Sunday, February 28, 2016

เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

สิทธิเด็ก

คำกล่าวที่ว่า เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันหน้า หรือ เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว หากเราอยากให้ผ้านั้นเป็นสีอะไร ก็อยู่ที่ผู้ใหญ่จะระบายลงไป แต่ทว่าเด็กบางคน เขาเกิดมาในสังคมและสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน บ้างอาจจะเกินมาในครอบครัวที่ดี บ้างอาจจะเกิดมาในครอบครัวที่โหดร้าย นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้มีการการร่างสิทธิเด็ก(Right of the Child)เกิดขึ้น เพราะเด็กทุกคนที่เกิดมา ต่างต้องการความรักความเอาใจใส่จากทั้งพ่อแม่ และ ครอบครัว หรือกระทั้งผู้ใหญ่ในสังคม การที่จะให้เด็กเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ที่ดีในสังคม ผู้ใหญ่ก็ต้องปฎิบัติต่อเด็กเปรียบเสมือนเป็นมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งเด็กในที่นี่ หมายถึงบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า18ปี สิทธิเด็กนี้ต่างลงความเห็นว่าทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามกฏหมาย โดยการร่วมลงนาม ว่าให้วันที่ 20 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น ‘วันสิทธิเด็กสากล’ เพื่อให้ทุกคนให้ความสำคัญและให้ความเคารพกับสิทธิแก่เด็กกันมากขึ้น

 สิทธิเด็ก

สิทธิเด็ก

กลุ่มของสิทธิเด็กจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน ได้แก่

  1. กลุ่มสิทธิทั่วไปที่เด็กควรได้รับ

เป็นกลุ่มของเด็กตามปกติ ที่ต้องได้รับการดูแลและส่งเสริมการพัฒนาให้เป็นไปตามช่วงอายุของเด็ก โดยที่จะต้องไม่มีการเลือกปฎิบัติใดๆทั้งสิ้น

  1. กลุ่มสิทธิสำหรับกลุ่มเด็กที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

คือกลุ่มเด็กที่ถูกทารุณกรรม ได้รับความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางกายและทางสภาพจิตใจ รวมทั้ง เด็กที่เกี่ยวข้องกับการทำความผิด ซึ่งเป้าหมายของกลุ่มนี้ จะให้โอกาสในการดำเนินการ และช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ ความประพฤติของเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเปลี่ยนมุมมองความคิดและกลับมาใช้ชัวิตอยู่ในสังคมได้โดยไม่กลับไปทำความผิดอีก

          กฏหมายสิทธิเด็ก มีที่มาจากอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก(Convention on the Rights of the Child) ซื่งเป็นกฏหมายระหว่างประเทศที่ได้รับกำหนดให้เป็นแบบเช่นเดียวกันหมดในทุกๆรัฐภาคี โดยที่กำหนดเอาสิทธิพื้นฐานเอาไว้ 4 ประการ ได้แก่

  1. สิทธิในการมีชีวิต(Right of Survival) กล่าวคือ เด็กทุกคนเมื่อเกิดมา มีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ผิดปกติหรือไม่สมบูรณ์ก็ตาม โดยที่เด็กต้องได้รับการจดทะเบียนตั้งแต่แรกเกิดและได้รับสิทธินี้โดยทันที รวมไปถึงสิทธิที่จะได้ถูกการเลี้ยงดูทั้งทางร่างกาย(มีสิทธิที่จะได้รับอาหารในปริมาณที่เพียงพอและสะอาด) สภาพจิตใจ ตลอดจนบ้านพักอาศัยให้เกิดความปลอดภัย โภชนาการและการบริการทางการแพทย์(การได้รับสิทธิวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ)
  2. สิทธิได้รับการคุ้มครอง(Right of Protection) เป็นสิทธิที่เด็กจะได้รับการปกป้องคุ้มครองให้รอดพ้นจากการทารุณทุกรูปแบบ เช่น การทารุณทางร่างกาย สภาพจิตใจ ทางเพศ และการใช้แรงงาน ที่ได้รับผลประโยชน์จากการทำงานของแรงงานเด็ก ทำให้เด็กอาจขาดการเรียนรู้และการพัฒนา ไม่ว่าจะโดยจากบิดา มารดา หรือไม่ว่าจะมาจากผู้ใดก็ตาม อีกทั้งสิทธินี้ยังคุ้มครองไปถึงเด็กที่หนีภัยจากอันตรายเข้ามาในประเทศของรัฐภาคี ก็ต้องได้รับการคุ้มครองด้วยเช่นกัน
  3. สิทธิในด้านพัฒนาการ(Right of Development) เด็กทุกคนที่เกิดมา ได้จะรับสิทธิให้ได้รับความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม ตลอดจนความพึงพอใจและความสุข การมีกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว หรือของโรงเรียน และเด็กต้องได้รับการศึกษาที่ดี ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี ได้รับอาหารที่เหมาะสมกับวัย ได้รับการเล่นสนุก การพักผ่อน และรับรู้ข่าวสารอย่างมีอิสระ
  4. สิทธิการมีส่วนร่วม(Right of Participation) เป็นสิทธิที่ให้ความสำคัญแก่เด็กเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ คือ เด็กมีสิทธิแสดงออกทั้งด้านความคิดและการกระทำ สามารถเรียกร้องสิทธิในการปกป้องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของตนเองได้ และอนุญาตให้เด็กมีส่วนร่วมให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับตนเองโดยความคิดนั้นต้องไม่กระทบกับสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นด้วย ในกฏหมายของประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ได้บัญญัติหลักเกณฑ์ในการสงเคราะห์ปกป้องสวัสดิภาพและป้องกันการละเมิดสิทธิเด็กไว้หลายประการ ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของเด็กตามที่กล่าวไปข้างต้น

