Tuesday, February 23, 2016

รับอุปการะเด็กกำพร้า เพื่อชีวิตที่สดใส ร่วมสร้างอนาคต ให้เด็กกำพร้า ร่วมกัน รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ช่วงปัจจุบัน ปมปัญหา เยาวชนลูกกำพร้า ได้เปลี่ยนไปเป็นปริศนา ระดับแผ่นดิน ไปแล้ว เนื่องมาจาก ที่มา หลาย ๆ อย่าง เช่นว่า บุรุษ หญิง มีภาร ไม่สามารถรับผิดชอบบุตรได้ ภารกิจทางเข้าสังคมไม่อาจแสดงตนได้ ขาดปุถุชน เกื้อกูล สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เกิด ปัญหา เด็กกำพร้า ขึ้นเป็นอันมาก   เราจะเจอะว่ามีข่าว ในตอน เยาวชนลูกกำพร้า การทิ้งเยาวชน การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ให้มองดู ไม่หยุดแม้แต่ละวัน  สาเหตุ หลัก ๆ ที่กำเหนิดลูกกำพร้า เกิดจากการขาดแคลนความรับผิดชอบ ของบูรพาจารย์ลูกคือ ยิ่งใหญ่ ประกอบพร้อมด้วย ความไม่พร้อมทั้งของบูรพการี, วงศาคณาญาติ รวมกระทั่งถึง คนสนิทของบิดามารดาผู้เยาว์เอง ที่คือตัวแปรทำเอากำเหนิด เยาวชนลูกกำพร้า เหล่านี้ขึ้น จากสถิติที่น่าผวา เราค้นพบว่าเศษหนึ่งส่วนสองของคนทั้งโลกที่อาศัยอยู่อยู่บนโลก ใบ เล็ก ๆ ใบนี้ ทรงไว้ภายในความยากจนข้นแค้น  เยาวชน และ วงศ์วาน แตะต้องดิ้​​นรนฝ่าฟันสำหรับความรอดชีวิต การทิ้งๆ ขว้างๆเด็ก การฝืน  ,เมิน,ปิดกั้น หรือ แม้ว่าถึงที่สุดการล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมทั้ง ลูก ก็เกิด ขึ้น และมีให้เห็นบ่อย ๆ  ในทางกลับตาลปัตร ปัญหา ผู้เยาว์กำพร้า ก็มีขึ้นมาด้วยตรง กับ เค้ามูล ที่ปรากฎว่าความ “ ยากจน “  ด้วยเหตุผลนี้ กระผมจึงมองเห็น มูลนิธิต่าง ๆ ออกมา บิณฑบาตความประสาน ในการ รับอุปการะเด็กกำพร้า อย่างมากมาย

รับอุปการะเด็กกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า

ปัญหา ผู้เยาว์กำพร้า ปัจจุบันนี้ได้ถูกเพิกเฉย กับนับวันจะกลายเป็นปริศนายืดเยื้อ ยากลำบากแก่การแก้ กับตรวจทานจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หน่วยงานในสังกัด กรมพัฒนาสังคม และ สวัสดิการ  กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ที่เผ้าคอยเป็นวิถีทาง ปรับปรุงปมปัญหา ในกระทำ รับอุปการะเด็กกำพร้า ซึ่งดีฉันจะเห็นว่าสมัยปัจจุบัน มีการนำเยาวชน ที่กระทำ ไปนำมาที่ ที่อาศัยเด็กต่าง ๆ ออกมา ทำทารุณ หรือใช้กำลังแรงงานลูก หรือชี้นำไปค้าขายต่อให้ คหบดี และในที่ พร้อมทั้ง ข้างนอกดินแดน สำหรับเสาะหาผลประโยชน์จากผู้เยาว์ลูกกำพร้า

