รับอุปการะเด็กกำพร้า
สมัยปัจจุบัน ข้อสงสัย ลูกลูกกำพร้า ได้แปรไปเป็นปมปัญหา ระดับบ้านเมือง ไปแล้ว ด้วยเหตุว่า สาเหตุ หลาย ๆ ประการ เช่นว่า ชายหนุ่ม วัยสาว มีข้อผูกมัด ไม่เก่งรับผิดชอบลูกชายได้ ภาระหน้าที่ทางวงการไม่อาจแสดงตัวได้ ขาดแคลนบุคคล ส่งเสีย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเหตุให้เกิด ปมปัญหา เด็กกำพร้า ขึ้นเป็นอย่างมาก เราจะสังเกตว่ามีประกาศ ในความ ผู้เยาว์กำพร้า การละทิ้งเด็ก การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ให้เห็น ตลอดหมดแม้แต่ละวัน เค้ามูล หลัก ๆ ที่กำเหนิดลูกลูกกำพร้า กำเหนิดของการขาดแคลนความรับผิดชอบ สิ่งของบูรพาจารย์เยาวชนคือ เด่น ประกอบกับ ความไม่พร้อมด้วยของบิดามารดา, ครัวเรือน รวมกระทั่งถึง คนใกล้ชิดของบุพการีเด็กเอง ที่เป็นตัวแปรเป็นเหตุให้เกิด ลูกลูกกำพร้า เหล่านี้ขึ้น จากสถิติที่น่าตกใจ ดีฉันพบว่าซีกของปุถุชนทั้งโลกที่อาศัยอยู่อยู่บนโลก ใบ เล็ก ๆ ใบนี้ พักพิงแห่งความแร้นแค้น เยาวชน และ ครัวเรือน สัมผัสดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้ความรอดชีวิต การไม่ไยดีลูก การฝ่าฝืน ,เฉยเมย,ห้าม กับ ถ้าหากจนการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมทั้ง ผู้เยาว์ ก็เกิด ขึ้น และมีให้เห็นบ่อย ๆ ในทางเปลี่ยน คำถาม เยาวชนกำพร้า ก็อุบัติขึ้นมาโดยตรง กับ เหตุเดิม ที่พูดว่าความ “ ยากจน “ ด้วยปัจจัยนี้ ดีฉันจึงสังเกต มูลนิธิต่าง ๆ ออกมา ตะขอความประสาน ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า อย่างมากหลาย
รับอุปการะเด็กกำพร้า
ปมปัญหา เยาวชนลูกกำพร้า ปัจจุบันได้ถูกทอดทิ้ง พร้อมด้วยนับวันจะแปรไปเป็นปริศนาไม่จบสิ้น ยากแก่การขจัดปัญหา พร้อมกับสืบสวนจากที่ทำงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หน่วยงานในสังกัด กรมพัฒนาสังคม และ สวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเฝ้าคอยเป็นทาง เปลี่ยนแปลงปมปัญหา ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า ซึ่งผมจะเห็นว่าสมัยปัจจุบัน มีการนำลูก จากการ ไปนำมาที่ ที่อยู่ผู้เยาว์ต่าง ๆ ออกมา ทำโหดร้าย หรือใช้ผู้ใช้แรงงานผู้เยาว์ หรือนำไปขายต่อให้ คนมั่งมี ทั้งณ และ ข้างนอกรัฐ เพื่อจะสืบเสาะประโยชน์ของลูกลูกกำพร้า
รับอุปการะเด็กกำพร้า หรือ การรับผู้เยาว์กำพร้า ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนอื่นมาอุ้มชู สามารถพบชมได้ในสังคมไทยมาช้านาน เช่น รับอุปการะเด็กกำพร้า จาก เครือญาติ วงศ์วาน กับคนที่รู้จักชอบพอ กันดี แต่ขาดแคลนทุนรอน
การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ตามกฎเกณฑ์เริ่มมีขึ้นทันทีที่มี การข่าวใช้ประมวลกฎเกณฑ์แพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 ซึ่งตีให้จำต้องมีการจดสารบาญ ตามพ.ร.บ. จดบัญชีชื่อตระกูล ในปี พ.ศ. 2478
