Friday, March 11, 2016

บริจาคเงิน บริจาคใจ

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน ไม่ใช่เช่นนั้นเรื่องลำบากลำบนเช่นไรแค่ไปไปแนวปากตรอก หยอดสตางค์ใส่ลังบริจาคในเซเว่นที่มีอยู่ทุกซอยก็แค่เนี้ยไม่ยากจะตายแต่จะมีใครรู้หรือเปล่าว่าเงินไปไหนหยอดแล้วเงินไปไหน  ผู้ที่อยากได้เงินตราเยอะแยะที่รอโอกาสจากฉันเพียงแค่ฉันบริจาคเงิน คนรับมุ่งหวังแค่ทางเลือกที่ดีฉันจะหยิบยื่นให้ แค่บริจาคเงิน เศษเงิน เล็กๆน้อยๆนี้ก็สามารถสร้างหนหน้าให้ใครต่อใครมานักต่อนักแล้ว เชื่อหรือเปล่าว่า สตางค์เหรียญเล็ก ๆที่กระผมไม่ใคร่ประสงค์สะสมไว้ และโยนให้กระยาจกริมถนน ที่เรียกหามอบให้หรู ๆว่าผมได้บริจาคเงินให้พวกเขาทั้งหลายด้วยซ้ำ ก็เพราะด้วยเขาไม่ได้ขอ ดิฉันให้ด้วยความอาสา คนขอทาน ร่ำรวยกว่าข้าหลายทบนักเพราะกากเงินตรานี่ล่ะ คนขอทานบางท่านแรก ๆก็ขอไปงั้น ๆ ไม่มีเช่นไรทำ หลัง ๆ มีทรัพย์สินเก็บมากมายเข้าก็ชักเพลิดเพลิน กลายเป็นขอจนเป็นนิสัยก็มาก เรียกว่าลูกอีช่างขอ แต่ที่พิลึกพิลั่นกว่านั้นก็เป็นพวกที่ ไม่ขอแบบเดียวกัน แต่ให้ตั้งชื่อให้หรูหราว่า บริจาค คนรุ่นเก่า ๆ อาจจะไม่รู้จักดีกับ การบริจาคแบบนี้ ก็เพราะว่าก่อนหน้าไม่ค่อยจะมี เวลานี้ใครมีเด็กวัยกำลังร่ำเรียนก็จะมองเห็นการ บริจาคเงิน ดังนี้ บริจาคเงินทั้งทีควร 5 หมื่นอัพ กับการจะเข้าชั้นเรียนสถานศึกษาซักแห่ง อย่างระยะนี้ ในบางกอกอาจเห็นภาพไม่ค่อยชัดเพราะมีตัวเลือกสถานที่เรียนมากมาย แต่ในบ้านนอก มีอำเภอเมือง อำเภอเดียว เด็กนักเรียนจากทั่วจังหวัดก็อยากได้จะมาเรียนรู้ในตัวเมือง กรรมวิธี บริจาคเงิน ก็เริ่มต้นนี้ ร้องขอสนับสนุนบริจาคเงิน 5 หมื่น ช่วยสถานศึกษา แล้วเยาวชนจะได้ร่ำเรียน ทุกขเวทนาหรือเปล่า มิชำระก็ได้ แต่ไม่ได้ร่ำเรียนนี่คือเท็จจริงอันแสนเจ็บปวดของผู้ดูแลที่มีลูกเต้าเฉลียวฉลาด สอบได้แต่ไม่มีช่องทางร่ำเรียนด้วยไม่รู้จักคำว่า บริจาคเงิน

 บริจาคเงิน

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน แม้จะออกปากไปแล้ว เมืองไทยของดีฉันก็ติดอันดับในเรื่องการบริจาคเงินกับเขาด้วย เทียบเคียงชั้นคนมั่งคั่งแถวหน้าก็ว่าได้ถ้าหากเอาเรื่อง บริจาคเงินมาเป็นตัววัด ปี สองพันสิบสี่  ฉันติดอันดับ  สาม เรื่องบริจาคเงินเลยทีเดียว เพราะว่าคนไทยขี้สมเพช พร้อมทั้งการบริจาคเงิน มีผลตรวจหามาแล้วว่าเป็นทางที่คล่องสุด ๆ ที่คนข้าจะสละกัน อย่างเดี๋ยวนี้ที่มีข่าวออกทีวี ชาวไทยนี้ดี เสียสละให้วัดวาอารามซะเพียบ จนขโมยมาชิง ตู้บริจาคไปแล้วถึง แปดใบ ปัจจุบันนี้ก็ต้องรับสละกล่องรับเสียสละไปพลาง ๆการ บริจาคเงิน ในบ้านข้าพเจ้านิยมบริจาคให้กับสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ ด้วยจะเน้นย้ำการบริจาคเงิน ส่งให้สำหรับช่วยเหลือลูกกำพร้า การบริจาคเงิน เพื่อให้เป็นทุนเล่าเรียนเยาวชน พร้อมด้วยถ้าหากเป็นเวลาที่มีปัญหาเรื่องราวพิบัติต่าง ๆเช่นปี 54 ที่มีอุทกภัยหรือปี 46 ที่เกิด ซึนามิ คนไทยก็มีการ บริจาคเงิน กันอย่างเพียบ ส่วนสิทธิคุณค่าที่ได้รับถ้ามีทาน อย่างคนที่เสียสละอย่างอื่นที่มิใช่ตัวเงินตรา ทั้งนี้เพราะบางท่านก็ไม่เป็นที่นิยม บริจาคเงิน แต่ จะเสียสละอุปกรณ์เครื่องใช้แทน หรือ บริจาคเลือด สละเกร็ดเลือดที่สามารถทำได้ทุกเดือน กับหากใครข้าวของเครื่องใช้ที่บ้านเรือนเยอะก็อาจจะนำไปสละได้ หรือใครพร้อมกับที่จะเสียสละสังขาร แขนขา ดวงตา ก็สามารถทำได้หากมิต้องการบริจาคเงิน การบริจาคเงิน นั้นตอนนี้มีการกำหนดเป้าหมายชัดเจน อาทิเช่น  บริจาคเงิน สำหรับไถ่ชีวิตโคควาย บริจาคเงิน สำหรับ ช่วยเหลือน้ำหลาก สิ่งนี้จะทำเอาข้าพเจ้ารู้ว่าสตางค์ดิฉันไปที่ใดบ้าง อย่างที่วัด การบริจาคเงิน บางวัดวาอาราม เสียสละ สิบ บาท ยี่สิบ บาท ก็มีการขึ้นชื่อ แจ้งไว้ว่าใครเสียสละบ้าง ส่วนการนำไปใช้ก็ต้องแล้วแต่วัดวาอารามว่าจะนำไปใช้จัดการอะไร