รับอุปการะเด็กกำพร้า หรือ การรับเยาวชนกำพร้า  ที่เป็นบุตรของบุคคลอื่นมาส่งเสีย สามารถค้นพบมองเห็นมีในสังคมไทยรับมายาวนาน เช่น รับอุปการะเด็กกำพร้า จาก เหล่ากอ สกุล หรือบุคคลที่รู้จักชอบพอ กันดี แต่ขาดแคลนเงินทุน

 

       การ รับอุปการะเด็กกำพร้า ตามนิติเริ่มต้นมีขึ้นเมื่อมี การป่าวร้องใช้ประมวลนิติแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2477 ซึ่งกะเกณฑ์ให้จำเป็นมีการจดบัญชีชื่อ ตามพ.ร.บ. จดระเบียนวงศาคณาญาติ ในปี พ.ศ. 2478

     ใน   พ.ศ. 2508 กรมประชาสงเคราะห์ ได้ ดำเนินการทำหาจัดญาติพี่น้อง ที่ อุปการะเด็กกำพร้า ที่ โดนไม่เอาใจใส่ โดยมีการออก เป็นกรอบ กรมประชาสงเคราะห์ ว่าด้วยการอนุเคราะห์ผู้เยาว์ลูกกำพร้า โดยแนวทางหาผู้เลี้ยงดูส่งให้แก่ลูกกำพร้า เท่านั้นการดำเนินงานดังกล่าวข้างต้นก็ยังเล็กอยู่เฉพาะผู้เยาว์กำพร้า แค่ในความเลี้ยงดูของกรมประชาสงเคราะห์เท่านั้น พร้อมกับ ขณะนั้นอีกต่างหากไม่มีการออกกฎให้สถานี สถานพยาบาล หรือ มูลนิธิ ที่มีเยาวชนลูกกำพร้า ถูกทิ้งๆ ขว้างๆจะต้องส่งลูกให้กรมประชาสงเคราะห์ พร้อมด้วยพ้นไปกฎเกณฑ์หรือองค์การเฉพาะที่ดำเนินงานอาชีพจำกัดปรนนิบัติงานด้านการ รับอุปการะเด็กกำพร้า จึงเกิดระยะมอบให้มีการค้นหาผลประโยชน์จากเยาวชนลูกกำพร้ากลุ่มนี้ ที่พบในรูปแบบของการรับเด็กเป็นลูกชายลูกสาว ราวปี พ.ศ.2519 - 20 มีการแลกเปลี่ยนเยาวชนกำพร้าให้กับต่างชาติเป็นจำนวนมาก จึงได้มี  มาตรการระแวดระวังการ การ รับอุปการะเด็กกำพร้า

โดย ห้ามโรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือ สถานสงเคราะห์ ต่างๆ ยกลูกกำพร้าให้แก่คนใดไปอุปถัมภ์หรือรับไปเป็นบุตรชายบุญธรรม ต่อมามีการจัดตั้ง "ศูนย์อำนวยการรับบุตรบุญธรรม" และมีการร่างข้อบัญญัติเฉพาะออกมาเรียกว่า พ.ร.บ.การยอมรับเยาวชนเป็นลูกเลี้ยง เป็น "ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม" จนปัจจุบัน ซึงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การยอมรับเยาวชนเป็นลูกบุญธรรมไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะเป็นเด็กมี พ่อ แม่ หรือเยาวชนลูกกำพร้าถูกทอดทิ้ง ต้องดำเนินการภายใต้ข้อคัดลอก ของพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมทุกประการ

 รับอุปการะเด็กกำพร้า

       ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมนั้นกอบด้วยภารกิจรับผิดชอบในการให้บริการด้านการทำงานสวัสดิการผู้เยาว์โดยการ

จัดหาวงศ์ญาติชดเชย ให้กับผู้เยาว์กำพร้า กับเด็กที่ พ่อ แม่ ไม่สามารถให้กระทำเลี้ยงดูดูแลเด็กได้ และลูกที่มีอาณัติศาลรับช่วงการให้ความยอมจำนนของพ่อแม่เยาวชน โดยปฏิบัติตามพ.ร.บ.การยอมรับเด็กคือลูกเลี้ยง และต้องดำเนินการแบบกระบวนการของกฎปฏิบัติอย่างถูกต้อง

โดยจะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล สำหรับเฟ้นหาตระกูลที่สมน้ำสมเนื้อในการประกอบกิจเป็นพ่อแม่ส่งให้แก่ผู้เยาว์ เพื่อให้เด็กได้มีความเจริญที่ดีทั้งทางด้านร่างกาย จิตวิญญาณ จิตใจ พร้อมทั้งกลุ่ม รวมทั้งให้การเรียนรู้ เพื่อให้มีชีวิตเป็นคนที่มีคุณค่าของแวดวงต่อไปในภายหน้า

ขั้นตอนการติดต่อขอเป็นครอบครัวชุบชีวิต หรือ รับอุปการะเด็กกำพร้า

ในบางกอก สามารถโทรศัพท์ได้ที่ ฝ่ายครอบครัวอุปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือที่ที่ทำงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรุงเทพมหานคร  ส่วนในต่างจังหวัด ติดต่อสื่อสารได้ที่ ออฟฟิศพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในจังหวัดที่ผู้ขออุปการะมีภูมิลำเนาอยู่

โดยต้องใช้หลักฐานดังนี้

  1. ทะเบียนบ้าน ( สำเนา )
  2. บัตรประจำตัวประชาชน ( สำเนา )
  3. ทะเบียนสมรส หรือ ทะเบียนหย่า หากมี ( สำเนา )
  4. ใบรับรองแพทย์ ( โรงพยาบาลรัฐ )
  5. รูปถ่าย 2 นิ้วครึ่ง จำนวน 2 รูป

การติดตามการเลี้ยงดูผู้เยาว์กำพร้าที่ขออุปการะ

   เมื่อวงศาคณาญาติอุปการะที่ได้รับอนุมัติ ให้นำเด็กไปอุปการะสนับสนุน นักสังคมสงเคราะห์ที่รับผิดชอบจะตามเยี่ยมเด็กกำพร้าและครอบครัวเป็นระยะระยะ เพื่อจะเกาะติดและให้คำขอความเห็นชักนำในการช่วยเหลือเยาวชน เพื่อให้เด็กลูกกำพร้าและครัวเรือนเสด็จและอย่างสบาย โดยในปีแรกจะสอบทานเยี่ยมเยียนทุก 2 เดือนต่อครั้ง ส่วนในปีถัดถัดไปจะเยี่ยมเยียนตามความพอเหมาะพอควรแต่ไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง จนกว่าเด็กกำพร้าที่อุปถัมภ์จะมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ หรือเปลี่ยนวิธีการอุดหนุนลูกเป็นการขอรับเยาวชนเป็นบุตรบุญธรรม

ขั้นตอนการดำเนินงานของญาติพี่น้อง รับอุปการะเด็กกำพร้า               

  1. ผู้มีความอยาก รับอุปการะเด็กกำพร้า ที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของสถานสงเคราะห์ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                1.)           รับเรื่องและสัมภาษณ์ข้อมูลเบื้องต้น พร้อมสืบสวนงานพิมพ์และให้คำแนะลู่ทางต่างๆ

                2.)           สำรวจไปหาบ้านพักอาศัยพร้อมกับสอบพฤตินัยเกี่ยวกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่และความเหมาะเจาะ ทั้งนี้อาจร้องขอสิ่งพิมพ์เสริมในรายที่นำงานพิมพ์มาให้ครบถ้วน ประกอบการตรวจสอบคุณสมบัติ

                3.)           มีดำเนินเรื่องร้องขออนุมัติคุณวุฒิต่ออธิบดี เพื่อให้ผู้ขอคุณเยาวชนกำพร้า ที่มีคุณลักษณะพอเหมาะไปพบลูกที่สถานที่สนับสนุน