ใน พ.ศ. 2508 กรมประชาสงเคราะห์ ได้ ดำเนินการทำหาจัดญาติโกโหติกา ที่ อุปการะเด็กกำพร้า ที่ ถูกทิ้งขว้าง โดยมีการออก เป็นกฎระเบียบ กรมประชาสงเคราะห์ ว่าด้วยการช่วยเหลือลูกกำพร้า โดยแบบจัดหาผู้ค้ำจุนให้แก่ผู้เยาว์กำพร้า เฉพาะการดำเนินงานดังกล่าวข้างต้นก็ยังกำกัดอยู่เฉพาะเจาะจงลูกกำพร้า แค่ในความอุดหนุนของกรมประชาสงเคราะห์เท่านั้น พร้อมทั้ง ในเวลานั้นอีกต่างหากไม่มีการชี้เฉพาะให้ที่ประกอบการ สถานพยาบาล หรือ สมาคม ที่มีเด็กกำพร้า ถูกไม่ไยดีจะต้องส่งลูกให้กรมประชาสงเคราะห์ พร้อมด้วยไร้กฎปฏิบัติหรือสมาคมเจาะจงที่ดำเนินงานกิจการงานคุมดูแลรักษางานด้านการ รับอุปการะเด็กกำพร้า จึงเกิดช่องว่างส่งให้ประกอบด้วยการคลำหาผลได้จากลูกกำพร้าเหล่านี้ ที่พบในรูปแบบของการรับลูกเป็นกุลบุตร ราวปี พ.ศ.2519 - 20 มีการซื้อขายผู้เยาว์ลูกกำพร้าให้กับฝรั่งเป็นปริมาณมาก จึงได้มี มาตรการป้องกันการ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า
โดย ห้ามโรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือ สถานสงเคราะห์ ต่างๆ ยกผู้เยาว์กำพร้าให้แก่ผู้ใดไปอุดหนุนหรือรับไปเป็นลูกชายบุญธรรม ต่อมามีการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการรับบุตรบุญธรรม" และมีการร่างข้อบังคับเฉพาะออกมาเรียกว่า พ.ร.บ.การรับลูกเป็นลูกบุญธรรม เป็น "ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม" จนปัจจุบัน ซึงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การรับเด็กเป็นลูกเลี้ยงไม่ว่าเด็กนั้นจะเป็นเด็กมี พ่อ แม่ กับลูกลูกกำพร้าถูกทอดทิ้ง ต้องดำเนินการภายใต้ข้อชี้เฉพาะ ของพระราชบัญญัติการรับลูกเป็นบุตรบุญธรรมทุกประการ
ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมนั้นมีภาระหน้าที่รับผิดชอบในการส่งให้บริการด้านการรับมือสวัสดิการเด็กโดยการ
เฟ้นหาตระกูลตอบแทน ให้กับเยาวชนกำพร้า หรือเด็กที่ พ่อ แม่ ไม่สามารถมอบให้การอุปการะเอาอกเอาใจเยาวชนได้ และผู้เยาว์ที่มีคำประกาศิตศาลยุติธรรมผลัดเปลี่ยนการให้ความยอมรับของพ่อแม่เยาวชน โดยปฏิบัติตามพ.ร.บ.การรับเด็กเป็นลูกเลี้ยง และต้องดำเนินการแบบขบวนการของเทศบัญญัติอย่างถูกต้อง
โดยจะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อที่จะจัดหาญาติพี่น้องที่เข้าท่าเข้าทางในการประจำการเป็นพ่อแม่ส่งให้แก่ผู้เยาว์ เพื่อให้เยาวชนได้มีความก้าวหน้าที่ดีทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึก พร้อมทั้งแวดวง รวมทั้งให้การหาความรู้ เพื่อให้มีชีวิตเป็นสามัญชนที่มีคุณลักษณะของสังคมต่อไปในเบื้องหน้า
ขั้นตอนการติดต่อขอเป็นครอบครัวช่วยเหลือ หรือ รับอุปการะเด็กกำพร้า
ในกรุงเทพฯ สามารถโทรศัพท์ได้ที่ ฝ่ายครอบครัวอุปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือที่ที่ทำการพัฒนาสังคมและสวัสดิการกทม. ส่วนในต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในจังหวัดที่ผู้ขออุปการะมีภูมิลำเนาอยู่
โดยต้องใช้ใบสำคัญดังนี้
- สำมะโนครัว ( สำเนา )
- บัตรประจำตัวประชาชน ( สำเนา )
- ทะเบียนสมรส หรือ ทะเบียนหย่า หากมี ( สำเนา )
- ใบรับรองแพทย์ ( โรงพยาบาลรัฐ )
- รูปถ่าย 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 รูป
การติดตามการเลี้ยงดูเด็กลูกกำพร้าที่ขออุปการะ
เมื่อญาติอุปการะที่ได้รับอนุมัติ ให้นำเยาวชนไปอุปการะอุปถัมภ์ค้ำชู นักสังคมสงเคราะห์ที่ยอมรับผิดชอบจะเกาะติดเยี่ยมเด็กกำพร้าและครอบครัวเป็นระยะระยะ สำหรับติดตามและให้คำขอคำแนะนำชี้แนะในการอุปการะลูก เพื่อให้ผู้เยาว์กำพร้าและวงศาคณาญาติธำรงร่วมกันอย่างสบาย โดยในปีแรกจะสำรวจเยี่ยมทุก 2 เดือนต่อครั้ง ส่วนในปีถัดถัดไปจะเยี่ยมตามความสมกันแต่ไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง จนกว่าเด็กกำพร้าที่ความเกื้อกูลจะมีวัยครบ 18 ปีบริบูรณ์ หรือเปลี่ยนวิธีการอุดหนุนเยาวชนเป็นการขอรับลูกเป็นบุตรบุญธรรม
