Sunday, February 28, 2016

รับอุปการะเด็กกำพร้า เพื่อชีวิตที่สดใส ร่วมสร้างอนาคต ให้เด็กกำพร้า ร่วมกัน รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

สมัยนี้ ปริศนา ลูกกำพร้า ได้กลายเป็นปมปัญหา ระดับชนชาติ ไปแล้ว เนื่องมาจาก มูลเหตุ หลาย ๆ อย่าง ดังเช่น หนุ่มน้อย วัยสาว มีภาร ไม่ทำเป็นรับผิดชอบบุตรได้ ธุระทางเข้าผู้เข้าคนไม่อาจแสดงตนได้ ขาดแคลนปุถุชน เกื้อกูล สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เกิด ข้อสงสัย กำพร้า ขึ้นเหลือใช้   เราจะมองดูว่ามีข้อมูล ในคำกล่าว เด็กลูกกำพร้า การทิ้งขว้างเยาวชน การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ให้เห็น ตลอดแม้แต่ละวัน  เหตุผล หลัก ๆ ที่เกิดลูกกำพร้า กำเหนิดจากการขาดแคลนความรับผิดชอบ สิ่งของบูรพาจารย์เยาวชนคือ ประธาน ประกอบและ ความไม่พร้อมด้วยของบุพการี, ครัวเรือน รวมกระทั่งถึง คนใกล้ชิดของบูรพการีเด็กเอง ที่เป็นตัวแปรทำเอาเกิด เด็กกำพร้า เหล่านี้ขึ้น จากสถิติที่น่าตื่นเต้นตกใจ ข้าพเจ้าค้นพบว่าเศษหนึ่งส่วนสองของคนทั้งโลกที่อาศัยอยู่บนโลก ใบ เล็ก ๆ ใบนี้ คงอยู่ได้ภายในความยากจน  เยาวชน พร้อมกับ ครัวเรือน แตะต้องดิ้​​นรนประจัญเพื่อจะความอยู่รอด การทิ้งๆ ขว้างๆผู้เยาว์ การฝ่าฝืน  ,ละทิ้ง,กัน กับ ถึงแม้แม้กระทั่งการล่วงละเมิดทางเพศ และ เด็ก ก็เกิด ขึ้น และมีให้เห็นบ่อย ๆ  ในทางกลับตาลปัตร คำถาม ผู้เยาว์ลูกกำพร้า ก็เกิดขึ้นมาโดยตรง กับ เหตุ ที่พูดว่าความ “ ยากจน “  ด้วยเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจึงมองเห็น สมาคมต่าง ๆ ออกมา ขอให้ความให้ความร่วมมือ ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า อย่างมากหน้าหลายตา

รับ<a href=อุปการะเด็กกำพร้า" width="500" height="104" />

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ข้อสงสัย ผู้เยาว์กำพร้า ยุคปัจจุบันได้ถูกเพิกเฉย พร้อมทั้งนับวันจะเปลี่ยนไปคือปมปัญหาเรื้อรัง ทรามแก่การเปลี่ยนแปลง พร้อมด้วยทดสอบจากที่ทำการที่เกี่ยวข้อง เป็นพิเศษ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หน่วยงานในสังกัด กรมพัฒนาสังคม และ สวัสดิการ  กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเฝ้าคอยเป็นวิถีทาง ปรับปรุงคำถาม ในกระทำ รับอุปการะเด็กกำพร้า ซึ่งข้าพเจ้าจะเห็นว่าปัจจุบันนี้ มีการนำเด็ก ที่การ ไปชี้นำมาจาก บ้านเด็กต่าง ๆ ออกมา ทำประทุษร้าย หรือใช้พลังงานเยาวชน หรือชี้บอกไปออกตัวต่อให้ เจ้าสัว ทั้งที่ พร้อมทั้ง ข้างนอกแดน เพื่อกระตือรือร้นผลได้จากผู้เยาว์ลูกกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า หรือ การรับผู้เยาว์กำพร้า  ที่เป็นลูกของคนอื่นมาเอาใจใส่ อาจจะพบแลดูได้รับในสังคมไทยมานมนาน เช่น รับอุปการะเด็กกำพร้า จาก ญาติ วงศ์ญาติ กับปุถุชนที่รู้จักรู้จักมักคุ้น กันดี แต่ขาดแคลนทุนรอน

 

       การ รับอุปการะเด็กกำพร้า แบบกฎหมายเริ่มทำมีขึ้นขณะมี การป่าวร้องใช้ประมวลกฎปฏิบัติแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 ซึ่งขีดคั่นให้จำเป็นมีการจดบัญชี ตามพระราชบัญญัติ จดสารบาญวงศาคณาญาติ ในปี พ.ศ. 2478

