Monday, February 22, 2016

บริจาคเงิน บริจาคใจ

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน หามิได้เรื่องยุ่งยากสิ่งไรแค่ก้าวเดินไปละแวกปากตรอก หยอดสตางค์ใส่ลังบริจาคในเซเว่นที่ประกอบด้วยอยู่ทุกซอยก็แค่เนี้ยไม่ยากจะตายแต่จะมีใครรู้สึกหรือเปล่าว่าเงินตราไปไหนหยอดแล้วเงินไปไหน  ผู้ที่พึงประสงค์เงินเหลือล้นที่คอยโอกาสจากผมแค่เพียงดีฉันบริจาคเงิน คนรับพึงปรารถนาแค่หนทางที่ฉันจะหยิบยื่นส่งให้ แค่บริจาคเงิน เศษเงินตรา เล็กๆน้อยๆนี้ก็อาจจะสร้างคราวหน้าให้ใครต่อใครมานักต่อนักแล้ว เชื่อหรือเปล่าว่า เงินเหรียญเล็ก ๆที่ผมมิใคร่ปรารถนาสะสมไว้ พร้อมกับเขวี้ยงให้วนิพกข้างถนน ที่เรียกหามอบให้หรู ๆว่าข้าได้บริจาคเงินให้พวกเขาด้วยซ้ำ ก็เพราะด้วยเขามิได้ร่ำร้อง ข้าให้ด้วยความอาสา คนขอทาน รวยกว่าผมหลายเท่านักเพราะเศษเงินตรานี่แหละ วณิพกบางท่านแรก ๆก็ขอไปงั้น ๆ ไม่มีเช่นไรทำ หลัง ๆ มีเงินตราเก็บมากเข้าก็ชักเพลิดเพลิน กลายเป็นขอจนเป็นอุปนิสัยก็มาก เรียกว่าลูกอีช่างขอ แต่ที่ผิดธรรมดากว่านั้นก็เป็นพวกที่ ไม่ได้ขอด้วย แต่ให้ขนานนามให้โก้เก๋ว่า บริจาค คนรุ่นเก่า ๆ อาจจะไม่รู้จักดีกับ การบริจาคอย่างนี้ สำหรับครั้งก่อนไม่ค่อยจะมี ขณะนี้ใครมีบุตรวัยกำลังเรียนรู้ก็จะมองเห็นการ บริจาคเงิน ยังงี้ บริจาคเงินทั้งทีต้อง 5 หมื่นอัพ กับการจะเข้าชั้นเรียนสถานที่เรียนซักแห่ง อย่างณ เวลานี้ ในบางกอกอาจเห็นภาพไม่ค่อยชัดทั้งนี้เพราะมีตัวเลือกสถานที่เรียนมาก แต่ในบ้านป่า มีอำเภอเมือง อำเภอเดียว เด็กนักเรียนของทั่วจังหวัดก็หมายจะมาเรียนในตัวเมือง กระบวนการ บริจาคเงิน ก็เริ่มต้นตรงนี้ ร้องขอสนับสนุนบริจาคเงิน 5 หมื่น ช่วยสถานที่เรียน แล้วผู้เยาว์จะได้เรียนรู้ อาดูรหรือไม่ ไม่จ่ายก็ได้ แต่มิได้เรียนนี่คือข้อพิสูจน์อันแสนปวดใจของผู้นำที่มีลูกหลานเฉลียวฉลาด สอบได้แต่ไร้ช่องทางศึกษาด้วยไม่รู้จักคำว่า บริจาคเงิน

 บริจาคเงิน

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน ถ้าหากจะเล่าไปแล้ว ประเทศไทยของข้าก็ติดอันดับในเรื่องราวการบริจาคเงินกับเขาอย่างเดียวกัน เปรียบเทียบชั้นคนมีเงินแถวหน้าก็ว่าได้แม้เอาเรื่องราว บริจาคเงินมาเป็นตัววัด ปี สองพันสิบสี่  กระผมติดอันดับ  3 กรณีบริจาคเงินเลยทีเดียว ด้วยคนไทยขี้สงสาร พร้อมทั้งการบริจาคเงิน มีผลตรวจสอบมาแล้วว่าเป็นทางที่ง่ายๆสุด ๆ ที่คนกระผมจะสละกัน อย่างประเดี๋ยวนี้ที่มีข่าวออกทีวี คนไทยนี้ดี เสียสละให้วัดซะเยอะ จนผู้ร้ายมายกเค้า ตู้บริจาคไปแล้วถึง 8ใบ เวลานี้ก็ต้องรับเสียสละกล่องรับบริจาคไปพลาง ๆการ บริจาคเงิน ในที่อยู่อาศัยเราเป็นที่นิยมบริจาคให้กับมูลนิธิต่าง ๆ โดยจะมุ่งเน้นการบริจาคเงิน ให้เพื่อเกื้อหนุนกำพร้า การบริจาคเงิน สำหรับเป็นทุนเล่าเรียนเด็ก พร้อมด้วยหากเป็นเวลาที่มีปมปัญหาเรื่องภัยต่าง ๆเช่นปี 54 ที่มีน้ำหลากกับปี สี่สิบหก ที่เกิด สึนามิ ชาวไทยก็มีการ บริจาคเงิน กันอย่างเหลือล้น ส่วนสิทธิ์คุณประโยชน์ที่ได้มาแม้มีการแจก อย่างคนที่สละอย่างอื่นที่มิได้ตัวเงิน ก็เพราะว่าบางคนก็ไม่เป็นที่นิยม บริจาคเงิน แต่ จะเสียสละสิ่งของเครื่องใช้แทน หรือ บริจาคเลือด บริจาคเกร็ดเลือดที่อาจจะทำได้ทุกเดือน กับหากใครข้าวของที่เรือนมากมายก็สามารถนำไปเสียสละได้ กับใครพร้อมกับที่จะเสียสละเนื้อตัว แขนขา ดวงตา ก็อาจทำได้หากมิอยากได้บริจาคเงิน การบริจาคเงิน นั้นทันทีมีการกำหนดจุดหมายชัดเจน อาทิ  บริจาคเงิน เพื่อไถ่ชีวีวัวควาย บริจาคเงิน สำหรับ เกื้อหนุนน้ำท่วม สิ่งนี้จะเป็นเหตุให้เรารู้ว่าสตางค์ข้าไปแห่งไหนบ้าง อย่างที่อาราม การบริจาคเงิน บางอาราม สละ สิบ บาท 20 บาท ก็มีการขึ้นชื่อ แจ้งไว้ว่าใครสละบ้าง ส่วนการใช้ประโยชน์ก็ต้องสุดแต่วัดวาอารามว่าจะนำไปใช้ทำเช่นไร

