทำการรุ่งโรจน์ในที่ประเทศประเทศไทยในศกพุทธศก 2491 เพราะว่ายูนิเซฟเริ่มต้นงานที่สยามภายในเหตุการณ์เครื่องใช้สบายสุขภาพและโภชนาการภายในผู้เยาว์ ในยุคนั้นมีงานปรากฏโรคระบาดกับน้องๆ แบบ ความเจ็บไข้คุดทะราด ซึ่งลักษณะเครื่องใช้ความเจ็บไข้นี้มีขึ้นออกจากอสุจิบักเตรีทำแจกเกิดคราบแผลเป็นแห่งหมายถึงตุ๊ดตู่สัดส่วนมหาขึ้นตามผิวหนังบนร่างกาย น้องๆ ที่ล้มหมอนนอนเสื่อเหตุด้วยโรคภัยไข้เจ็บตรงนี้จักกอบด้วยท่วงท่าเจ็บปวด รายถิ่นกอบด้วยอากัปกริยารากเลือดรอยแผลจะฉกทานเข้าไปจรตราบเท่ากระดูก นอกจากนี้สมาคมยูนิเซฟยังช่วยเหลือเริ่มแผนพ่นวัคซีนระแวดระวังฝีในท้อง ร่วมทั่วยังขยันแปลงข้อความตื่นตัวคำกล่าวของกินนงาน ใจความสำคัญสุขภาพอนามัยณตำแหน่งที่ตั้งทุรกันดาร ปันออกคดีเอ้ด้วยกันการจำเป็นมีน้ำดื่มย่านใสสะอาดเสถียรเพราะว่าทุกผู้ทุกนาม ตามสถานศึกษาระดับชั้นแรกแตะเอื้ออำนวยข้อความเด่นข้อโภชนาการโภชนาย่านมีอรรถประโยชน์พร้อมทั้งเด็กผู้เรียน กอบด้วยงานจำหน่ายจ่ายแจกดอกดั้วประทานพร้อมด้วยเยาวชนนักเรียนพร้อมกับประสมเหยื่อด้วยซ้ำเกลือสมุทรไอโอดีนรักษาท่าทางขาดตกบกพร่องเลนสติปัญญา

ทิ้งวันเริ่มแรกถิ่นที่ริเริ่มก่อตั้งสถานีณมณฑลแหลมทองหมดทางไปมาริถึงแม้ว่าวันนี้ องค์กรยูนิเซฟ ตั้งเข็มพขโมยเสือกสร้างข้อความกลายในประณีตรุ่งเอื้ออำนวยชาตขึ้นไปที่สังคมแหลมทอง โดยสหพันธ์ยูนิเซฟเอื้ออำนวยเนื้อความอุดหนุนพร้อมกับดูแลเด็กเล็ก พร้อมทั้งเด็กณหลายๆ เหตุการณ์ไม่ว่าจะสด การปกปักรักษาบริหารผู้เยาว์เคลื่อนงานโดนเล่นงาน งานแตะต้องล่วงละเมิด การควรค้นหากำไร พร้อมด้วยงานควรไม่รับผิดชอบ รณรงค์อุปถัมภ์คลอดการวิวรรธน์งานฉลองทิศาสุขภาพลูกพร้อมด้วยความก้าวหน้าข้าวของเด็กแรกเกิด การคุ้มกันผู้เยาว์พลัดพรากการติดเชื้อเอชไวี และกำนัลความส่งเสริมผู้เยาว์พื้นดินคว้ารับสารภาพความกระทบกระเทือนพลัดเอชไอวีพร้อมทั้งเอดส์ ลงมือปันออกผู้เยาว์ทุกคนได้เข้าถึงงานทำความเข้าใจพร้อมทั้งคืบหน้าคุณภาพงานทำความเข้าใจ หนุนหลังการศึกษาหลากหลาย เพื่อให้เกาะติดตรวจสอบนโยบายเข้าสังคม  รณรงค์สละอุบัติกฎหมายและนโยบายที่ดูแลรักษาปกปักรักษาอำนาจอันชอบธรรมเด็ก กับส่งเสริมถวายแวดวงเคารพนับถือพร้อมทั้งดำเนินงานเรื่องอำนาจผู้เยาว์ณสื่อมวลชน นอกจากนี้องค์กรยูนิเซฟยังให้การสนับสนุนไม้ใกล้ฝั่งผู้แห่งพบเห็นเหตุเภทภัยเคลื่อนสภาวะการหายนะถนนหนทางธรรมชาติเขตนำมาซึ่งความย่อยยับอย่างถมถืดแด่กลุ่มคนส่วนแบ่งนักหนา จำเป็นต้องพึงประสงค์กรณีอุดหนุนฝ่ายฉุกเฉิน ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่ประวัติการณ์สึนามิและลำธารท่วมทั้งเมืองเมื่อชันษาพ.ศ. 2554 ร่วมตลอดงานสร้างคดีสำเหนียกแห่งความเปิดไข้หวัดศกุนาพร้อมกับโรคไข้หวัดใหญ่ H1N1 ซึ่งปางหนึ่งคุ้นกระจัดกระจายบากบั่นแห่งประชาชาติประเทศไทย

งานประกอบด้วยสาธารณะที่งานรุดหน้าชันคอสถานะกิจธุระอำนาจอันชอบธรรมและคดีเสมอหน้า งานพยุงเด็กๆ พร้อมทั้งผู้เขตแย่ฤกษ์ที่แวดวงคลุกพร้อมสมาคมยูนิเซฟตรงนั้น คือคดีเขตฉันทุกคนอาจจะร่วมมือยังไม่ตายส่วนหนึ่งข้างในกิจกรรมบริเวณครอบครองค่าเหล่านี้หาได้ โดยสหภาพยูนิเซฟในที่ประเทศสยาม แงะงวดสละใครก็ตามประสานละวางเวินเนื่องด้วยช่วยเหลือกิจกรรมพร้อมทั้งโครงการแตกต่างของสมาพันธ์ยูนิเซฟ ซึ่งช่องทางการละวางสินทรัพย์กอบกู้กอบด้วยตรึมมากหลายวิถีทาง ไม่ว่าจะครอบครองการปล่อยวางทะลุทะลวงทางแคบอินเทอร์เน็ต การเสียสละลอดถนนรายงานไปรษณีย์ ซึ่งจดหมายแถวทำนองคลองธรรมสมาพันธ์ยูนิเซฟเปลืองเกี่ยวกับการโหมแรงราคาทุนจะย่อมเยาส่งเพราะว่าแน่วคลาไคลจวบจวนเพื่อผู้ณฝักใฝ่ละวางหรือว่าทำได้จะดำรงฐานะงานส่งทะลุสำนักงานหรือไม่องค์การหลายชนิด ซึ่งนับถือยังไม่ตายคือบันทึกบริเวณชำนาญเบี้ยย่านอีฉันเสียสละจักเคลื่อนลุอีกต่างหากองค์การยูนิเซฟพร้อมทั้งหาได้นำคลาไคลกินที่กิจกรรมเพิ่มขึ้นแวดวงวิธเที่ยงแท้ ยิ่งไปกว่านี้อีกต่างหากประกอบด้วยงานยอมรับปล่อยวางสร้างผ่านทูตานุทูตโหมแรงเงินลงทุน ซึ่งยังไม่ตายวิถีทางเข้าร่วมละวางทำเนียบปกติมัตถกะแถวสมาคมยูนิเซฟใช้เพื่อให้ชักชวนจ่ายผู้เสียสละอุปถัมภ์งานฉลองเครื่องใช้ยูนิเซฟ ยูนิเซฟจักมีงานตั้งโต๊ะเร่งเงินสะสมที่ท้องที่ที่อยู่หมู่ชน ศูนย์การค้า เรือนหน่วยงาน สถานีรถไฟคคนานต์ ตลอดแห่งกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยชานเมือง  เนื่องด้วยอุบายระดมราคาต้นทุนต้นแบบนี้ คนกลางข้าวของสหภาพยูนิเซฟจะหาได้มีช่องสื่อสารบอกเรื่องกิจกรรมวิวรรธน์สังคมถิ่นที่ยูนิเซฟได้รับบำเพ็ญงอมผู้สถานที่มุ่งมั่นจักประสานละวางสมบัติ

สังคมเครื่องใช้กระผมอีกต่างหากหมายเจริญพร้อมด้วยปฏิรูปเงื้อง่าสถานะคุณภาพชีวะข้าวของเครื่องใช้กลุ่มคนที่เข้าสังคมอีกออกจะตาย ซึ่งการปฏิบัติให้กลุ่มสิ่งอีฉันดีงามรุ่งผมใครก็ตามศักยประกอบด้วยส่วนร่วมดำรงฐานะส่วนใดส่วนหนึ่งภายในการแก้ไขกลุ่มเครื่องใช้ข้าจัดหามา งานผสานละวางเบี้ยเพราะค้ำจุนกิจกรรมข้าวของเครื่องใช้สหภาพที่บำเพ็ญอรรถประโยชน์สำหรับแวดวงและได้มารับการยินยอมพร้อมใจภายในวรรณะโลกมนุษย์อย่างองค์การยูนิเซฟ ก็หยิบคืออีกหนึ่งช่องทางแห่งหนฉันใครๆรอบรู้ลุ้นกีดกันทำงานดำเนินงานเพื่อจะกรีธาวรรณะคุณค่าชีวาของประชาที่กลุ่มคว้าเปล่าลำบากลำบน