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน

การบริจาคเงิน หรือ การให้ทานปัจจุบัน หากจะทำก็ต้องเลือกสรรทำให้ดี ให้ตรงจุด อย่างเช่น การซื้อนก ปลา เพื่อชี้นำไปยอม หากมีหมายมั่นดีก็อย่าไปจ่ายเงิน นกปลาที่เขามีการจัดแจงไว้ มันก็เหมือนกับไปส่งเสริมให้เขา ไปจับ ไปล่อมาค้า กับนกที่ข้าพเจ้าปล่อย ๆ ไป มันก็กลับมาที่เดิม ก็นกมันมีอยู่แต่ในกรงไม่รู้เรื่องจะไปไหน กับการ บริจาคเงิน ให้เด็กวนิพก หรือคนวณิพกต่าง ๆ ยิ่งให้ก็เหมือนเป็นการเห็นด้วยให้มีวนิพกอยู่ถัดไป ลองดีฉันไม่ให้ ไม่ส่งเสริม เขาก็เลิกขอกันไปเอง การบริจาคเงินชั่ววูบนี้ ดูจะเป็นเรื่องปรกติ ไปแล้วสำหรับคนทั่ว ๆไป เพราะแค่คิดว่าหยอดไป ไม่กี่ตังค์ ไม่ต้องคิดอย่างไรมาก ตัวอย่างเช่น ตู้ที่ตั้งอยู่ในร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ หรือในห้างสรรพสินค้าที่ จ่ายเงินตราค่าของใช้เสร็จปั๊บ ก็เจอตู้เสียสละ ฉันก็ทำจนเป็นความชาชินที่ต้องหยอด ด้วยไม่รู้เรื่องว่าสตางค์นั้นเอาไปทำเช่นไร เอาไปไหน  หรือการบริจาคเงินกับสื่อต่าง ๆ ที่มีการโหนทางต่าง ๆ ให้ข้าพเจ้า บริจาคเงินกัน เมื่อก่อนจะมีการนิมนต์คนบริจาคเงินโดยมีการร้องเพลง คนก็โทรเข้าไปสละมากมาย แม้ใครมีความคิดที่คิดดูจะเสียสละจริง ๆ ก็ทบทวนกันสักนิดก่อนนึกที่จะหยอดเงินตรา หรือโอนสตางค์ให้ใคร แม้คิดว่าใช่ ก็สละไปเถอะ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ภูมิใจ เงินตราจะไปใดก็ค่อยมาว่ากัน

บริจาคเงินแล้ว เว้นแต่ว่าได้ความสดใส หากใครบริจาคบ่อย ๆ ก็ลองดูเรื่องการลดหย่อนภาษีอากรไว้บ้าง คนกินค่าแรงงานที่ค่าแรง 2 สาม หมื่นทางบ.ของกระผมมีการหักเงินได้ส่งเงินภาษีไปทั้งปวงเดือนหากเรา ไม่นำเงินตราที่ข้าเสียสละ ไปทั้งหมดเดือนมาหักลดหย่อนภาษีอากร หาก เงินเดือน 25,000 รวมเงินพิเศษ อีกประมาณ 8 9หมื่น รวมแล้วชำระเงินภาษีไป เฉียด หกพัน ถ้าปรนนิบัติบุตร บิดา มารดาด้วย พร้อมทั้ง ใช้สิทธิลดจากการบริจาคเงินมาคลุกด้วย ก็จะได้กลับคืนเงินภาษีจริงๆ หากกระผมบริจาคให้สถานศึกษาตามที่สรรพากรกำหนด มากหลายแห่งก็จะนำมาหักลดได้ถึง สองเท่าของยอดสตางค์สละ แต่เช่นนี้ต้องดูบัญชีชื่อจากภาษีอากรควบคู่ไปด้วยสำหรับจะได้ใช้สิทธิ์ให้แรงกล้า

บริจาคเงิน กระผมจะเสียสละที่ไหน เมื่อไหร่ หรือให้ใครก็ได้เป็นสตางค์ของข้าพเจ้า สิทธิ์ของข้าพเจ้าที่จะ บริจาคเงิน แต่ ลองนิดนึงว่า เขาเอาไปทำเช่นไร ที่ไหน ให้พร้อมกับใคร น่าเคารพมากน้อยแค่ไหน อย่าเพียง หย่อน ใส่ตู้ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำแล้วก็ให้ดีนิด แม้ข้าพเจ้าครุ่นคิด จะ บริจาคเงิน



ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

No comments:

Post a Comment