ลดหย่อนภาษี
ตามข้อบังคับแล้ว บุคคลที่มีรายได้ทั่วๆไปมีหน้าที่ที่ต้องเสียภาษีอากรบุคคลธรรมดาตามที่กฎปฏิบัติบัญญัติ เพื่อที่รัฐบาลจะได้นำเงินส่วนนี้มาใช้ในการจัดการและปฏิรูปประเทศ เชื่อว่าหลายๆคนคงกำลังหาวิธีลดหย่อนภาษีอากรเพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินส่วนนี้ครบ ก่อนที่จะทำการลดหย่อนภาษีเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นมีอะไรบ้าง
ในทุกๆปีจะมีการคำนวณเงินได้ทั้งปีและภาษีอากรที่แต่ละบุคคลนั้นต้องจ่าย อัตราภาษีจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นกับเงินได้สุทธิของแต่ละบุคคลในแต่ละปี ซึ่งอัตราภาษีอากรนั้นเราสามารถทำการผ่อนปรนได้ สิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นก็มีให้เลือกหลายประเภท ได้แก่
ลดหย่อนภาษี
ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล
สามารถผ่อนปรนได้เต็มจำนวน 30,000 บาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ทุกคนสามารถใช้สิทธินี้ได้เต็มๆ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
ค่าลดหย่อนคู่สมรส
กรณีที่คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ หรือเลือกยื่นแบบแสดงบัญชีรวมกัน จะได้สิทธิผ่อนปรนเพิ่มอีกจำนวน 30,000 บาท โดยมีข้อจำกัดคือ คู่สมรสต้องมีการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎปฏิบัติ หรือคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้ระหว่างปี
ค่าลดหย่อนบุตร และค่าลดหย่อนการศึกษาเล่าเรียนบุตร
บุตรตามกฎหมายหรือบุตรบุญธรรมสามารถลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท ใช้หักสูงสุดได้ไม่เกิน 3 คน โดยบุตรต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี แต่ถ้าอายุระหว่าง 20 - 25 ปี ต้องศึกษาเล่าเรียนในระดับ ปวส. ขึ้นไป สำหรับบุตรที่กำลังศึกษาภายในประเทศจะได้ค่าลดหย่อนเพิ่มอีกคนละ 2,000 บาท โดยระดับการศึกษาจะหมายความว่าชั้นอนุบาลจนถึงปริญญาเอก และบุตรต้องไม่มีรายได้ในปีภาษีนั้นๆเกิน 15,000 บาท จึงจะสามารถทำการผ่อนปรนได้
ค่าส่งเสียพ่อแม่
สำหรับผู้มีเงินได้ที่มีบิดามารดาอายุตั้งแต่ 60 ปีเป็นต้นไป และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท โดยผู้มีเงินได้ที่จะใช้สิทธินี้ต้องเป็นบุตรที่แท้จริง หรือบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามข้อบัญญัติ โดยสามารถหักผ่อนปรนได้คนละ 30,000 บาท แต่ถ้าบิดามารดามีบุตรหลายคน สามารถใช้สิทธินี้ได้กับบุตรแค่คนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้สิทธิซ้ำกันได้
ค่าประกันลูกกตัญญูรู้คุณ
ผู้มีเงินได้ที่ซื้อ “ประกันลูกกตัญญู” ซึ่งเป็นประกันสุขภาพอนามัยให้กับบิดามารดา สามารถนำเบี้ยประกันส่วนนี้มาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยที่บิดามารดาต้องมีอายุไม่ถึง 60 ปี และมีรายรับต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท
ค่าอุปการะส่งเสียผู้พิการ
สำหรับคนที่ต้องเลี้ยงดูผู้พิการ ที่มีรายรับปีละไม่เกิน 30,000 บาท สามารถนำลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาท โดยผู้อุปการะและผู้พิการไม่จำเป็นต้องเป็นเครือญาติกันก็ได้ แต่ผู้พิการต้องมีบัตรคนพิการรับประกันตามกฎหมายและผู้อุปถัมภ์ต้องอยู่ในรายชื่อผู้คุ้มครองในบัตรผู้พิการนั้นด้วย จึงจะสามารถทำการผ่อนปรนได้
เงินบริจาคสาธารณกุศล
สามารถนำมาลดหย่อนได้เท่ากับจำนวนที่จ่ายจริง ยิ่งถ้าเป็นการบริจาคเงินเพื่อการศึกษาแล้ว สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ถึง 2 เท่า ของจำนวนที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินยังเหลือจากการหักค่าลดหย่อนอื่นๆและค่าใช้จ่ายแล้ว
เงินทุนสำรองยังชีพ
เป็นเงินที่ลูกจ้างและเจ้านายตกลงสะสมร่วมกัน โดยคนงานจะจ่ายเงินที่เรียกว่าเงินสะสม และนายจ้างจะจ่ายเงินสนับสนุนให้ลูกจ้างอีกในทุกๆเดือนรวมกัน บริษัทจะจัดการเงินส่วนนี้โดยการนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ และจะใช้คืนให้กับลูกจ้างเมื่อลาออกหรือเกษียณอายุ เงินส่วนนี้สามารถนำไปผ่อนปรนภาษีได้เท่ากับจำนวนที่จ่ายจริงรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
กองทุน RMF
เป็นเงินกองทุนรวมเพื่อการยังชีพ สนับสนุนการเก็บเงินระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
กองทุน LTF
เป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว เพื่อส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหุ้นขึ้นทะเบียน สามารถนำไปลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
ประกันเงินบำนาญ
สามารถนำเบี้ยประกันมาผ่อนปรนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และเงินทุนเข้ากองเงินสำรองครองชีพหรือกองค่าบำเหน็จบำนาญราชการ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และประกันบำนาญที่นำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ ต้องมีเวลาในการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป
ประกันชีวิต
นำมาลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยสัญญาประกันชีวิตต้องมีช่วงเวลาในการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีเป็นต้นไป ในกรณีที่ไม่มีเงินรายได้สามารถใช้ลดหย่อนได้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น
ดอกเบี้ยกู้ซื้อที่อยู่อาศัย
สำหรับผู้ที่มีภาระหน้าที่ในการผ่อนบ้านหรือที่พักอาศัย สามารถนำดอกเบี้ยจากการยืมเงินไปลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท ในกรณีที่มีผู้กู้ร่วมหลายคน สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ทุกคนแต่ต้องรวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท
จะเห็นว่าสิทธิในการลดหย่อนภาษีนั้นมีให้เลือกหลากหลายรายการ ก่อนทำการชำระภาษีทุกครั้งอย่าลืมที่จะตรวจเช็คกันก่อนนะคะว่าตัวคุณเองสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง เพื่อเป็นผลกำไรของตัวคุณเอง จะได้เสียภาษีลดลงหรือได้เงินคืน มีเงินเหลือไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ มากขึ้น
ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/give_monthly_donation_th
No comments:
Post a Comment