เครดิต : https://www.unicef.or.th/supportus/th

บริจาค ทำบุญ คิดก่อน หรือจะเป็น บริจาค ทำบาป

บริจาค ทำบุญ

เท่าที่เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ  เภทภัยการศึก หรือภยันตรายพิบัติอื่นใด อันก่อให้เกิดความหายนะแก่ชีวีพร้อมด้วยทรัพย์ของผู้ประสพภัย  ของที่จะต้องเกิดขึ้นตามมาแน่แท้คือธารความเอื้อเฟื้อของมหาชนผู้ที่มีจิตใจอันดีงามพร้อมกับเอื้ออาทรเข้ากับสหายมนุชร่วมกัน  ด้วยการด้วยกันเสียสละข้าวของข้าวของเครื่องใช้ที่ขาดไม่ได้  สิ่งของอันเป็นวัตถุปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงชีวิต  ทรัพย์สินทองเงินทอง ต่างๆเพื่อให้เกลอบุคคลผู้โชคร้ายทะลุพ้น คืนวันอันเถื่อนจากเภทภัยวิบัติ  แต่หลังจากมหาทานครั้งใหญ่นี้ถูกส่งไปถึงมือผู้รับบริจาค  ในบางหนมันไม่เป็นไปแบบที่ข้าคาดทบทวนดูเสมอไปไป  ทานละทิ้งพวกนั้นอาจทำปมปัญหาอันใหญ่โตหลวงให้แก่คนรับ จนได้ผลสรุปว่าหลาย ๆ ครั้งการ บริจาค ทำบุญ ที่พ้นลงตัว ก็ไม่เคยดีพอ และนี่คือสิ่งขัดขวางที่เคยค้นพบเผชิญจากการละทิ้งที่ไม่รู้ว่า เป็น บุญกุศล กับ ความผิด

บริจาค ทำบุญ

บริจาค ทำบุญ

               เราค้นพบว่า ของบริจาคประกอบด้วย ท่วมเกินแต่กระนั้นไปไม่ถึงพื้นที่ เนื่องจากการสัญจรที่ช้านาน เส้นทางที่เป็นข้อขัดข้อง รถยนต์ เรือ มิสามารถ มาถึงเดินทางไม่ได้ ในบั้นปลาย ข้าวของที่ บริจาค ทำบุญ  มา ก็ไม่ใช้คุณประโยชน์ ซ้ำร้าย ข้าวของเน่าเสีย แล้วจำต้องสั่งสมเงินบริจาคจับจ่ายสิ่งของที่จำต้องมอบให้ผู้ประสบภัยใหม่

                อาหารบูด ข้าวของบูดเน่า  ใช้มิได้ ด้วยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีการส่งมาเยอะเยอะ ข้าวสารอาหารแห้งต่าง ๆ ที่ผู้ที่ บริจาค ทำบุญ ไม่รู้ว่า ผู้รับ จะได้ใช้คุณค่า หรือเปล่า ทั้งบูดเน่า พร้อมทั้ง เสียเวลา ในการคัด

อาภรณ์เหลือใช้ บางคราวก็ไม่มีเหตุจำเป็น เพราะด้วย มันผิดทั้งขนาด แนวทาง แล้วอย่างนี้ จะต้องเสียสละสิ่งไรดี ทรัพย์สินน่าจะเป็นโอกาสที่สวยเป็นยอด บริจาค ทำบุญ เราคงห้าม เงินทองหมดไประหว่างทาง ไม่ แต่ ข้าพเจ้า พึงที่จะเลือกสรรเสียสละสตางค์ให้สำนักงาน หรือ องค์การที่น่านับถือ การให้เงินทอง ที่ประกอบการ หรือ องค์การ ต่าง ๆ ชี้ทางใช้คุณประโยชน์ ได้อย่างจนสุดกำลัง แถม สามารถนำ ไปลดหย่อนภาษีได้สบาย สบาย  แต่ดิฉันรู้หรือเปล่า ว่าเงินตราของดิฉันที่ ดิฉัน บริจาค ทำบุญ ไปไหนบ้าง รั่วหล่น ตรงไหน ผมอาจจะคิดว่า เรา บริจาค ทำบุญ ไป 1,000 บาท  ข้าพเจ้าจะได้ ที่ใดบ้าง ถ้าว่า การ บริจาค ทำบุญ หามิได้การลงเงิน เราไม่รู้หรอกว่า มันสูญไปไหน ไปช่วยใคร ใครเอาไปใช้ เรามักไม่อ่อยหาข่าวคราวที่แล้วตัดสินใจ บริจาค เมื่อจ่ายเงินทองไปแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่า เงินทองไปไหน นี่เป็นอุปนิสัยของการ สละ ของคนส่วนมาก กระผมแค่เบาใจ ว่า ได้  ทำบุญทำทาน แล้ว มันเบิกบานใจ แต่ ผมลองมาดูกันนิด เวลาที่ดีฉันจะจับจ่ายสินค้า เช่นไรซักอย่างหนึ่ง ผมมักจะ หาข้อมูล เป็นร้อยเป็นพันมาก มาย อ่านรีวิวร้าน อ่าน แล้วอ่านอีก ศึกษาคุณค่าของผลิตภัณฑ์ที่ดีฉันจะจับจ่ายใช้สอย แต่ กับการ บริจาค ทำบุญ  กระผมไม่ได้ทำเช่นนี้ ข้าพเจ้า โยน แบงค์ 20 ใส่ กล่องรับบริจาค โดยไม่ มองกับซ้ำว่าลงตรงกล่อง หรือ เปล่า ใส่ ให้ สมาคมไหน เอาไปทำอะไร

บริจาค ทำบุญ

บริจาค ทำบุญ

การตกลงใจ บริจาค ทำบุญ  ส่วนใหญ่จึงมักถูกเลือกจากที่ตั้งที่สะดวกประมาณว่า ยี่สิบ - 30 บาท ไร้เช่นไร เสียสละไปแล้วก็แล้วกันไป มิได้จดจ่อว่าเขาทั้งหลาย จะเอาไปทำไหน แห่งไหน กับเช่นไร เรียก ง่าย ง่าย ว่าเป็น พฤติกรรม  หรือ เป็นนิสัยไม่ดีของการบริจาค ดีฉันมาดูกันว่า เพราะอะไร

      1.ผมมักจะบริจาค  ทำบุญให้กับองค์กร ที่เรียบง่าย ไม่มี พิธีรีตองมากนัก

ต้นทุน การบริหาร ด้านการบริหารงานองค์กร ไม่แจ้งไหนข้านัก ว่า ผมจะ บริจาค ทำบุญ  หรือจะคือ บริจาค  ทำบาป ดิฉันมักคิดกันว่า ร้อย - 200 บาท  โดยมิได้คิดดูอย่างไรยิ่งกว่านั้น  แต่ละสถานสงเคราะห์ อาจมีการ โปรโมท ครรลอง การ บริจาค  ทำบุญ ที่สวยงาม หรือ มิได้ทำอะไรเลย แต่เมื่อข้าพเจ้าคิดจะเสียสละ ดีฉันแค่ โยน ตังค์ หรือ ให้ ให้ ไป แบบ เสียไม่ได้ในบางคราว แต่ละสมาคม ไม่มาป่าวหมายประกาศว่า เขาทั้งหลาย เป็นประโยชน์อย่างใด กับ ดำเนินงานที่ใด เหลือหลายนัก ข้าพเจ้าอาจแค่ ได้รู้ได้ยินมา คร่าว ๆ แบบเสียมิได้

  1. เราตระหนักเอาเองว่า เรากระหาย มอบให้ พวกเขาทะเยอทะยานได้หรือเปล่ากระผมไม่รู้

ยกแบบตัวอย่างเช่น เสียสละ ทำบุญ  ข้าวสาร ให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ข้าลืมไปว่า น้ำท่วม เขาทั้งหลายคงทำที่ใดมิได้มาก กระผมก็มักสละสิ่งที่กระผมอยากจะให้มากกว่าสิ่งที่ผู้รับต้องการ ดิฉันบริจาค ตุ๊กตา ของเล่น เด็ก น้ำดื่ม ปลากระป่องแบบเปิดยาก ๆ หลายคนก็มักเลือกสรรตามความคล่องของตัวเอง ของซื้อของขายยอดนิยมคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ไร้คุณสมบัติ ฉันไม่รู้ความสมหวัง ของ สมาคม ต่าง ๆ เลย

      3.บริจาค ทำบุญ เข้ากับ สมาคม ที่แพร่หลาย เป็นที่นิยม

                เพราะ การตลาดยิ่งใหญ่ มูลนิธิ ที่ชื่อดัง เป็นที่นิยม พร้อมทั้ง คนทั่ว ๆ ไป รู้จักมักคุ้น จะได้รับ ยอดเงิน บริจาค ทำบุญ เป็นจำนวนมาก หากได้ออก TV ช่องข่าว เช้า ยิ่งได้รับ เงินทองเยอะแยะ ในในระหว่างที่ สถานสงเคราะห์ อื่น ก็มีคนพิการ เด็กด้อยโอกาส คนติดยา เต็มไปหมด แต่ เขาไม่มีการตลาด ไม่มี TV ช่องข่าว เช้า ไปทำข่าว มันจึงเป็นเหตุพอเพียงว่า เพราะเหตุไร ฉันจึงเลือก บริจาค ทำบุญ กับ วัดวาอาราม/มูลนิธิ/สถานสงเคราะห์ ที่ฮือฮา เราไปไป  .บริจาค ทำบุญ  เป็นระยะทาง ไกล ๆ สำหรับ .บริจาค ทำบุญ ส่งให้ กับ วัดวาอาราม/มูลนิธิ/สถานสงเคราะห์ ที่มีชื่อ  แต่เราลืมดู ข้าง ๆบ้าน ดีฉันยังมี โรงเรียน ที่มีเด็ก กำพร้า ไม่มี อาหารกิน อยู่

