ภาษีอากร
การเสียค่าธรรมเนียมเป็นหน้าที่ที่พึงต้องปฏิบัติในฐานะที่เป็นราษฎรของประเทศชาติที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง นอกจากบุคคลธรรมดาทั่วไปมีหน้าที่ต้องไปเสียภาษีอากรแล้ว องค์กรทางกิจการค้าก็มีหน้าที่ดังกล่าวเช่นเดียวกัน แต่จะมีความซับซ้อนในแง่ของรายละเอียดเนื้อหาที่เพิ่มมากขึ้นจากบุคคลธรรมดาอยู่ซักหน่อยแต่ก็ไม่ใช่กำแพงในการเรียนรู้ในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องของภาษีนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่เจ้าของธุรกิจรายใหม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจและทำความเข้าใจให้ชัดเจนเสียก่อน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจโดยตรง ทั้งยังมีผลในทางข้อบังคับในการทำธุรกิจอีกด้วย โดยข้อปลีกย่อยของภาษีเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมีดังนี้
ภาษีอากร
ความหมายของภาษี
ภาษี หมายถึงเงินที่เรียกเก็บจากประชาชนเพื่อนำไปเพิ่มพูนประเทศ ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภทคือ ภาษีทางตรง เป็นภาษีที่เก็บจากประชาชนที่มีรายได้จากการประกอบอาชีพและภาษีที่ได้จากการประกอบกิจการทางกิจการค้า บริการ และอุตสาหกรรม และภาษีทางอ้อม เป็นภาษีที่เก็บจากประชาชนเมื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประชาชนทุกคนจำเป็นที่จะต้องเสียภาษีเพราะผลของการเสียภาษีจะกลับมาตอบแทนประชาชนใน 2 ประเภทคือ
- นำไปจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการเพื่อให้บริการประชาชนและใช้จ่ายเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ของสถานที่ราชการต่างๆ
- นำมาใช้ในการปรับปรุงประเทศ เช่น สร้างถนน สร้างโรงเรียน เป็นต้น ประเภทของภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ภาษีที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจมีอยู่มากมายหลายประเภท
แต่ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเพียง 2 ประเภทเท่านั้น คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีนิติบุคคล เหตุผลก็เนื่องมาจากมีความเกี่ยวข้องกับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ ที่กิจจานุกิจยังไม่มีขนาดโตมากนัก จึงเข้าเกณฑ์ของภาษีทั้ง 2 ประเภทนี้มากที่สุด ซึ่งเรื่องประกอบของภาษีทั้ง 2 ประเภทมีดังต่อไปนี้
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากบุคคลธรรมดาทั่วไป ตามที่เทศบัญญัติบัญญัติและมีรายได้เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเจ้าของกิจการหรือธุรกิจอะไรก็ตามแต่ ที่มีตัวเองเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว จะเข้าข่ายอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีประเภทนี้ โดยปกติจะทำการเรียกเก็บเป็นรายปี โดยรายได้ที่เกิดขึ้นในปีใดๆก็ตาม ผู้มีเงินได้ต้องนำไปยื่นแสดงระเบียนภาษีที่กำหนดในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมของปีถัดไป
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล
คือ ภาษีอากรประเภทหนึ่งที่ข้อกำหนดไว้ ซึ่งจะเรียกเก็บจากนิติบุคคล ที่มีความหมายถึงการรวมตัวกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในการกำหนดทรัพย์เพื่อก่อตั้งกลุ่มขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจการค้าอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งในที่นี้หมายถึงห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด ฯลฯ ด้วยเป็นต้น
เกณฑ์ในการคิดเงินภาษีอากรจากผู้ประกอบการค้าการทำงาน
ระเบียบในการเรียกเก็บภาษีเงินได้ในภาษีแต่ละสายมีความแตกต่างกันออกไป โดยมาตรฐานการเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่เป็นผู้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจแต่เพียงผู้เดียวจะต้องไปเสียภาษีตามหลักปฏิบัติดังนี้คือ กรณีไม่มีคู่สมรสและมีรายได้ที่ประเมินแล้วเกิน 30,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคมจะต้องเสียภาษี ถ้าน้อยกว่านี้ได้รับการงดเว้น กรณีมีคู่สมรสต้องมีเงินได้ที่รวมกันแล้วเกิน 60,000 บาท และห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคลถ้ามีเงินได้เกิน 30,000 ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเช่นกัน ส่วนแหล่งกำเนิดของภาษีเงินได้นิติบุคคลมาจากการคำนวณเงินได้ที่ใช้เป็นใบแสดงหลักฐานในการคำนวณคูณด้วยอัตราภาษีที่กำหนด ซึ่งเงินได้ที่ต้องเสียสรรพากรเงินได้นิติบุคคลหรือฐานภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น ทั่วไปมักมาจากเงินกำไรสุทธิที่คำนวณตามเงื่อนปมที่กะๆ แต่ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมจึงทำการบัญญัติการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากเงินได้ที่แตกต่างกันดังนี้ 1. กำไรสุทธิ 2. ยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย 3. เงินได้ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย 4. การจำหน่ายเงินกำไรออกไปจากประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งการคำนวนภาษีทั้ง 2 รูปแบบ ผู้ประกอบการสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.rd.go.th/publish/286.0.html
การยื่นแบบแสดงเงินภาษี
สำหรับเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คุณสามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา โดยต้องกรอกเอกสารให้ครบถ้วนจากนั้นจึงยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด. 91 ส่วนค่าธรรมเนียมเงินได้นิติบุคคล ถ้าอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.50 ,ภ.ง.ด.51,ภ.ง.ด.53,ภ.ง.ด.54 ได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในท้องที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ถ้าในเขตจังหวัดอื่นให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.50 ,ภ.ง.ด.51,ภ.ง.ด.53,ภ.ง.ด.54 ที่ว่าการอำเภอหรือ อำเภอท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ แต่ในปัจจุบันการยื่นภาษีแสดงรายได้นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วและเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น โดยเปิดให้บริการยื่นแบบแสดงทะเบียนภาษีผ่านทางอินเตอร์เน็ตโดยคลิกไปที่เว็บไวต์ http://rdserver.rd.go.th/publish/index.ph
ผู้ประกอบการค้าควรตระหนักไว้ว่าเงินเงินภาษีที่จ่ายออกไปนั้นจะมีส่วนช่วยก้าวหน้าประเทศชาติให้เจริญมั่นคงมากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดผลดีก็จะมาตกอยู่กับตัวผู้ประกอบการค้านั่นเอง ดังนั้นการจ่ายภาษีจึงเป็นหน้าที่ที่ประชาชนเต็มขั้นพึงกระทำ อย่าได้คิดพยายามเบี่ยงประเด็น หรือหาช่องว่างทางกฎหมายที่จะไม่จ่าย เพราะการเสียภาษีอากรคือหน้าที่ของพลเมืองที่ดีที่ควรปฏิบัติการกันเป็นประจำทุกปี
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.unicef.or.th/supportus/th
No comments:
Post a Comment