                4.)           แจ้งให้ผู้ขอส่งเสียเยาวชนกำพร้ารับรู้ และมีการส่งบันทึกการเข้าวิเคราะห์เด็กให้สถานที่อุปถัมภ์ที่เกี่ยวเนื่องปรากฏชัด

                5.)           ผู้ร้องขอส่งเสียพบเยาวชนกำพร้าที่มุ่งมาดปรารถนาจะยอมรับอุดหนุน สถานที่ช่วยเหลือบอกเรื่องราวเยาวชนที่เหมาะสมและสามารถส่งให้ให้ไปเกื้อกูลได้ แล้วดำเนินการร้องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้อุปถัมภ์เด็กกำพร้า

                6.)           บอกกล่าวให้ผู้ส่งเสียเยาวชนกำพร้าทราบ และส่งหนังสือแจ้งสถานที่สงเคราะห์ให้แจกเด็กแก่ผู้ร้องขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า

                7.)           ในเรื่องที่ผู้ร้องขอเกื้อกูลเยาวชนลูกกำพร้ามีคุณลักษณะไม่เหมาะสม จะแจ้งให้ผู้ขอให้เด็กปรากฏชัดเป็นรายงาน

                8.)           ตามการค้ำจุนผู้เยาว์กำพร้าในปีแรกเยี่ยมเยียนทุก 2 เดือน ในปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความเหมาะ

 

  1. ผู้แสดงความประสงค์ร้องขอให้เยาวชนกำพร้าถูกละเลยซึ่งมีผู้เลี้ยงดูไว้ในสกุล

                1.)           รับเหตุ และไต่ถามข้อมูลขั้นต้น พร้อมตรวจสิ่งพิมพ์และให้ข่าวคราวต่างๆ

                2.)           พิจารณาแวะเยี่ยมที่อาศัย และสอบความเป็นจริงเกี่ยวกับสภาพทุกข์สุขตามความเป็นการสมควร และความจริงด้วยว่าประวัติบุคคลความเป็นมาของลูกลูกกำพร้า

                3.)           กรณีที่เด็กลูกกำพร้าไม่มีงานพิมพ์หลักฐานเกี่ยวกับตนเอง และผู้รับให้ผู้เยาว์ลูกกำพร้าไม่หมายส่งเด็กเข้าสถานเกื้อหนุนเพื่อประกอบกิจเรื่องหลักฐานของเยาวชน  ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้ให้ลูกลูกกำพร้า

                4.)           กรณีที่ผู้เยาว์ลูกกำพร้ามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านพักอาศัยของผู้ขอแล้ว ให้ดำเนินเรื่องขออนุมัติอธิบดีให้เป็นผู้คุณเยาวชนกำพร้าและขออนุมัตินำชื่อผู้เยาว์กำพร้าเข้าเข้าอยู่ในความอุปการะของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

                5.)           สถานที่สงเคราะห์เพิ่มชื่อเล่นเด็กกำพร้าเข้าทะเบียนบ้าน พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเด็กกำพร้า

                6.)           เกาะติดการอุปถัมภ์เด็กลูกกำพร้า โดยในปีแรกต้องเยี่ยมเยียน 2 เดือน ต่อครั้ง และปีถัดไปไม่น้อยกว่าปีละ 3 ครั้ง ตามความพอเหมาะ

ขั้นตอนการดำเนินการขอเลี้ยงดูเด็กกำพร้าในสถานสนับสนุนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการแบบครอบครัวอุปถัมภ์

ผมจะเห็นได้ว่า วิธีการการดำเนินการขอ รับอุปการะเด็กกำพร้า ไม่ยุงยากเลย แค่เพียงข้ามีใจที่คิดจะค้ำจุน เด็กเหล่านี้ก็จะได้ รับเลี้ยงดู แล้ว



เครดิต : https://www.unicef.or.th/supportus/th

No comments:

Post a Comment