  1. ข้าพเจ้ามักจะ บริจาค ทำบุญ กับ วัด/มูลนิธิ/สถานสงเคราะห์ ที่ให้ข้าระบุว่าเอาเงินไปทำกระไรบ้าง

หน่วยงานหลาย ๆ ณ ได้รายงานทางเลือกหลาย ๆทางให้คุณได้คัดเลือกสำหรับให้ไม่ยาก แก่การ บริจาค ทำบุญ อาทิเช่น เงิน 100 บาท ที่มีราคาของคุณ ข้าพเจ้าจะเอาไป ทำ หลังคาโรงเรียน  ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่ แต่ ข้าสบายใจว่า ตังค์ข้า ไปอยู่ซะสูงแล้ว มันเห็นภาพได้ง่าย น่าหลงใหล เราจึงยอมควักสตางค์จ่ายไปง่าย ๆ

รวบรัดแบบสั้น ข้าจะง่าย ๆ ไม่ได้กับการ บริจาค ทำบุญ  เพราะด้วยเงินตรากระผมสมควร สหภาพทั้งหลาย จะได้รับใช้ทรัพย์สินได้อย่างเต็ม พลัง หามิได้ กระไรก็ได้ ให้ ๆ ไปเถอะ ร้อย -สองร้อย ดีใจจังมีชื่อติด บนหลังคาด้วย หาก ผมมีเวลา ซักนิดก็เข้าไปดู เข้า ไปช่วย  องค์การ นั้น ๆ สำหรับ เงินของข้าพเจ้าจะได้ ถึงไม้ถึงมือ ผู้ที่ลำบากจริง ๆ และ ข้าก็ต้อง สับเปลี่ยน ข้อคิดเห็น ในการ บริจาค ทำบุญ  ใหม่เอี่ยมด้วยไม่ใช่ เอะอะ อะไร ก็  ข้าวสาร น้ำเปล่า ปลากระป่องแบบเปิดยาก ๆ อย่าต้องให้ บริจาค ทำบุญ  เป็น บริจาค  ทำบาป



เครดิต : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

เตรียมพร้อมก่อนบริจาค

บริจาค

จากคำอบรมที่ว่า “ชีวิตคือการให้” ที่เราได้ฟังกันอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ บ้างก็ต่างดูดซับและนำไปปรับใช้ในการครองชีพ บางคนก็เลือกที่จะเผื่อแผ่ให้กับคนรอบข้างอาจจะเป็นสมบัติ เงินทอง สิ่งของต่างๆ หรืออาจจะเป็นความสงเคราะห์ในหนทางต่างๆ ซึ่งเราจะเรียกสิ่งนี้ว่า “น้ำใจ” นั่นเอง หรือเพิ่มจำนวนการให้ที่มากขึ้นในแนวทางของ “การบริจาค” ทั้งสิ่งของ เงิน ครั้งหรืออื่นๆ แล้วแต่เรื่องและสถานการณ์ หากพูดถึงการบริจาคหลายๆ ท่านคงจะนึกภาพถึงการบริจาคสิ่งของเนื่องในโอกาสอันควรต่างๆ เช่นน้ำท่วม ภัยแล้งหรือภัยพิบัติอื่นๆ หรือที่เราเห็นกันชินตากับการบริจาคสิ่งของ เงินทองไปตามมูลนิธิต่างๆ โรงเรียนตามเขตชายแดนที่ทุรกันดารที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึง เพราะถึงแม้ว่าจะปี 2558 แล้วก็ตามแต่สาธารณูปโภคพื้นฐานก็ยังไม่สามารถทั่วถึงในทุกที่ตั้งทั่วประเทศไทย

            จากวิธีการให้ในแบบแผนต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น หากกล่าวถึง “การบริจาค” แล้วจะมีใครทราบบ้างว่าเราควรเตรียมความพร้อมอะไรบ้างก่อนบริจาคในแต่ละครั้ง บ้างอาจเกิดความเห็นต่างแค่คิดจะบริจาคแล้วจำเป็นต้องเตรียมตัวด้วยหรือ เพียงเงินและสิ่งของก็คงจะเพียงพอแล้ว? คนส่วนใหญ่อาจจะเกิดคำถามและแง่มุมไปในวิธีเดียวกันนี้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการบริจาคในแต่ละครั้งหากมุ่งหวังให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดก็ควรจะเตรียมความพร้อมเสียก่อน

 บริจาค

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนบริจาค

  1. พิจารณาตนเอง

            ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดถือเป็นขั้นตอนขั้นพื้นฐานของการบริจาคหรือแม้กระทั่งการลงมือทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต เริ่มต้นตั้งแต่การวิเคราะห์ตนเองว่ามีความพร้อมสำหรับการบริจาคในแบบแผนใดได้บ้างตามที่คุณสะดวกและต้องการ บ้างก็สะดวกโดยการบริจาคในแบบของตัวเงิน การบริจาคสิ่งของสำหรับแต่ละเขตพื้นที่หรือเรื่องสำคัญๆ หรือแม้แต่การบริจาคด้วยเวลาส่วนตัวผ่านการลงมือปฏิบัติด้วยตนเองหรือการเดินทางไปด้วยตนเอง ทั้งนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการลงมือทำโดยไม่ฝืนขีดความสามารถและฝืนความพึงปรารถนาของตัวเอง เพียงเลือกวิธีการให้ที่คุณรู้สึกสะดวกและพอใจที่สุดด้วยความ เต็มอกเต็มใจ เมื่อสำเร็จภาระหน้าที่นอกจากจะอิ่มบุญแล้วยังจะอิ่มอกอิ่มใจได้ด้วย

  1. ที่อยู่รับบริจาค

            ที่อยู่รับบริจาคจากทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นตามโรงเรียนหรือหมู่บ้านตามเขตชายแดน ตามถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิต่างๆ หรือสำนักงานที่เปิดรับบริจาคแบบเฉพาะกิจ และอื่นๆ หากคุณมีความเอาจริงเอาจังที่จะให้เพียงอุทิศเวลาสักเล็กน้อยหาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวโยงให้ครบบริบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อถือได้ของถิ่นรับบริจาค จากถิ่นรับบริจาคนับร้อยนับพันที่คุณกำลังให้ความสนใจอยู่ เพียงหาข้อมูลเพิ่มเติมสักนิด คุณมุ่งหวังจะให้ใครและใครจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการบริจาคของคุณในครั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อความอิ่มอกอิ่มใจทั้งผู้ให้และผู้รับอีกทั้งคุณจะได้ไม่เสียความรู้สึกในภายหลังหากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ขึ้นมา

  1. ของบริจาค

การบริจาคเงินคงจะเป็นวิธีที่มีซับซ้อนและยุ่งยากน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการหย่อนตามตู้บริจาคที่พบเห็นตามสถานที่ต่างๆ หรือการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร แต่หากคิดจะบริจาคสิ่งของคุณก็ควรจะจัดเตรียมสิ่งของให้ครบและเหมาะสมตามความต้องการที่แท้จริงของโครงการ เพียงติดต่อสอบถามจากแหล่งรับของบริจาคโดยตรงถึงสิ่งของที่ขาดและจำเป็นแล้วจัดเตรียมตามความปรารถนาของผู้รับ โรงเรียนที่ห่างไกลพัฒนาการอาจจะไม่ได้พึงประสงค์เพียงหนังสือหรืออุปกรณ์กีฬาเท่านั้น แม้แต่เครื่องปรุงสำหรับข้าวปลาอาหารกลางวันเด็กก็สำคัญไม่แพ้กัน ทั้งนี้ก็ควรคำนึงถึงคุณภาพสิ่งของที่คุณต้องจัดซื้อด้วยเช่นกัน

  1. การเดินทาง

สำหรับผู้ที่พึงประสงค์จะเดินทางไปยังตำแหน่งที่ตั้งรับบริจาคด้วยตนเอง สิ่งสำคัญที่ควรเตรียมความพร้อมคือการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นยวดยานพาหนะที่ใช้ สภาพเส้นทางและเส้นทางที่สะดวกที่สุดเพื่อให้การไปถึงยังจุดหมายปลายทางถูกต้องเป็นไปตามการวางแผนการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องเดินทางในช่วงที่มีฝนตกสภาพเส้นทางในบ้างแห่งจะไม่พร้อม ยากลำบากและเสี่ยงอันตรายกว่าหรือแม้แต่เส้นทางที่ลาดชัน บางโรงเรียนอาจจะต้องข้ามเขากันเลยทีเดียว ดังนั้นสมรรถภาพของยวดยานพาหนะและผู้ขับก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังที่เราจะได้ยินข่าวรถจากคณะทัวร์ผู้บริจาคต่างๆ ที่ต้องประสบอุบัติเหตุจากความไม่คุ้นชินเส้นทางของคนขับ