ขบวนการการดำเนินงานของญาติพี่น้อง รับอุปการะเด็กกำพร้า
- ผู้มีมโนรถ รับอุปการะเด็กกำพร้า ที่อยู่ในความเกื้อกูลของสถานอนุเคราะห์ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
1.) รับเรื่องและสัมภาษณ์ข่าวสารเบื้องต้น พร้อมกับตรวจทานงานพิมพ์และให้คำชี้ทางต่างๆ
2.) ตรวจจับไปพบบ้านและสอบความเป็นจริงเกี่ยวกับสภาพการดำรงชีวิตและความสมควร ทั้งนี้อาจร้องขอสิ่งพิมพ์เสริมในรายที่นำงานพิมพ์มาให้ครบถ้วน ประกอบการพินิจพิจารณาคุณสมบัติ
3.) มีดำเนินเรื่องขออนุมัติคุณลักษณะต่ออธิบดี เพื่อให้ผู้ขอส่งเสียลูกลูกกำพร้า ที่มีคุณลักษณะพอสมควรไปพบเด็กที่สถานเกื้อหนุน
4.) แจ้งให้ผู้ขอให้เด็กกำพร้าเข้าใจ พร้อมกับมีการส่งรายงานการเข้าตริตรองลูกให้สถานที่สงเคราะห์ที่ยุ่งเกี่ยวรับรู้
5.) ผู้ร้องขอเกื้อกูลพบเด็กกำพร้าที่ต้องการจะรับเลี้ยงดู สถานเกื้อกูลแจ้งประวัติลูกที่เหมาะและอาจจะมอบให้ไปความเกื้อกูลได้ แล้วดำเนินการร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้ส่งเสียเด็กกำพร้า
6.) บอกให้ผู้เกื้อกูลเด็กลูกกำพร้าทราบ และส่งหนังสือบอกสถานที่บรรเทาทุกข์ให้ให้เยาวชนแก่ผู้ร้องขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า
7.) ในกรณีที่ผู้ร้องขออุปถัมภ์ผู้เยาว์ลูกกำพร้ามีคุณลักษณะไม่เหมาะสม จะแจ้งให้ผู้ขอให้เยาวชนเข้าใจเป็นจดหมาย
8.) ติดตามการอุปถัมภ์ค้ำชูลูกลูกกำพร้าในปีแรกไปพบทุก 2 เดือน ในปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความพอสมควร
- ผู้แสดงความมุ่งหวังขอเลี้ยงดูผู้เยาว์ลูกกำพร้าถูกปล่อยปละละเลยซึ่งมีผู้เลี้ยงดูไว้ในสกุล
1.) รับกรณี และติดต่อสอบถามข่าวสารขั้นแรก พร้อมสังเกตงานพิมพ์และให้ข่าวสารต่างๆ
2.) เลือกคัดไปหาบ้านพักอาศัย และสอบการปฏิบัติเกี่ยวกับสภาพการดำรงอยู่ตามความพอเหมาะพอควร และการปฏิบัติเพราะว่าเรื่องราวความเป็นมาของลูกลูกกำพร้า
3.) ความที่เด็กกำพร้าไม่มีงานพิมพ์ใบแสดงหลักฐานเกี่ยวกับตนเอง และผู้รับเกื้อกูลลูกลูกกำพร้าไม่ปรารถนาส่งผู้เยาว์เข้าสถานอุปถัมภ์เพื่อดำเนินการเรื่องใบแสดงหลักฐานของผู้เยาว์ ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้เกื้อกูลเยาวชนลูกกำพร้า
4.) กรณีที่เยาวชนกำพร้ามีชื่ออยู่ในบัญชีที่อยู่ของผู้ขอแล้ว ให้ดำเนินเรื่องร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้อุปการะเด็กลูกกำพร้าและขออนุมัตินำชื่อเด็กกำพร้าเข้าเข้าอยู่ในความความเกื้อกูลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
5.) สถานสนับสนุนเพิ่มนามาเด็กกำพร้าเข้าทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเด็กกำพร้า
6.) ตามการสนับสนุนเยาวชนลูกกำพร้า โดยในปีแรกต้องแวะเยี่ยม 2 เดือน ต่อครั้ง และปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความสมกัน
ขั้นตอนการดำเนินการขออุดหนุนเยาวชนลูกกำพร้าในสถานที่เกื้อกูลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการแบบครอบครัวอุปถัมภ์
ข้าพเจ้าจะเห็นได้ว่า วิธีการการดำเนินการขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า ไม่ยุงยากเลย แค่เพียงฉันมีใจที่คิดจะพยุง เด็กเหล่านี้ก็จะได้ รับให้ แล้ว
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th
No comments:
Post a Comment