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน

การบริจาคเงิน หรือ การทำทานสมัยนี้ หากจะทำก็ต้องคัดเลือกทำให้ดี ให้ตรงจุด ตัวอย่างเช่น การซื้อนก ปลา เพื่อหยิบยกไปปล่อย หากมีมุ่งมั่นดีก็อย่าไปจับจ่าย นกปลาที่เขามีการตระเตรียมไว้ มันก็ดังไปส่งเสริมให้เขา ไปจับ ไปล่อมาขาย หรือนกที่ข้าพเจ้าปล่อย ๆ ไป มันก็แต่มาที่เดิม ก็นกมันมีอยู่แต่ในกรงไม่รู้จะไปไหน กับการ บริจาคเงิน ให้เด็กวณิพก หรือคนวณิพกต่าง ๆ ยิ่งให้ก็เปรียบเสมือนเป็นการเกื้อหนุนให้มีขอทานอยู่หลังจากนั้น ลองผมไม่ให้ ไม่ส่งเสริม เขาก็เลิกขอกันไปเอง การบริจาคเงินชั่วประเดี๋ยวนี้ ดูจะเป็นกรณีปกติธรรมดา ไปแล้วสำหรับคนทั่ว ๆไป เพราะแค่คิดว่าหยอดไป ไม่กี่เงิน ไม่ต้องคิดสิ่งไรมาก เช่นว่า ตู้ที่ตั้งอยู่ในร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ หรือในห้างที่ จ่ายสตางค์ค่าของใช้เสร็จปั๊บ ก็เจอตู้บริจาค ผมก็ทำจนเป็นความกลายเป็นนิสัยที่ต้องหยอด โดยไม่รู้ว่าเงินตรานั้นเอาไปทำสิ่งไร เอาไปไหน  กับการบริจาคเงินกับสื่อต่าง ๆ ที่มีการโหนทางต่าง ๆ ให้ข้า บริจาคเงินกัน เมื่อก่อนจะมีการเชิญชวนบุคคลบริจาคเงินด้วยมีการร้องเพลง คนก็โทรเข้าไปสละเป็นอย่างมาก ถ้าหากใครมีใจคอที่ได้คิดจะเสียสละจริง ๆ ก็คิดทบทวนกันสักนิดก่อนคิดที่จะหยอดเงินตรา กับโอนสตางค์ให้ใคร ถ้าหากคิดว่าใช่ ก็บริจาคไปเถอะ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้พอใจ เงินตราจะไปใดก็ค่อยมาว่ากัน

บริจาคเงินแล้ว ยกเว้นได้ความสุขใจ หากใครสละบ่อย ๆ ก็ลองดูกรณีการลดหย่อนภาษีอากรไว้บ้าง คนกินเงินเดือนที่ค่าตอบแทน สอง 3 หมื่นทางบ.ของผมมีการหักเงินตราได้ส่งเงินภาษีไปทุกเดือนหากผม มิได้นำเงินตราที่ดีฉันบริจาค ไปทั้งหมดเดือนมาหักลดหย่อนเงินภาษี ถ้า ค่าจ้างรายเดือน 25,000 รวมกันเงินปันผล อีกโดยประมาณ แปด เก้าหมื่น รวมทั้งสิ้นแล้วจ่ายเงินภาษีไป จวนเจียน หกพัน ถ้าช่วยเหลือเลือดเนื้อเชื้อไข พ่อ มารดาด้วย และ ใช้สิทธิลดจากการบริจาคเงินมาคลุกคลีด้วย ก็จะได้คืนเงินภาษีเป็นแน่ หากผมบริจาคให้โรงเรียนตามที่ภาษีอากรขีดเส้น มากมายแห่งก็จะนำรับมาหักลดได้ถึง สองเท่าของยอดสตางค์บริจาค แต่ดังนี้ต้องดูทะเบียนจากภาษีควบคู่ไปด้วยเพื่อให้จะได้ใช้สิทธิให้ที่สุด

บริจาคเงิน ข้าพเจ้าจะเสียสละแห่งไหน ครั้งไหน หรือให้ใครก็ได้เป็นเงินของข้าพเจ้า สิทธิ์ของผมที่จะ บริจาคเงิน แต่ เผชิญดูนิดนึงว่า เขาเอาไปทำอะไร ที่ไหน ให้และใคร เชื่อได้มากน้อยแค่ไหน อย่าเพียง หย่อน ใส่ตู้ มิได้ดูตาม้าตาเรือ ทำแล้วก็ให้ดีนิด ถ้าหากข้าได้คิด จะ บริจาคเงิน



ที่มา : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

No comments:

Post a Comment