  1. บริเวณรับบริจาค

            จุดหมายปลายทางที่คุณวางแผนไว้อาจจะอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่ห่างไกลความเจริญ ขาดแคลนน้ำดื่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่คุณเจอในชีวิตประจำวัน ดังนั้นนอกจากการเตรียมพร้อมสำหรับการบริจาคแล้วการเตรียมความพร้อมให้กับตนเองโดยเกี่ยวข้องกับบริเวณก็เป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน เพราะบางครั้งคุณอาจจะต้องค้างแรมในสถานที่นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นตามโรงเรียน วัดหรือหมู่บ้านใกล้เคียง ดังนั้นแน่นอนว่าคงจะไม่สะดวกราบรื่นเหมือนอย่างเคยแน่นอน การดูแลตนเองให้เรียบร้อยไม่สร้างภาระให้แก่ผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมคณะบริจาคหรือเจ้าหน้าที่ประจำถานที่นั้นๆ จะได้ไม่ต้องรบกวนหรือหากหวังความช่วยเหลือจริงๆ จะได้รบกวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

            ด้วยการเตรียมความพร้อมก่อนลงมือทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “การบริจาค” ที่คุณคิดวางแผนและต้องการไว้ก็จะให้ผลตามที่คุณหวังไว้ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งคุณยังสามารถปรับใช้ขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้กับสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย สิ่งสำคัญคือการสร้างอรรถประโยชน์ให้ได้มากที่สุดและสร้างภาระให้แก่ผู้อื่นน้อยที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ เพียงเท่านี้การให้ของคุณก็จะสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างแน่นอน



เครดิต : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

Unicef Thailand เพราะ เมืองไทยยังมี ยูนิเซฟ

Unicef Thailand

Unicef Thailand

 ปี 1948 หลังสงครามโลกจบแล้ว สอง  ปี ในเมืองไทยก็มี Unicef Thailand บังเกิดท่ามกลางสภาวะยุ่งเหยิงไปทั่วโลก องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่เปิดสงครามต่อสู้เพื่อปกป้องกับสิทธิเด็ก สตรี โดยมีพันธมิตรหลากหลายประเทศทั่วโลก ปัจจุบันก็มีสาขาอยู่ หนึ่งร้อยเก้าสิบ ประเทศทั่วโลกทั่วถึงกันเวลา จวนจะ เจ็ดสิบ ปี Unicef Thailand ได้ทำงานคลุกคลีกับมากมายองค์กรที่ร่วมกันป้องกันผู้เยาว์ ทั้งภาครัฐ พร้อมทั้งเอกชนที่ผสานมือกันทำงาน Unicef Thailand จัดตั้งขึ้นมากับ มีเป้าหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือเยาวชนในสยามที่ครอบครัวต้องได้รับผลกระทบกระเทือนของการศึก จำต้องพบกับสภาพอดๆ อยากๆ รวมทั้งโรคระบาดจากควันหลงของการทำศึก ในขณะนั้น ประเทศไทยเกิดปมปัญหาต่างๆขึ้นมาก ทั้งขาดแคลนอาหาร  การขาดโภชนาการที่ดี ขาดการหาความรู้ ซึ่งสาเหตุหลักที่มี Unicef Thailand มาก็เพราะปัญหา การซ่อนเร้นค้าผู้เยาว์ ใช้แรงงานเด็ก การตุ๋นผู้เยาว์ กับ เสาะแสวงหาผลประโยชน์ทุกแบบแผนจากเยาวชน ประกอบกับ การที่เมืองไทย เริ่มต้นมีการ เปลี่ยนความปกครอง การปรับปรุงปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม กับการเมือง เป็นสิ่งชวนสู้ขององค์การ Unicef Thailand ที่จะต้องนำชีวิตที่เจริญของผู้เยาว์กลับมา สิ่งท้าทายใหม่ๆ ของเด็กพร้อมทั้งผู้เยาว์ ทั้ง การระบาดของเชื้อ เอช ไอ วี ในในตอนนั้น  การล่มสลายของระบบครอบครัว กลุ่มที่ตั้งชื่อว่า เมืองไทยจะเป็นนิค ระบอบประชาธิปไตยที่คนไทยกับรัฐบาลไทยถวิลหา ยุคที่มีปัญหารอบด้านการล้มตายของเด็ก การใช้ผู้ใช้แรงงานเด็กในอุตสาหกรรม อุบัติเหตุต่างๆที่เยาวชนได้รับเพิ่มสูงขึ้น Unicef Thailand ก็ได้เข้ามาทำแทนนี้ ประกอบกับการที่รัฐบาลในขณะนั้นก็ไม่ได้ทุ่มไปในการดูแลผู้เยาว์ขณะนั้นมากมายนัก สิ่งนี้ก็ได้ทำส่งให้ Unicef  ในตอนนั้นดำเนินการอย่างมากขึ้น จนช่วงปัจจุบันที่มีหลายหลากโครงการที่เอาใจใส่ให้เด็ก พร้อมทั้ง เด็กได้มีชีวีที่เจริญ ซึ่งโปรเจ็คต่าง ๆ นั้นคือ

Unicef Thailand

โครงการ คุ้มครองผู้เยาว์  โดย Unicef  

เป็นโครงการที่ มีขึ้นเพื่อป้องกันผู้เยาว์ให้ ปราศจากจากการถูกกดขี่ การปฏิบัติที่ดุร้าย ถูกทอดทิ้ง พร้อมทั้งถูกค้นหาค่า  โครงการคุ้มครองเยาวชน จะรวมไปถึงการป้องกันการค้นหาผลประโยชน์ทางเพศเพื่อการค้า และการค้ามนุษย์ด้วย  โปรเจ็คนี้มีแนวทางคุ้มครองเยาวชนรวมทั้งการติดตามทะนุถนอมเด็กที่อยู่ในสภาพล่อแหลมและได้รับผลพวงจากสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนปักษ์ใต้ด้วยโปรเจ็คนี้ได้ทำให้มีการแสวงหาในการทำระบบในขบวนการยุติธรรมเยาวชนพร้อมด้วยผู้เยาว์ให้ได้รับการปรับปรุงด้วยเน้นหนักไปที่การปรับปรุง ปกป้องรักษา เยียวยาพร้อมทั้งปรับปรุงเยาวชน มากกว่าการที่จะลงทัณฑ์เด็กเพียงเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันก็ได้ส่งเสริมขบวนการเที่ยงตรงเชิงสมานฉันท์ ทีจะกันเยาวชนที่พลาดพลั้งเพียงเล็กน้อย เวียนกลับสู่กลุ่มได้แบบมีคุณลักษณะ

Unicef Thailand

โปรเจ็คให้การเรียนรู้

เหตุหลักที่มีปมปัญหาเยาวชนก็เพราะการขาดการศึกษาเล่าเรียน โปรเจ็คต่างๆ ของUnicef จึงมุ่งเน้นให้เด็กเข้าถึงการเรียนให้มากขึ้น ซึ่งจะได้ทำความทัดเทียมกันในแวดวง ได้ขยายพร้อมด้วยด้วยที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันที่จะรับประกันสิทธิของผู้เยาว์ทั้งหมดโดยให้ได้รับการศึกษาอย่างถ้วนทั่ว ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับปี พ.ศ. 2542 ด้วย พระราชบัญญัติดังกล่าวทำให้เยาวชนจำนวนเยอะขึ้นได้เข้าถึงการหาความรู้พื้นฐาน แม้กระนั้น ปัญหาและความท้าทายที่ Unicef Thailand ต้องพบปะคือ ทำยังไงให้เด็กทุกคนจึงจะได้การเรียนที่มีคุณภาพแบบพร้อม โครงการศึกษาของ Unicef Thailand จะเน้นการเสริมสร้างหนทางให้เด็กได้รับปรับปรุงเริ่มมาวัยต้น จนถึงการเรียนตามคราวที่กำหนดอย่างทรงคุณภาพ ทั้งนี้ Unicef Thailand ได้ให้จุดสำคัญเป็นพิเศษเพื่อการเล่าเรียนของเยาวชนขัดสน และ ผู้เยาว์ไร้ชนชาติเป็นพิเศษทั้งนี้เพราะจะพัวพันกันไปในคราวหน้าถึงเรื่องราวปัญหาที่จะตามมาเช่นว่า ปมปัญหา ผลกระทบกระเทือนจากไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่อง ด้วยจุดประสงค์ที่จำเป็นจะต้องทำหน้าที่ก็ เช่น การเกาะติดผู้เยาว์ที่ไม่ได้เข้าเล่าเรียน การส่งเสริมผู้เยาว์ที่ขาดลู่ทาง ได้เรียนรู้ตามเกณฑ์ เป็นต้น

