Monday, February 22, 2016

รับอุปการะเด็กกำพร้า เพื่อชีวิตที่สดใส ร่วมสร้างอนาคต ให้เด็กกำพร้า ร่วมกัน รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ช่วงปัจจุบัน ปริศนา ผู้เยาว์กำพร้า ได้แปรไปเป็นปริศนา ระดับแผ่นดิน ไปแล้ว เหตุเพราะ สาเหตุ หลาย ๆ ประการ ดังเช่น ผู้ชาย วัยแรกรุ่น มีภาร ไม่สามารถรับผิดชอบลูกชายลูกสาวได้ ภารกิจทางเข้าผู้เข้าคนไม่อาจเปิดได้ ขาดแคลนบุคคล ความเกื้อกูล สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำเอาเกิด ข้อสงสัย กำพร้า ขึ้นเหลือหลาย   เราจะชมว่ามีประกาศ ในหลักสำคัญ เด็กกำพร้า การละเลยผู้เยาว์ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ให้เจอะ ไม่เว้นแม้แต่ละวัน  ต้นเหตุ หลัก ๆ ที่กำเหนิดลูกกำพร้า กำเหนิดที่การขาดความรับผิดชอบ ของบุรพาจารย์ลูกเป็น เด่น ประกอบเข้ากับ ความไม่กับของบิดามารดา, วงศ์ญาติ รวมกระทั่งถึง คนใกล้ชิดของพ่อแม่ลูกเอง ที่คือตัวแปรทำเอาเกิด เด็กลูกกำพร้า กลุ่มนี้ขึ้น จากสถิติที่น่าตระหนก กระผมค้นพบว่าครึ่งหนึ่งของปุถุชนทั้งโลกที่เข้าอยู่อยู่บนโลก ใบ เล็ก ๆ ใบนี้ ชูไว้ภายในความยากแค้น  ลูก และ วงศาคณาญาติ จงดิ้​​นรนประจัญเพื่อความรอดชีวิต การปล่อยปละละเลยเยาวชน การขัดขืน  ,เพิกเฉย,เกียดกัน หรือ ถ้ากระทั่งการล่วงละเมิดทางเพศ เข้ากับ ผู้เยาว์ ก็เกิด ขึ้น และมีให้เห็นบ่อย ๆ  ในทางกลับตาลปัตร คำถาม ผู้เยาว์ลูกกำพร้า ก็มีขึ้นมาโดยตรง กับ มูลเหตุ ที่ปรากฎว่าความ “ ยากจน “  ด้วยเรื่องนี้ ดีฉันจึงมองดู สถานสงเคราะห์ต่าง ๆ ออกมา บิณฑบาตความร่วม ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า อย่างเป็นอันมาก

<a href=รับอุปการะเด็กกำพร้า" width="500" height="104" />

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ปริศนา ผู้เยาว์ลูกกำพร้า ยุคปัจจุบันได้ถูกเมิน พร้อมกับนับวันจะแปรไปคือปัญหาเรื้อรัง แสนเข็ญแก่การปฏิวัติ และวิเคราะห์จากที่ทำการที่เกี่ยวข้อง เป็นพิเศษ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หน่วยงานในสังกัด กรมพัฒนาสังคม และ สวัสดิการ  กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ที่เฝ้าคอยเป็นโอกาส เกลาปมปัญหา ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า ซึ่งดีฉันจะเห็นว่าปัจจุบัน มีการนำผู้เยาว์ ที่การ ไปพามาของ บ้านเยาวชนต่าง ๆ ออกมา ทำดุร้าย หรือใช้พลังงานผู้เยาว์ หรือชี้นำไปแลกเปลี่ยนต่อให้ คฤหบดี และแห่ง พร้อมทั้ง นอกแดน เพื่อให้เสาะแสวงหาทางได้ของผู้เยาว์กำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า หรือ การรับเด็กลูกกำพร้า  ที่เป็นบุตรของบุคคลอื่นมาอุปถัมภ์ค้ำชู อาจค้นพบเห็นมีในสังคมไทยรับมาเป็นเวลายาวนาน เช่น รับอุปการะเด็กกำพร้า จาก วงศ์ตระกูล พงศ์พันธุ์ กับสามัญชนที่รู้จักใกล้ชิด กันดี แต่ขาดแคลนแคลนกองทุน

 

       การ รับอุปการะเด็กกำพร้า แบบกฎเกณฑ์เริ่มต้นมีขึ้นเท่าที่มี การป่าประกาศใช้ประมวลกฎปฏิบัติแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 ซึ่งระบุให้แตะมีการจดสารบาญ ตามพ.ร.บ. จดระเบียนญาติโกโหติกา ในปี พ.ศ. 2478