     ใน   พ.ศ. 2508 กรมประชาสงเคราะห์ ได้ ดำเนินการจัดหาจัดญาติพี่น้อง ที่ อุปการะเด็กกำพร้า ที่ โดนทิ้งขว้าง โดยมีการออก เป็นกฎ กรมประชาสงเคราะห์ ว่าด้วยการสนับสนุนเยาวชนกำพร้า โดยแนวจัดหาผู้อุปถัมภ์ให้แก่เยาวชนกำพร้า แต่ว่าการดำเนินงานดังที่กล่าวมาแล้วก็ยังจำกัดอยู่เฉพาะเด็กลูกกำพร้า แค่ในความอุปถัมภ์ของกรมประชาสงเคราะห์เท่านั้น และ ในเวลานั้นอีกต่างหากไม่มีการเจาะจงให้หน่วยงาน สถานพยาบาล หรือ มูลนิธิ ที่มีเยาวชนกำพร้า ถูกไม่เอาใจใส่จะต้องส่งเด็กให้กรมประชาสงเคราะห์ พร้อมด้วยไม่มีกฎเกณฑ์กับหน่วยงานเฉพาะที่ทำการงานสั่งดูแลรักษางานด้านการ รับอุปการะเด็กกำพร้า จึงเกิดช่องว่างส่งให้มีการควานผลจากเยาวชนกำพร้าเหล่านี้ ที่พบในรูปแบบของการรับเยาวชนเป็นบุตรชาย ราวปี พ.ศ.2519 - 20 มีการค้าลูกลูกกำพร้าให้กับชาวต่างชาติเป็นมากมาย จึงได้มี  มาตรการดูแลการ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า

โดย ห้ามร.พ. สถานพยาบาล หรือ สมาคม ต่างๆ ยกเด็กกำพร้าให้แก่ผู้ใดไปอุปถัมภ์หรือรับไปเป็นบุตรธิดาบุญธรรม ต่อมามีการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการรับบุตรบุญธรรม" และมีการร่างกฎเกณฑ์เฉพาะออกมาเรียกว่า พ.ร.บ.การรับผู้เยาว์เป็นลูกบุญธรรม เป็น "ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม" จนปัจจุบัน ซึงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การยอมรับผู้เยาว์เป็นลูกเลี้ยงไม่ว่าเด็กนั้นจะเป็นลูกมี พ่อ แม่ หรือลูกกำพร้าถูกทิ้งขว้าง ต้องดำเนินการภายใต้ข้อบังคับ ของพระราชบัญญัติการรับเยาวชนเป็นลูกเลี้ยงทุกประการ

 รับอุปการะเด็กกำพร้า

       ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมนั้นกอบด้วยภาระหน้าที่รับผิดชอบในการส่งให้บริการด้านการจัดการสวัสดิการลูกโดยการ

จัดหาตระกูลชดเชย ให้กับลูกลูกกำพร้า กับลูกที่ พ่อ แม่ ไม่อาจให้กระทำอุปการะอุดหนุนเด็กได้ และเยาวชนที่มีอาณัติศาลผลัดเปลี่ยนการให้ความผ่อนของพ่อแม่เยาวชน โดยปฏิบัติตามพ.ร.บ.การยอมรับผู้เยาว์เป็นลูกเลี้ยง และต้องดำเนินการตามกรรมวิธีของเทศบัญญัติอย่างถูกต้อง

โดยจะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้เฟ้นหาพี่น้องที่เหมาะเจาะในการปฏิบัติหน้าที่เป็นพ่อแม่ส่งให้แก่ลูก เพื่อให้เด็กได้มีความเจริญที่ดีทั้งทางด้านร่างกาย อัธยาศัย ความรู้สึก พร้อมทั้งวงการ รวมทั้งให้การเล่าเรียน เพื่อให้มีชีวิตเป็นปุถุชนที่มีคุณลักษณะของเข้าผู้เข้าคนต่อไปในอนาคต

ขั้นตอนการติดต่อขอเป็นครอบครัวสนับสนุน กับ รับอุปการะเด็กกำพร้า

ในกทม. อาจโทรศัพท์ได้ที่ ฝ่ายครอบครัวอุปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือที่สถานีพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรุงเทพมหานคร  ส่วนในต่างจังหวัด โทรศัพท์ได้ที่ หน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในเมืองที่ผู้ขออุปการะมีภูมิลำเนาอยู่

โดยต้องใช้หลักฐานดังนี้

  1. ทะเบียนบ้าน ( สำเนา )
  2. บัตรประจำตัว ( สำเนา )
  3. ทะเบียนสมรส หรือ ทะเบียนหย่า หากมี ( สำเนา )
  4. ใบรับรองแพทย์ ( โรงพยาบาลรัฐ )
  5. รูปถ่าย 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 รูป

การติดตามการเลี้ยงดูลูกลูกกำพร้าที่ขออุปการะ

   เมื่อวงศ์ญาติอุปการะที่ได้รับอนุมัติ ให้นำลูกไปอุปการะอุ้มชู นักสังคมสงเคราะห์ที่รับผิดชอบจะตามเยี่ยมเด็กกำพร้าและครอบครัวเป็นระยะๆ สำหรับเกาะติดและให้คำขอคำแนะนำบอกช่องทางในการเอาอกเอาใจผู้เยาว์ เพื่อให้เยาวชนกำพร้าและวงศ์ญาติไปพร้อมๆ กันอย่างสะดวก โดยในปีแรกจะตรวจจับไปพบทุก 2 เดือนต่อครั้ง ส่วนในปีถัดถัดไปจะไปหาตามความเป็นการสมควรแต่ไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง จนกว่าเยาวชนกำพร้าที่คุณจะมีอายุครบ 18 ปีครบ หรือเปลี่ยนวิธีการความเกื้อกูลเด็กเป็นการขอรับลูกเป็นลูกบุญธรรม