Unicef Thailand

โปรเจ็คต่อสู้กับ โรคเอดส์

ด้วยปมปัญหาเยาวชนจะทำให้เกิด ปมปัญหาโรคภูมิคุมกันบกพร่องขึ้น การแก้ปัญหาผู้เยาว์ก็ต้องแก้ปมปัญหาเอดส์ไปด้วยกัน ยูนิเซฟไทยจึงมุ่งเน้นย้ำไปที่การปกป้องรักษาการติดเชื้อขยายเพื่อลดข้อผูกมัดการแก้ปมปัญหาในระยะยาวซึ่งในช่วงนี้ ประชาชนไทยราว ห้า แสนคนที่มีเชื้อร้ายนี้อยู่ พร้อมด้วยอัตราการติดเชื้อก็สูงขึ้นเช่นกัน เพราะ เยาวชนเดี๋ยวนี้เริ่มต้นมีเซ็กซ์ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ดีฉันจะเห็นข่าวบ่อย ๆที่มีข่าวเยาวชน สิบสาม ปีมีครรภ์แล้วย่องไปทำแท้งอยู่บ่อย ๆ ภายหลังจากที่มีโครงการนี้แล้ว การแพร่เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องจากแม่สู่ลูกก็ลดลงอย่างมากมาย

 นับว่าเป็นผลสัมฤทธิ์1ของ Unicef Thailand  แต่กระนั้นก็ยังมีเยาวชนอย่างน้อยก็1คนที่เกิดมากับเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่อง ทุกวัน  พร้อมกับ ก็จะถึงแก่ชีวิตลง ในกำหนด ห้าปี ถ้าหากไม่มียาต้านไวรัส

 Unicef Thailand

โครงการแก้ปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉิน

Unicefได้คลุกกันแก้ปมปัญหาด้านสภาวการณ์เร่งรีบมาโดยตลอด ทั้งนี้การเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินแต่ละครั้งมิเพียงแค่ทำร้ายครอบครัว แต่ทว่า ได้รังแกเยาวชนด้วย เพราะเช่นนั้นสำหรับปกป้องพร้อมทั้งดูแลรักษาสิทธิ์เยาวชนไว้ Unicef Thailand จึงได้สนับสนุนงานเรื่องแก้ปมปัญหาสภาพการณ์ฉับพลันด้วย ด้วย ยูนิเซฟ เกิดมาจากสภาวะเดือดร้อน จากอดีตที่  Unicefที่สหประชาชาติ หรือ United Nations Children’s Emergency Fund ริเริ่มตั้งขึ้นขึ้นมาจากความเลวทรามของสงครามโลก Unicef Thailand  ก็อีกด้วยที่ปฏิบัติการด้านเหตุการณ์ลำบากมาทุก ทั้งที่ช่วงนี้โลกจะดัดแปลงไปเป็นอย่างมาก แต่สถานการณ์เดือดร้อนในสมัยปัจจุบันก็ไม่เบาบางลงไปจากครั้งสงครามโลกเลย  ดูจะยุ่งยากขึ้นและมีความหยาบคายขึ้นเรื่อยๆ

 Unicef Thailand

โปรเจ็ครณรงค์และวิเคราะห์นโบายสังคม

ทั้งนี้เพราะยูนิเซฟมิอาจจะดำเนินการโดยลำพังจึงได้การร่วมกันกับผู้สนับสนุน และ รัฐบาลจะสนับสนุนทำให้แก้สภาวการณ์ที่แท้จริงของผู้เยาว์และเพศหญิงได้ทั้งยังเป็นการการโฆษณาโครงการอื่น  ด้วย  Unicef Thailand ได้อุปถัมภ์งานวิจัย การศึกษาเล่าเรียนเพื่อเกาะติดภาวะของผู้เยาว์ ทั้งช่วยลดความแตกต่างของผู้เยาว์ให้น้อยลง  โดยยิ่งยวดในการทำเอาผู้เยาว์ทุกคนได้รับสิทธิที่ควรมี รวมทั้งการมีช่องทางในการเข้าถึงบริการในแวดวงอย่างเสมอกับทุกคน Unicefจะใช้ข้อมูลที่ได้จากโครงการการค้นคว้าพร้อมกับขยายทำให้เกิดการเปลี่ยนที่ดีพร้อมทั้งยั่งยืนขึ้นสำหรับผู้เยาว์

โดยสังเขปแล้ว Unicef Thailand ก็ทำการทำงานสรรพสิ่งในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับเด็กสำหรับดูแล ปกป้อง ปกปักรักษา พร้อมทั้ง รักษาปัญหาต่าง ๆของเยาวชน พร้อมทั้งส่งเสริมหลักต่าง ๆที่จะแตะโดยตรงต่อผู้เยาว์ นี่คืองานการทั้งมวล ที่จะอนุเคราะห์ผู้เยาว์ นี่เป็น Unicef Thailand



ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th

ทำบุญวันเกิด ให้มีสุข ทั้งกายและใจ

ทำบุญวันเกิด

ทำบุญวันเกิด เกือบจะทุกคน จะคุ้นเคยกับคำคำนี้ โดยชาวพุทธมีความเชื่อเรื่อง บุญ บาป เท่าที่ถึงวันวันเกิด คนโดยมากจึงเป็นที่นิยมทำบุญทำกุศลคล้ายวันเกิด ที่เป็นที่นิยมดำเนินงานกันคือ การถวายสังฆทาน ( ทานที่ถวาย โดยไม่จำเพาะเจาะจงว่าให้ผู้ใด ) ซึ่งได้รับยอมรับการยอมว่า บุญกุศลเป็นกำลังซึ่งสุดด้านศาสนาอื่น เช่น อิสลาม ไม่ได้ให้มีการจัด  งานเริงรื่น และเลี้ยงให้จัดเตรียมเท่านั้น สอง วันเท่านั้นในรอบปี คือ วันอีดิลอัฎหา และ อีดิลฟิฏริ โดย ไม่ขัดกับแนวคิดของพระศาสนา การจัดงาน คล้ายวันเกิดของตัวเอง จึงถือเป็นการขัดหลักหลักคำสอน ของศาสนา

แล้วทำไมต้องทำบุญวันเกิด ทำบุญวันเกิด จะได้อะไรเรามาดูกันก่อนว่า การทำบุญ มีกี่แบบ พระอรหันต์ทรงบอกว่า การทำบุญมี 10 แบบ เรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ 10 คือ

 

1.ทานมัย   ทำบุญด้วยการมอบให้เงิน หรือ สิ่งของ การส่งให้อภัยทาน

2.สีลมัย     การรักษาศีล ทำตัวดี

3.ภาวนามัย การปฏิบัติธรรม ทำสมาธิภาวนา

4.อปจายนมัย             การกระทำตนอ่อนน้อมถ่อมตน

5.เวยยาวัจจมัย           การช่วยเหลือ ขวนขวาย ดูแล

6.ปัตติทานมัย             การบอกบุญ

7.ปัตตานุโมทนามัย      การอนุโมทนา

8.ธัมมัสสวนมัย           การฟังธรรม

9.ธัมมเทสนามัย          การเผยแพร่ธรรมะและพร่ำสอนธรรม

10.ทิฏฐุขุกัมม์             การทำความเห็นให้ตรง ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

ทำบุญวันเกิด

ทำบุญวันเกิด

วิธีทำบุญคล้ายวันเกิด ที่นิยม กันคือ ทานมัย    คือ ทำบุญทำกุศลสำหรับการให้เงิน กับ สิ่งของเครื่องใช้ส่วนมาก จักนิยมการดำเนินงาน การถวายสังฆทาน การบริจาคสตางค์ทะนุถนอม ละวางเพื่อที่จะลูกกำพร้า เพราะเช่นนั้น การทำบุญวันเกิด คือ การปฏิบัติจิตใจให้สดใส ในวันครบรอบวันเกิด มีผลให้เกิดความสำราญแก่เจ้าของวันเกิด เป็นสำคัญ

การ ทำบุญวันเกิด เปิดตัวมีมาตั้งแต่ในรัชกาลที่ 4 ครั้งที่พระองค์ยังทรงผนวชอยู่ โดยเรียกว่า เฉลิมพระชนมพรรษา   การทำบุญวันเกิด มีมากมายวิธี หลายลู่ทางมากหลาย ด้วยเฉพาะเจาะจงการทำทานนั้นเป็นการมอบให้โอกาสให้แก่ผู้ที่ลำบาก เด็กไม่สมประกอบ ลูกกำพร้าผู้ด้อยโอกาส ทำให้ทั้งผู้รับและผู้สงเคราะห์มีความสุขทั้งสองฝ่าย

ทำบุญวันเกิด

ทำบุญวันเกิด

มาดูแนวทางการเลือก ทำบุญสุนทาน คล้ายวันเกิด ตามวันเกิดกัน

ทำบุญทำกุศล คล้ายวันเกิด เพื่อ คนเกิด วันอาทิตย์   ท่านที่ทำบุญวัน วันเกิดวันอาทิตย์ มีพระประจำวันเกิดคือ พระปางถวายเนตร ให้ลงมือบุญตักบาตรของคาวหวาน เป็นสีขาว  ไถ่ชีวิตสิงสาราสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่ส่วนบุญ ควรสักการะบูชา พระแก้วมรกต กับส้ม และดอกไม้สีแดง ทำให้เจริญ รักษาศีลกินเจ

ของคาว : ต้ม แกงกะทิ ประเภทไข่ ดาว เจียว  ลูกเขย 

ของหวาน : ไข่หวาน น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะพร้าว น้ำขิง เงาะ มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก้ว ขนมใส่กะทิ

ของถวายพระ : อุปกรณ์แสงสว่าง  หลอดไฟฟ้า ไฟฉาย เทียน ธูป แว่นตา

ไหว้พระประจำวันเกิด : พระปางถวายเนตร  พลังวันเท่ากับ ๖ (สวดแบบย่อ อะ วิช สุ นุส สา นุต ติ)