     ใน   พ.ศ. 2508 กรมประชาสงเคราะห์ ได้ ดำเนินการตระเตรียมหาจัดตระกูล ที่ อุปการะเด็กกำพร้า ที่ โดนไม่เอาใจใส่ โดยมีการออก เป็นแผน กรมประชาสงเคราะห์ ว่าด้วยการส่งเสริมลูกลูกกำพร้า โดยวิถีทางจัดหาผู้อุปการะมอบให้แก่เยาวชนกำพร้า แต่ถ้าว่าการดำเนินงานดังที่กล่าวมาแล้วก็ยังแคบอยู่เฉพาะเจาะจงผู้เยาว์กำพร้า แค่ในความอุดหนุนของกรมประชาสงเคราะห์เท่านั้น พร้อมด้วย ในตอนนั้นอีกทั้งไม่มีการระบุให้หน่วยงาน สถานพยาบาล หรือ สถานสงเคราะห์ ที่มีผู้เยาว์ลูกกำพร้า ถูกไม่เอาธุระจะต้องส่งผู้เยาว์ให้กรมประชาสงเคราะห์ กับไร้นิติหรือสมาพันธ์เฉพาะที่ปฏิบัติงานการสั่งการสอดส่องดูแลงานด้านการ รับอุปการะเด็กกำพร้า มักเกิดช่องว่างให้มีการสืบสวัสดิการจากเด็กกำพร้ากลุ่มนี้ ที่พบในรูปแบบของการรับเยาวชนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ราวปี พ.ศ.2519 - 20 มีการแลกเปลี่ยนผู้เยาว์กำพร้าให้กับคนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ จึงได้มี  มาตรการคุ้มครองการ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า

โดย ห้ามร.พ. สถานพยาบาล หรือ สถานสงเคราะห์ ต่างๆ ยกเด็กลูกกำพร้าให้แก่คนใดไปปรนนิบัติหรือรับไปเป็นบุตรชายบุญธรรม ต่อมามีการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการรับบุตรบุญธรรม" และมีการร่างกฎปฏิบัติเฉพาะออกมาเรียกว่า พ.ร.บ.การรับเด็กเป็นลูกบุญธรรม เป็น "ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม" จนปัจจุบัน ซึงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การยอมรับเยาวชนเป็นลูกเลี้ยงไม่ว่าเยาวชนนั้นจะเป็นผู้เยาว์มี พ่อ แม่ หรือเยาวชนกำพร้าถูกไม่เอาใจใส่ ต้องดำเนินการภายใต้ข้อออกกฎ ของพ.ร.บ.การรับลูกเป็นบุตรบุญธรรมทุกประการ

 รับอุปการะเด็กกำพร้า

       ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมนั้นกอบด้วยหน้าที่รับผิดชอบในการส่งให้บริการด้านการปฏิบัติการสวัสดิการผู้เยาว์โดยการ

เฟ้นหาวงศ์ญาติทดแทน ให้กับเยาวชนลูกกำพร้า กับลูกที่ พ่อ แม่ ไม่อาจมอบให้การความเกื้อกูลเลี้ยงดูเด็กได้ และเยาวชนที่มีคำสั่งศาลสนองการให้ความทำเนาของพ่อแม่ลูก โดยปฏิบัติตามพ.ร.บ.การรับเยาวชนคือบุตรบุญธรรม และต้องดำเนินการตามขบวนการของข้อบังคับอย่างถูกต้อง

โดยจะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล สำหรับหาวงศ์ญาติที่เข้าท่าเข้าทางในการประกอบกิจเป็นพ่อแม่มอบให้แก่เด็ก เพื่อให้ลูกได้มีพัฒนาการที่ดีทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ จิตใจ และเข้าผู้เข้าคน รวมทั้งให้การศึกษาเล่าเรียน เพื่อให้มีชีวิตเป็นสามัญชนที่มีคุณค่าของสังคมต่อไปในอนาคตกาล

ขั้นตอนการติดต่อขอเป็นครอบครัวเลี้ยงดู หรือ รับอุปการะเด็กกำพร้า

ในกรุงเทพฯ สามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายครอบครัวอุปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือที่ที่ประกอบการพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรุงเทพมหานคร  ส่วนในต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่ สถานีพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในเมืองที่ผู้ขออุปการะมีภูมิลำเนาอยู่

โดยต้องใช้หลักฐานดังนี้

  1. ทะเบียนสำมะโนครัว ( สำเนา )
  2. บัตรประจำตัวประชาชน ( สำเนา )
  3. ทะเบียนสมรส หรือ ทะเบียนหย่า หากมี ( สำเนา )
  4. ใบรับรองแพทย์ ( โรงพยาบาลรัฐ )
  5. รูปถ่าย 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 รูป

การติดตามการเลี้ยงดูผู้เยาว์กำพร้าที่ขออุปการะ

   เมื่อครอบครัวอุปการะที่ได้รับอนุมัติ ให้นำเด็กไปอุปการะอุปการะ นักสังคมสงเคราะห์ที่ยอมรับผิดชอบจะตามเยี่ยมเด็กกำพร้าและครอบครัวเป็นระยะๆ เพื่อจะติดตามและให้คำปรึกษาแนะนำในการสนับสนุนเด็ก เพื่อให้เยาวชนลูกกำพร้าและครอบครัวไปและอย่างราบรื่น โดยในปีแรกจะตรวจสอบไปหาทุก 2 เดือนต่อครั้ง ส่วนในปีถัดถัดไปจะแวะเยี่ยมตามความพอสมควรแต่ไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง จนกว่าลูกลูกกำพร้าที่ส่งเสียจะมีอายุครบ 18 ปีสมบูรณ์ หรือเปลี่ยนวิธีการอุปถัมภ์ผู้เยาว์เป็นการขอรับลูกเป็นบุตรบุญธรรม