การปกป้องคุ้มครองเด็ก กฏหมายได้ทำการกำหนดหน้าที่ของผู้ปกครองและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเอาไว้อย่างชัดเจน ผู้ใดที่ทำการฝ่าฝืนย่อมมีโทษทั้งทางปกครองและทางอาญา โดยผู้ปกครองต้องไม่กระทำการดังต่อไปนี้

  • การทอดทิ้งเด็กไว้ในสถานที่รับเลี้ยง หรือ สถานพยาบาล หรือไว้กับบุคคลที่รับจ้างเลี้ยงเด็ก หรือ ในที่สาธารณะ หรือ สถานที่ใดๆก็ตามแต่โดยมีความตั้งใจที่จะไม่รับเด็กกลับคืน
  • ละทิ้งเด็กไว้ ณ สถานที่ใดก็ตาม โดยไม่จัดให้มีการป้องกันดูแลความปลอดภัย หรือ ให้การเลี้ยงดูที่เหมาะสม
  • จงใจหรือละเลยไม่ให้สิ่งที่จำเป็นแก่การใช้ชีวิต สุขอนามัยจนอาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
  • ปฏิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการขัดขวางการเจริญเติบโต หรือ พัฒนาการของเด็ก
  • ปฏิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการเลี้ยงดูโดยมิชอบ

แนวทางการแก้ไขการละเมิดสิทธิของเด็ก คือการทำให้ครอบครัวเกิดความอบอุ่นโดยการให้ความรัก การดูแลที่ดี การปลูกฝังความคิดที่ดี จริยธรรมที่ดีให้กับสภาพแวดล้อมในสังคม เพราะเด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน การที่ตัวเด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้นั้น ก็ต้องมีผู้ใหญ่ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็กๆได้ ฉะนั้นแล้วผู้ใหญ่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก เช่น การพูดจาอ่อนโยน ใช้เหตุผลในการพูดคุย ไม่ทอดทิ้ง ไม่ใช้อารมณ์ และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเด็ก ให้กำลังใจเด็กที่กำลังประสบปัญหา ไม่ใช่แค่เฉพาะพ่อแม่ แต่ควรจะเป็นผู้ใหญ่ทุกคน และคนในสังคมเองก็ควรจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยสามารถแจ้งเบาะแสการทารุณเด็กให้กับเจ้าหน้าที่ทราบ

หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือเด็ก ในปัจจุบัน มีหน่วยงานให้การสนับสนุนอยู่มากมาย อาธิเช่น

  1. มูลนิธิคุ้มครองเด็ก จัดตั้งเพื่อให้เด็กได้รับการปกป้อง คุ้มกัน ช่วยเหลือ ฟื้นฟู และพัฒนาให้เด็กไทยที่ประสบภาวะทุกข์ยาก หรือถูกทอดทิ้งในสังคม
  2. มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก เป็นอีกหนึ่งโครงการของมูลนิธิเด็ก ที่ได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิศูนย์พิทักษ์เด็ก เพื่อวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ ปกป้อง คุ้มครองเด็กที่ถูกละเมิดสิทธิตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี และคุ้มครองตั้งแต่เรื่องการถูกทำร้ายร่างกาย การถูกละเมิดทางเพศ การล่อลวงบังคับให้ค้าประเวณี การใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรมไม่ถูกต้อง
  3. มูลนิธิปวีณา หงสกุล เป็นมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็กและสตรีที่ด้อยโอกาส ที่ถูกสะเมิดสิทธิ ถูกทำร้ายร่างกายในทุกรูปแบบ ไปจนถึงการช่วยฟื้นฟูภายนอกและจิตใจ

และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีกฏหมายข้อบังคับออกมาคุ้มครองเด็กมากขึ้นแล้ว แต่บุคคลสำคัญที่มีส่วนช่วยให้เด็กเติบโตขึ้นมาเป็นพลเมืองที่ดีของชาติได้นั้น มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ครอบครัวนะคะ



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th

No comments:

Post a Comment