ทำทาน : เติมน้ำมันดวงประทีปตามวัด คนตาบอด โรงพยาบาลโรคตา มูลนิธิคนตาบอด โรงพยาบาล โรคหัวใจ มูลนิธิโรคหัวใจ

กิริยาท่าทาง : เลิกความอวดดื้อถือดี ทำตัวเป็นผลดีต่อผู้อื่น อย่าอารมณ์ร้อน

ทำบุญทำทาน วันเกิด เพื่อ คนเกิด วันจันทร์ ท่านที่จัดการบุญวัน คล้ายวันเกิด วันจันทร์ มีพระประจำวันเกิดคือ พระปางห้ามญาติ  อาหารคาวหวานที่ต้องถวายควรเป็นสีเหลือง ไถ่ชีวิตสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา ควรสักการะ พระโพธิสัตว์กวนอิม ด้วยกล้วยน้ำว้า และมะลิ จะทำโชคลาภ ถือศีลกินเจ

อาหารคาว : ข้าวผัดปู แกงจืดเต้าหู้ เต้าหูทอด  ไก่ทอดปูผัดผงกะหรี่  ข้าวมันไก่

ของหวาน : นมถั่วเหลือง น้ำอ้อย น้ำเต้าหู้ โดนัท ลางสาดนมสด เผือก มัน ขนมเปี๊ยะ

ของถวายพระ : ของโปร่งๆ ใสๆ เช่น แก้วน้ำ แจกัน

ไหว้พระประจำวันเกิด : พระปางห้ามญาติ  กำลังวัน เท่ากับ ๑๕ (สวดแบบย่อ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา)

บำเพ็ญทาน : มูลนิธิช่วยเหลือนารี เช่น มูลนิธิเพื่อนหญิง

กิริยาท่าทาง : ทำจิตใจให้ชุ่มชื่น สบายใจ อยู่บ่อย อย่าครุ่นคิดทุกข์ใจเกินเหตุ ให้ความสนับสนุนสตรี

ทำบุญสุนทาน วันเกิด เพื่อ คนเกิด วันอังคาร ท่านที่ทำบุญวัน คล้ายวันเกิด วันอังคาร มีพระประจำวันเกิดคือ พระปางไสยาสน์ ให้ทำบุญสุนทานอุทิศเครื่องบริขารบูรณะตึก อาหารคาวหวานที่ต้องมอบให้จงเป็นเส้น และ  สีเหลือง ไถ่ชีวิตสิ่งมีชีวิต ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา ควรสักการะ พระพิฆเนศวร ด้วยกล้วยน้ำว้า  กล้วย อ้อย จะทำให้จัดหามาโชคลาภ ถือศีลกินเจ

อาหารคาว : บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว เนื้อวัว ขนมจีน วุ้นเส้น

อาหารหวาน : ระกำ ขนุน  ฝอยทอง สลิ่ม ลอดช่อง ทุเรียน

ของถวายพระ : เครื่องใช้สอยซ่อมแซมอาคาร  เครื่องไม้เครื่องมือประเภทเหล็ก แปรงสีฟัน ยาสีฟัน

ไหว้พระประจำวันเกิด : พระปางไสยาสน์ (พระนอน) มีกำลังเท่ากับ ๘ (สวดแบบย่อ ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง)

ทำทาน : คนเป็นอัมพาตทางปาก ปากแหว่ง ผู้ป่วยโรคลมชัก

ท่าทาง : ลดโมโหง่าย ทำตัวให้กระปรี้กระเปร่า

ทำบุญ คล้ายวันเกิด เพื่อ คนเกิด วันพุธ (กลางวัน) คุณที่ทำบุญสุนทานวัน คล้ายวันเกิด วันพุธ กลางวัน มีพระประจำวันเกิดคือ พระปางอุ้มบาตร ทำบุญสุนทานตักบาตรด้วยเครื่องมือสนับสนุนการศึกษาเล่าเรียน อาหารคาวหวานที่ต้องถวายควร สีเขียว ไถ่ชีวิตสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา ควรไหว้ พระพุทธชินราช กับไข่ กับด้วยดอกดาวเรือง จะทำให้เรื่องร้าย กลายดี รักษาศีลกินเจ

ของคาว : แกงเขียวหวานหมู คะน้าน้ำมันหอย หมูปิ้ง หมูทอด ผัดพริกหมู

ของหวาน :องุ่นเขียว มะม่วงเขียวเสวย  ขนมเปียกปูนเขียว ชมพู่เขียว ฝรั่ง

ของถวายพระ : อุปกรณ์การเรียนการศึกษา

พระประจำวันเกิด : พระปางอุ้มบาตร  มีกำลังเท่ากับ ๑๗ (สวดแบบย่อปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท )

ให้ทาน : โรงพยาบาลโรคสมอง สถานศึกษาสอนคนหูหนวก

ความประพฤติ : ฝึกฝนสร้างความเด็ดเดี่ยวให้ตนเอง อ่านหนังสือคุณความดี

ทำบุญสุนทาน คล้ายวันเกิด สำหรับ คนเกิด วันพุธ (กลางคืน) คุณที่ทำบุญทำทานวัน คล้ายวันเกิด วันพุธ เพราะท่านที่กำเหนิดวันพุธ (กลางคืน)กลางวัน มีพระประจำคล้ายวันเกิดคือ พระ ปางป่าเลไลย์  ทำบุญทำทานใส่บาตรด้วย หยูกยา สิ่งของส่งเสริมการศึกษา อาหารคาวหวานที่ต้องอุทิศควร สีเขียวดำ ไถ่ชีวิตสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา ควรสักการะ เจ้าพ่อเสือ ด้วยเนื้อหมู พร้อมกับด้วยดอกดาวเรือง จะทำให้ผู้สูงวัยอานก ช่วยเหลือบุญอิทธิพล ถือศีลกินเจ

ของหวาน : เม็ดมะม่วงหิมพานต์  ข้าวหมาก ขนมเปียกปูนดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ  ทุเรียน

ของถวายพระ : ยา พัดลม  ยาหอม

พระประจำวันเกิด : พระปางป่าเลไลย์  มีอำนาจเท่ากับ ๑๒ (สวดแบบย่อ คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ)

ทำทาน : มูลนิธิที่เกี่ยวกับยาเสพติด

พฤติกรรม : เลิกทำตัวเหลาะแหละ งดยาเสพติด เว้นเที่ยวกลางคืน

ทำบุญทำกุศล วันเกิด เพื่อ คนเกิด วันพฤหัสบดี คุณที่ทำบุญ วันเกิด สำหรับท่านที่เกิดวันพฤหัสบดี มีพระประจำวันกำเหนิดคือ พระปางสมาธิ หรือ ปางตรัสรู้  ทำบุญทำทานตักบาตรด้วย ของใช้สงฆ์ เช่นว่า จีวร อาสนะ สบง จีวร อาสนะยา ของคาวหวานที่แตะอุทิศชอบ สีเหลืองส้ม ไถ่ชีวิตสิงสาราสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา เหมาะสมบวงสรวง ท้าวมหาพรหม ด้วยมะพร้าวน้ำหอม พร้อมทั้งดอกดาวเรือง จะทำให้มิตรกลายเป็นศัตรู กิจจานุกิจก้าวหน้ารุ่งเรือง ถือศีลกินเจ

ของคาว : บวบผัดไข่ น้ำเต้า แกงเลียง

ของหวาน : ส้ม สาลี่ น้ำสมุนไพร แตงโม น้ำว่านหางจระเข้ แตงไทย น้ำมะตูม

ของถวายพระ : จีวร อาสนะ สบง จีวร อาสนะยา หนังสือธรรมะ โต๊ะหมู่ ตู้ยา

พระประจำวันเกิด : พระปางสมาธิ  มีอำนาจเท่ากับ ๑๙ (สวดแบบย่อ ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ)

ทำทาน : เสียสละข้าวสาร เสื้อผ้า ร.พ.สงฆ์

ท่าทาง : อย่าซื่อสัตย์สุจริตจนเกินไป นั่งสมาธิ สวดมนต์

ทำบุญ คล้ายวันเกิด สำหรับ คนเกิด วันศุกร์ ท่านที่ทำบุญทำกุศลวัน วันเกิด สำหรับท่านที่วันเกิดวันศุกร์ มีพระประจำคล้ายวันเกิดคือ พระปางรำพึง ทำบุญทำกุศลตักบาตรด้วย เครื่องแต่งกาย อาหารคาวหวานที่ต้องมอบจำต้อง สีขาวหรือฟ้า ไถ่ชีวิตสิงสาราสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา พอที่บูชา เจ้าแม่อุมาเทวี กับนมสด และดอกกุหลาบขาว จักทำให้ ก้าวหน้าภายในกิจ. งานการงาน ถือศีลกินเพล

ของคาว : ไข่เจียวหอมใหญ่ ข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ยำหัวหอม

ของหวาน : ผลไม้ที่มีกลิ่นหอม น้ำเก๊กฮวย กล้วยหอม เค้ก

ของถวายพระ : เครื่องแต่งกาย ระฆัง ย่าม

ไหว้พระประจำวันเกิด : พระปางรำพึง  มีกำลังเท่ากับ ๒๑ (สวดแบบย่อ วา โธ โน อะ มะ มะ วา)