กระบวนการการดำเนินงานของญาติโกโหติกา รับอุปการะเด็กกำพร้า               

  1. ผู้มีมโนรถ รับอุปการะเด็กกำพร้า ที่อยู่ในความเลี้ยงดูของสถานเกื้อกูลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                1.)           รับเรื่องและสัมภาษณ์ข่าวคราวเบื้องต้น พร้อมกับสืบสวนงานพิมพ์และให้คำพินิตต่างๆ

                2.)           เลือกคัดแวะเยี่ยมอาคารบ้านเรือนพร้อมกับสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาวะสุขทุกข์และความกลมกลืน ทั้งนี้อาจร้องของานพิมพ์เพิ่มปริมาณในรายที่นำสิ่งพิมพ์มาให้ครบถ้วน ประกอบการตรวจคุณสมบัติ

                3.)           มีดำเนินเรื่องขออนุมัติสรรพคุณต่ออธิบดี เพื่อให้ผู้ขอส่งเสียผู้เยาว์ลูกกำพร้า ที่มีคุณวุฒิเป็นการสมควรไปพบลูกที่สถานที่ช่วยเหลือ

                4.)           แจ้งให้ผู้ขอความเกื้อกูลผู้เยาว์กำพร้าตระหนัก กับมีการส่งตำราการเข้าไตร่ตรองเด็กให้สถานบรรเทาทุกข์ที่เกี่ยวเนื่องรับทราบ

                5.)           ผู้ขออุปถัมภ์พบเด็กลูกกำพร้าที่อยากได้จะยอมรับให้ สถานที่ส่งเสริมแจ้งประวัติส่วนตัวเด็กที่พอควรและสามารถแจกให้ไปอุปถัมภ์ได้ แล้วดำเนินการขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้เลี้ยงดูเยาวชนลูกกำพร้า

                6.)           บอกกล่าวให้ผู้คุณเด็กลูกกำพร้าทราบ และส่งหนังสือแจ้งสถานที่อนุเคราะห์ให้ส่งให้เด็กแก่ผู้ขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า

                7.)           ในเรื่องที่ผู้ขอส่งเสียลูกกำพร้ามีคุณสมบัติไม่เหมาะสม จะแจ้งให้ผู้ขอความเกื้อกูลลูกทราบเป็นคู่มือ

                8.)           ติดตามการเอาอกเอาใจเยาวชนลูกกำพร้าในปีแรกเยี่ยมเยียนทุก 2 เดือน ในปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความพอเหมาะ

 

  1. ผู้แสดงความตั้งใจร้องขอความเกื้อกูลลูกลูกกำพร้าถูกละทิ้งซึ่งมีผู้เลี้ยงดูไว้ในครอบครัว

                1.)           รับกงการ และถามไถ่ข่าวสารขั้นต้น พร้อมตรวจเอกสารและให้ข่าวสารต่างๆ

                2.)           ตรวจสอบเยี่ยมเยียนเรือน และสอบการปฏิบัติเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ตามความสมควร และความเป็นจริงเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของเยาวชนลูกกำพร้า

                3.)           กรณีที่เด็กลูกกำพร้าไม่มีสิ่งพิมพ์ใบแสดงหลักฐานเกี่ยวกับตัวเอง และผู้รับอุดหนุนเยาวชนกำพร้าไม่ต้องการส่งเยาวชนเข้าสถานอนุเคราะห์เพื่อปฏิบัติเรื่องใบสำคัญของผู้เยาว์  ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้เลี้ยงดูลูกกำพร้า

                4.)           กรณีที่เด็กลูกกำพร้ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของผู้ขอแล้ว ให้ดำเนินเรื่องร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้คุณลูกกำพร้าและขออนุมัตินำชื่อลูกกำพร้ามาถึงอยู่ในความเกื้อกูลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                5.)           สถานอุปถัมภ์เพิ่มชื่อเรื่องเด็กกำพร้าเข้าทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเด็กกำพร้า

                6.)           ติดตามการปรนนิบัติผู้เยาว์กำพร้า โดยในปีแรกต้องไปหา 2 เดือน ต่อครั้ง และปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความสมกัน

ขั้นตอนการดำเนินการขออุปถัมภ์เด็กกำพร้าในสถานที่สนับสนุนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการแบบครอบครัวอุปถัมภ์

ผมจะเห็นได้ว่า วิธีการการดำเนินการขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า ไม่ยุงยากเลย แค่เพียงผมมีจิตใจที่คิดจะอนุเคราะห์ เด็กเหล่านี้ก็จะได้ รับความเกื้อกูล แล้ว



เครดิต : https://www.unicef.or.th/supportus/th

No comments:

Post a Comment