วิธีการการดำเนินงานของครอบครัว รับอุปการะเด็กกำพร้า               

  1. ผู้มีมโนรถ รับอุปการะเด็กกำพร้า ที่อยู่ในความเลี้ยงดูของสถานส่งเสริมของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                1.)           รับเรื่องและสัมภาษณ์ข่าวคราวเบื้องต้น พร้อมกับพิจารณางานพิมพ์และให้คำบอกช่องทางต่างๆ

                2.)           สอบทานไปหาบ้านกับสอบความเป็นจริงเกี่ยวกับสภาวะการดำรงชีวิตและความเหมาะเจาะ ทั้งนี้อาจของานพิมพ์งอกเงยในรายที่นำงานพิมพ์มาให้ครบถ้วน ประกอบการนึกตรองคุณสมบัติ

                3.)           มีดำเนินเรื่องร้องขออนุมัติคุณสมบัติต่ออธิบดี เพื่อให้ผู้ขอความเกื้อกูลลูกลูกกำพร้า ที่มีสรรพคุณพอเหมาะพอควรไปพบลูกที่สถานที่เกื้อกูล

                4.)           แจ้งให้ผู้ขอคุณเด็กกำพร้ารับทราบ พร้อมกับมีการส่งรายงานการเข้าพินิจพิจารณาผู้เยาว์ให้สถานช่วยเหลือที่เกี่ยวโยงตระหนัก

                5.)           ผู้ร้องขออุดหนุนพบเยาวชนลูกกำพร้าที่มุ่งมาดจะรับส่งเสีย สถานที่เกื้อกูลแจ้งความเป็นมาเยาวชนที่สมควรและอาจจะนำไปให้ให้ไปอุปถัมภ์ได้ แล้วดำเนินการร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้อุปถัมภ์ผู้เยาว์ลูกกำพร้า

                6.)           แจ้งให้ผู้เลี้ยงดูเด็กลูกกำพร้าทราบ และส่งรายงานแจ้งสถานที่เกื้อกูลให้มอบให้เยาวชนแก่ผู้ร้องขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า

                7.)           ในเหตุที่ผู้ขออุปการะผู้เยาว์กำพร้ามีคุณสมบัติไม่เหมาะสม จะแจ้งให้ผู้ร้องขอเลี้ยงดูผู้เยาว์ทราบเป็นรายงาน

                8.)           ตามการเลี้ยงเยาวชนลูกกำพร้าในปีแรกเยี่ยมทุก 2 เดือน ในปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความสมกัน

 

  1. ผู้แสดงความจำนงร้องขออุปการะลูกลูกกำพร้าถูกไม่เอาใจใส่ซึ่งมีผู้เลี้ยงดูไว้ในวงศ์ญาติ

                1.)           รับข้อความ และสืบข่าวคราวระดับต้น พร้อมตรวจดูเอกสารและให้ข่าวสารต่างๆ

                2.)           ตรวจเยี่ยมที่อาศัย และสอบการปฏิบัติเกี่ยวกับสภาพชีวิตตามความพอควร และข้อเท็จจริงเกี่ยวประวัติบุคคลความเป็นมาของเด็กกำพร้า

                3.)           ความที่เด็กลูกกำพร้าไม่มีงานพิมพ์ใบแสดงหลักฐานเกี่ยวกับตนเอง และผู้รับเลี้ยงดูผู้เยาว์กำพร้าไม่มุ่งมาดส่งผู้เยาว์เข้าสถานที่สนับสนุนเพื่อปฏิบัติการเรื่องใบแสดงหลักฐานของเยาวชน  ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้ให้เยาวชนกำพร้า

                4.)           กรณีที่เยาวชนกำพร้ามีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่อาศัยของผู้ขอแล้ว ให้ดำเนินเรื่องร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้เกื้อกูลเด็กลูกกำพร้าและขออนุมัตินำชื่อผู้เยาว์กำพร้ามาถึงปรากฏในความเลี้ยงดูของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                5.)           สถานส่งเสริมเพิ่มชื่อเสียงเรียงนามเด็กกำพร้าเข้าทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเด็กกำพร้า

                6.)           ติดตามการช่วยเหลือเยาวชนกำพร้า โดยในปีแรกต้องไปพบ 2 เดือน ต่อครั้ง และปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความพอเหมาะ

ขั้นตอนการดำเนินการขออุปการะลูกกำพร้าในสถานสนับสนุนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการแบบครอบครัวอุปถัมภ์

ข้าพเจ้าจะเห็นได้ว่า กระบวนการการดำเนินการร้องขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า ไม่ยุงยากเลย แค่เพียงฉันมีใจที่คิดจะทะนุถนอม เด็กเหล่านี้ก็จะได้ รับเลี้ยงดู แล้ว



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th

No comments:

Post a Comment