ให้ทาน : บริจาคทานเด็กกำพร้า

ท่าทาง : ทำตัวให้เบิกบานรื่นเริง เลิกการสุรุ่ยสุร่าย

ทำบุญทำทาน คล้ายวันเกิด เพื่อ คนเกิด วันเสาร์ คุณที่ทำบุญ วันเกิด สำหรับคุณที่เกิดวันเสาร์ มีพระประจำวันเกิดเป็น พระปางนาคปรก ทำบุญทำกุศลใส่บาตรด้วย ยารักษาโรค อาหารคาวหวานที่ต้องถวายพึง เป็นสี ม่วง สีเลือดหมู  ไถ่ชีวิตสิงสาราสัตว์ ปล่อยนก - ปลา กรวดน้ำ แผ่เมตตา เหมาะสมสักการะ พระปางนาคปรก  กับพวงมาลัยดอกกุหลาบสีแดงม่วงชมพูจะส่งผลให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี ถือศีลกินเจ

ของคาว : น้ำพริกปลาทู มะเขือยาว  ของขม ของดำ มะระยัดไส้ 

อาหารหวาน : กาแฟ โอเลี้ยง

ของถวายพระ : ยารักษาโรค ปลูกสร้างห้องน้ำถวายวัด

ไหว้พระประจำวันเกิด : พระปางนาคปรก  มีกำลังเท่ากับ ๑๐ (สวดแบบย่อ โส มา ณะ กะ ระ ถา โธ)

ทำทาน : ร.พ.โรคประสาท ร.พ.โรคจิต

ท่าทาง : มองโลกในแง่งดงาม  ไม่ทุกข์ใจ ลดความมอซอ



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/give_one_donation_th

unicef children เส้นทางอันแสนขมขื่นของเด็ก ๆ

Unicef Children

unicef children เหมือนจะเป็นการเน้นว่ามีขึ้นมาสำหรับ ประจานการกระทำการที่ไร้ความรับผิดชอบของพ่อแม่ที่นับวันจะมากขึ้นความป่าเถื่อนเพิ่มขึ้น  ผ่านการเล่าของเด็ก ที่อยู่อย่างทุกข์ยากปราศจากทางเลือกแม้เห็นหน้าบิดามารดา unicef children หรือ กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ เอาแบบที่ฟังออกกันง่าย ๆ ก็ กองทุนฉุกเฉินสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ องค์กร ลำดับที่ 315 ตามประกาศกระทรวงการคลัง ที่เกิดเพื่อส่งเสริมสนับสนุน ทะนุถนอม ขยาย พลานามัย ความเป็นอยู่ ของเด็ก  หลักทำงาน unicef children  จะมุ่งเน้นการลงพื้นที่ พร้อมด้วย อาสาสมัคร  ที่มีสมาชิกอยู่มากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ในสยามมีท่านนายก อานันท์ ปันยารชุน คือทูตยูนิเซฟ ทูตพิเศษของเมืองไทย เป็น คุณ แอน ทองประสม, เคน ธีรเดช,คัทลียา แมคอินทอช ,พอลล่า เทย์เลอร์ , นิชคุณ หรเวชกุล ปฏิบัติหน้าที่ ช่วยรณรงค์สิทธิเด็ก ช่วยระดมทุนพร้อมทั้งสงเคราะห์ผลงานของ unicef children

 Unicef Children

Unicef Children

                unicef children ต้องเข้าทำงานหนักขึ้นเกือบจะจะทุกเมื่อเชื่อวันก็งานมันเพิ่มตลอดเวลา ผมมองเห็นกันอยู่บ่อย ๆ กรณีเยาวชนถูกทิ้ง ตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ อันนี้ยังไม่คิดที่ไม่เป็นข่าวอีกไม่รู้เท่าใด ดุจดังกับว่ายิ่งแก้ปมปัญหาก็ไปทำให้ปัญหามันเพิ่มเติบโตทุกเมื่อเชื่อวัน ประเดี๋ยวนี้ unicef children ก็ได้เพิ่มการค้ำจุนการให้ข่าวคราวเหตุด้วย ไข้หวัด H5N1มากขึ้นมา ณ เวลานี้ ก็น่าจะเพิ่มความเอาใจใส่ในเรื่องราวไข้เลือดออกหลังจาก ข่าว ปอ ทฤษฎี สหวงษ์ ศิลปินขวัญใจมหาชนของฉันถึงแก่ชีวิตไป จะเห็นว่า งานของ unicef children งอกงามตลอดเวลา เอาเฉพาะเรื่องราว AIDS ก็กำราบกันไม่หวาด ไม่ไหว   สำหรับทันทีมันเกิดปัญหาแนวนี้ได้ง่าย เค้ามูลหลักก็เพราะว่าผู้เยาว์มี โลกออนไลน์ เป็นเพื่อน ทั้ง ๆที่ เด็กมีบิดามารดาอยู่ที่ที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ประดุจดังจะอยู่กันคนละมุม ยิ่ง บุพการีวัยหนุ่มสาวเดี๋ยวนี้ ที่มี face book เป็นเพื่อนเหมือน ๆกันกับ ลูก เพียงแค่ ผมรับฟังเสียง เยาวชนซักนิด ปัญหานี้ก็จะลดน้อยลง ผู้เยาว์ ที่จะออกมาเป็น เด็กแว้น - สก๊อย ที่เห็นข่าวกัน ทหาร ผสานตำรวจ ปิดสะพาน เพื่อให้ล้อมจับ เด็กแว้น - สก๊อย กว่า สี่ร้อย คนเลยที่เดียว

Unicef Children

Unicef Children

ปมปัญหาที่เรื้อรังสังคมไทยมานาน พร้อมด้วยทำท่าว่าจะยิ่งมากขึ้นเพิ่มมากขึ้นทุกที  “ AIDS “ ในภาพรวมแล้วปัญหาตรงนี้จักเบาลงลงแต่ทว่าก็กลับเพิ่มปริมาณในกลุ่มหนุ่มสาว หรือกลุ่มที่แพร่เชื้อได้มากที่สุด  พอติดเชื้อแล้วแทนที่จะมีการป้องกันรักษาก็กลับช่วยลามเชื้อไปสู่แหล่งอื่นๆด้วยดุจดังจะบอกให้วงการรู้แจ้งเห็นจริงว่าอย่าได้ขับไล่ไสส่งพวกเขาไปไหน พวกเขายังอยู่ แม้ว่าการงาน ของ unicef children จะมีหัวข้อเรื่อง การสนอม พร้อมทั้งให้ความเกื้อหนุน เด็กจากเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่อง กับเอดส์ ก็ตามที ปมปัญหาก็ยิ่งขยายเยี่ยงไม่เห็นปัญหาที่ตามที่เป็นจริง สมมติว่าว่าความแร้นแค้นจะเป็น สาเหตุหนึ่ง แต่ โลกOnline ก็มีส่วนเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้มันแพร่ขยายออกไป โดยมันไม่ยาก และเร็ว ยังกับ HIV ที่มันก็ง่ายๆ พร้อมด้วยเร็วไวอีกด้วย  เด็กข้างถนนที่มีเพียงสมาร์ทโฟนไว้ค้าขายบริการทางเพศ กับเข้าใช้บริการ ร้าน internet ก็ได้กำไรกับร่างกายของตัวเองได้แล้ว ถิ่นยอดนิยมก็คงเป็นเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ หากมีโชคประสบ ผู้บริโภคที่มีเงินหน่อยก็ใส่ถุงยาง หากเป็นผู้บริโภคที่แค่ต้องการ เพศสัมพันธุ์ ก็ดวงไม่ดีไปที่ไม่ใช้ถุง ในที่สุด ก็ติดโรค โดยขาดสติ และยิ่งแพร่ไปไปสู่คนอื่น ๆ ไม่เว้นกระทั่งผู้สูงวัยที่มีความรู้ หรือการหากิน ของผู้เรียนหญิงต่าง ๆ ไซด์ไลน์ ที่คนทำมาหากินชื่นชอบนักชอบหนา ว่ามันสดใหม่น่าลิ้มลอง สุดท้ายก็เกิด ปัญหาทั้ง ลูกหลานไม่มีพ่อแม่ HIV พร้อมกับปมปัญหาสังคม   unicef children คงไม่ได้เข้าสนับสนุนได้อย่างโดยตลอด หากครัวเรือนไม่ได้ยอมรับฟังหรือ เป็นที่แบบเด็กเองก็ไม่รู้เรื่อง เพราะ ช่วงวัยคะนอง ต่างก็ต้องประจันความท้าทายก่อนจะเป็นผู้ใหญ่ ใครผ่านมิได้ก็จบ

 <a href=Unicef Children" width="500" height="338" />

เส้นทางอันแสนขมขื่นของผู้เยาว์ในวันนี้ พร้อมกิจธุระของ Unicef เด็ก ถึงแม้ในเมืองไทยจะมี บุคลากรอยู่กว่า 30 คนก็ตามที และอีกกว่า 30 องค์กรที่เข้ามาทะนุถนอม unicef children เพื่อเด็กได้มีชีวีที่ดีขึ้น อาจช่วยเหลือ พร้อมกับ ปรากฏในสังคมได้อย่างสงบสุข จากวันเด็กที่ผ่านมา unicef children ได้ประสงค์ให้เด็กมีปากมีเสียงในสังคมมากขึ้น ตามอนุสัญญาของ unicef children ที่ได้ระบุว่า เยาวชนมีอำนาจอันชอบธรรมที่จะสัมมนาอย่างเสรีที่ไหนก็ได้ แต่ สังคมบ้านดิฉันถ้าไม่แก่จน หัวขาว ไม่ค่อยมีใครได้ยินทำนองเสียงปัญหาจึงตามมาแบบนี้ เพราะด้วยมองกันไปคนละทิศคนละทาง ผู้สูงวัยบ้านเมืองเราก็คิดดีหวังจะให้ผู้เยาว์ได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่ไม่ย้อนถามผู้รับเลยว่ามุ่งหมายอะไร คนชราต้องการให้เด็กกำพร้าได้มีสถานสงเคราะห์ แต่แห่งนั้นก็ได้กดขี่ กับสนับสนุนให้เยาวชนต้องอยู่โดดเดี่ยว ขับดันให้ผู้เยาว์ต้องประเชิญชีวีแบบเปล่าเปลี่ยว มีข้อความศึกษาเล่าเรียนจำนวนมากที่ เราๆไม่อยากรับทราบพร้อมกับสุดท้ายคือกล่าวหาเด็กๆเหล่านั้นว่าไม่ดี หนีไปแล้ว ไม่ฟัง กับอีกร้อยแปดพันเหตุผลที่นำมาพูดอ้างโดยที่เด็กไร้สิทธิ์มีเสียงในการสวนตอบ เพราะด้วยท้ายที่สุดก็ปราศจากใครฟังอยู่ดี นี่คือสังคมสยามของเรา unicef children ได้มุ่งเน้นในกรณีอยากได้ให้ทุกคนรับฟังเสียงของพวกเขา ให้เขาได้คุยได้ให้ความคิดเห็น และ เคารพในการตกลงใจ ของเยาวชนมากขึ้น เพื่อตัดทอนปัญหาต่าง ๆเหลือหลายที่จะปรากฏแค่เพียงกระผมฟังความเห็นพวกเขาแค่เพียงเล็กน้อยก็ยังดี

 Unicef Children

สมัยปัจจุบัน มีเยาวชนถึง สิบหก ล้านคนที่ ยูนิเซฟเยาวชนแจ้งว่า เกิดมาท่ามกลางศึกสงคราม นี่แค่ปี 2558 หนึ่งปี ก็คิดเป็น 1 ใน 8 ของเยาวชนแรกเกิดทั่วโลกมันก็ชี้ให้เห็นว่า จะพอกพูน  กับสุดท้ายเป็นการต้องส่งเสริมให้ครอบครัวเคลื่อนย้ายบ้านเกิด ประสบปัญหาทั้งการหาเลี้ยงชีพ กับการเลี้ยงเด็กในภายภาคหน้า unicef children คาดเดาว่า ปัญหาต่าง ๆเหล่านี้จะน้อยลงได้ก็ต้องมีการช่วยกันกับทุก ๆฝ่าย พร้อมทั้งต้องได้รับการสนับสนุนที่ดีแก่ unicef children ด้วย



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

ทำบุญ จะทำ กันไปทำไมหากไม่ได้บุญ

ทำบุญ

บุญ หรือ ปุญญ  คือสิ่งที่มีขึ้นในชั้นในอารมณ์แล้วปฏิบัติมอบให้อารมณ์เปล่งปลั่ง พราวแพรว ชัดเจนบริสุทธ์ แคล้วคลาดสิ่งเสียใจ ทำบุญ แล้ว คนทั่วๆ ไป จะเปล่าพบว่า บุญ มันเป็นทำนอง ตัวบุญ นี้ จัก ค้างอยู่ อยู่ที่ว่า ผมจัก นำมา กับ ปล่อยไป ด้วย บุญ มันไร้ร่างกายและจิตใจนั่นเอง ใครที่ ทำบุญ หลังจากนั้น รั้ง เอา บุญ มา ไว้ พร้อมด้วยร่าง จิตวิญญาณมันก็ มิชุ่มชื่น เรียกว่า ไม่ได้บุญ นั่นเอง ทำบุญ แล้ว ผู้ทำควรช่างวาง ไว้ ไม่ต้องสะสมไว้ ให้เป็นอิสระมอบให้มันลอยไป มันก็มีบุญกุศล ของมันเอง เพราะ ดีฉัน ไม่ต้อง ไป รั้ง ติดกับ ว่า มันจะได้ ไม่ได้ ไร้กังวล พ้นไปข้อผูกพัน ทำบุญ นั้น มีหลากหลายวิธี ที่เห็นอยู่ทั่วไป  ก็ 3 วิธี หลัก ๆ คือ

  1. การทำบุญ ด้วยการ ส่งให้ทาน เรียกว่า ทานมัย
  2. การทำบุญ ด้วยการ ประพฤติ ปฎิบัติ ดี สีลมัย
  3. การทำบุญ โดยการ จัดการอารมณ์ทางใจมอบให้สดชื่น หลุดจาก ความคิด เห็นแก่ได้ อยากมี พูดว่า  ภาวนามัย

ทำบุญ

คำว่า บุญกุศล คือกำลังแรงงานไร้ราคีที่จะปรากฏภายในความคิด ของผู้ทำบุญทำทาน ทำให้ ความรู้สึกหมดจด  ขณะ ความคิดงดงาม หลังจากนั้น จะคิด จะทำ สิ่งไร ก็ ไม่หวนนึกตนเอง ไร้ความรู้สึกนึกคิดว่า ของของ ดิฉัน เห็นแก่ตัว อยากมี ยิ่งฉัน ทำบุญ มากมาย มากเก็บไว้ ก็ประดุจ การดัน น้ำ ยิ่งดุน ก็ ยิ่งเข้ามา มาริตนเอง บุญ คือเครื่องเคราที่ มิต้องพูดคุย เปล่าต้องกล่าวถึง มันจะค่อย ๆ สะสม และ กักตุนเข้ารับมาเรื่อย ๆ ช่วย ชโลม ชีวิต ชโลมโลก ให้น่าพึงพอใจ  หาก จะกล่าวถึงบุญกุศล แล้ว หลัก ๆ จะมีอยู่ สาม แบบ คือ ทานมัย สีลมัย  และ ภาวนามัย แต่ ในทางศาสนาพุทธ แล้ว พุทธเจ้า ทรงบอกว่า มีอยู่บุญ ถึง สิบ แบบ ด้วยกันคือ บุญกิริยาวัตถุ แปลว่า หลักแห่งการบำเพ็ญบุญ กับ ทางมาแห่งบุญ 10 ประการ คือ

  1. ทานมัย เป็นบุญเกิดจากการให้ทาน
  2. สีลมัย เป็นบุญเกิดจากการรักษาศีล
  3. ภาวนามัย เป็นบุญกุศลเกิดจากการเจริญภาวนา
  4. อปจายนมัย เป็นบุญกุศลเกิดจากการอ่อนน้อม ถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
  5. ไวยยาวัจมัย เป็นบุญกุศลเกิดจากการขวนขวาย ในกิจที่ชอบ
  6. ปัตติทานมัย เป็นบุญกุศลเกิดจากการอุทิศส่วนบุญ
  7. ปัตตานุโมทนามัย เป็นบุญเกิดจากการอนุโมทนาบุญ
  8. ธัมมัสสวนมัย เป็นบุญเกิดจากการฟังธรรม
  9. ธัมมเทสนามัย เป็นบุญกุศลเกิดจากการแสดงธรรม
  10. ทิฏฐุชุกัมม์ เป็นบุญกุศลเกิดจากการทำความเห็นให้ตรง

การทำบุญ 10 อย่างนั้น สามารถอย่างสังเขปเป็นข้อ ๆ เป็นกลอนว่า

แบ่งปันกันกิน                        รักษาศีล ทั้ง กาย วาจา

เจริญวิปัสนาสมาธิภาวนา    รักษากายวาจาใจให้อ่อนน้อม

ยอมตนรับใช้                          แบ่งให้ความดี

มีใจใฝ่อนุโมทนา                    มุ่งหาฟังธรรม

นำแสดงออกไม่ว่างเว้น         ทำความเห็นเป็นแบบที่ดีดี

แล้วกระผมจะทำบุญ ไปเพื่อที่จะไหน คนส่วนมาก ทำบุญ สำหรับ หมายมั่นหน้าตา โอ่อวด  ทำบุญ เพื่อแสดงว่า ข้าร่ำรวย ทอดกฐิน แต่ละครั้ง มี ใบ พัน กี่ ใบ ในพุ่มผ้าป่า คลุกกันไปทำบุญ ไกล ๆ เราก็เคยชมข่าว กันบ่อย ๆ เรื่องราว อุบัติเหตุ เวลา พุ่ม ผ้าป่า ไปทำบุญทำกุศล กัน ไกล ๆ ลำเค็ญ ทั้ง คน เดินทาง ทำบุญ คนขับ กับ หลาย ๆ คน ทำบุญ ขี้ปะติ๋วเพื่อจะ มุ่งมาดปรารถนาบุญ ใหญ่โต ตัวอย่างเช่น ควักกระเป๋า ลอตเตอรี่  หลังจากนั้น มา ทำบุญ เพื่อที่จะ ขอส่งให้โดนสินน้ำใจ กับเขา อันนี้ ก็ ไม่ได้ บุญ กัน 

ทำบุญ



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th