Wednesday, March 2, 2016

บริจาคเงิน บริจาคใจ

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน ไม่ใช่เช่นนั้นเรื่องยากลำบากอย่างไรแค่เคลื่อนที่ไปบริเวณปากตรอก หยอดเงินใส่กล่องบริจาคในเซเว่นที่มีอยู่ทุกซอยก็แค่เนี้ยไม่ยากจะตายแต่จะมีใครเข้าใจหรือเปล่าว่าเงินตราไปไหนหยอดแล้วสตางค์ไปไหน  ผู้ที่ประสงค์เงินมากที่คอยจังหวะจากดิฉันเพียงแค่ผมบริจาคเงิน คนรับอยากได้แค่ช่องทางที่กระผมจะหยิบยื่นมอบให้ แค่บริจาคเงิน กากสตางค์ เล็กๆน้อยๆนี้ก็อาจสร้างเบื้องหน้าให้ใครก็ตามมานักต่อนักแล้ว เชื่อหรือเปล่าว่า เงินตราเหรียญเล็ก ๆที่ดิฉันไม่ใคร่อยากรวบรวมไว้ พร้อมทั้งโยนให้ยาจกริมถนน ที่เรียกให้หรู ๆว่าผมได้บริจาคเงินให้เขาทั้งหลายด้วยซ้ำ ก็ด้วยเขาไม่ได้ร้องขอ กระผมให้ด้วยความเต็มใจ วณิพก มีเงินมีทองกว่าเราหลายเท่านักเพราะเศษเงินนี่ล่ะ ขอทานบางท่านแรก ๆก็ขอไปงั้น ๆ ปราศจากเช่นไรทำ หลัง ๆ มีเงินเก็บมากเข้าก็ชักเพลิดเพลินเจริญใจ กลายเป็นร้องขอจนเป็นนิสัยก็มาก พูดว่าลูกอีช่างขอ แต่ที่น่าพิศวงกว่านั้นก็เป็นพวกที่ ไม่ขอเหมือนกัน แต่ให้ขนานนามให้โก้ว่า บริจาค คนรุ่นเก่า ๆ อาจจะไม่เคยชินกับ การบริจาคอย่างนี้ เนื่องจากเมื่อนานมาแล้วไม่ค่อยจะมี ณ เวลานี้ใครมีลูกวัยกำลังร่ำเรียนก็จะมองเห็นการ บริจาคเงิน แบบนี้ บริจาคเงินทั้งทีควร 5 หมื่นอัพ กับการจะเข้าเรียนสถานที่เรียนซักแห่ง อย่างในเวลานี้ ในกทม.อาจเห็นภาพไม่ค่อยชัดทั้งนี้เพราะมีตัวเลือกสถานศึกษามาก แต่ในนอกเมือง มีอำเภอเมือง อำเภอเดียว นักเรียนของทั่วจังหวัดก็คาดหวังจะมาศึกษาเล่าเรียนในตัวเมือง ขบวนการ บริจาคเงิน ก็เริ่มต้นตรงนี้ ร้องขอช่วยบริจาคเงิน 5 หมื่น ช่วยสถานศึกษา แล้วเด็กจะได้ศึกษาเล่าเรียน ทุกข์ระทมหรือไม่ ไม่จ่ายก็ได้ แต่ไม่เรียนนี่คือเท็จจริงอันแสนเจ็บร้าวของผู้ปกครองที่มีลูกเต้ายอดเยี่ยม สอบได้แต่ไม่มีทางเลือกร่ำเรียนทั้งนี้เพราะไม่คุ้นเคยคำว่า บริจาคเงิน

 บริจาคเงิน

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน หากจะพูดไปแล้ว เมืองไทยของดิฉันก็ติดอันดับในกรณีการบริจาคเงินกับเขาเหมือนกัน เทียบเคียงชั้นคหบดีแถวหน้าก็ว่าได้ถ้าหากเอาเรื่อง บริจาคเงินมาเป็นตัววัด ปี 2014  ดีฉันติดอันดับ  สาม เรื่องราวบริจาคเงินเลยทีเดียว เพราะว่าคนไทยขี้อาสูร และการบริจาคเงิน มีผลสำรวจหามาแล้วว่าเป็นวิถีทางที่ง่ายสุด ๆ ที่คนกระผมจะเสียสละกัน อย่างเวลานี้ที่มีข่าวออกทีวี คนไทยนี้ดี บริจาคให้อารามซะเพียบ จนผู้ร้ายมาลัก ตู้บริจาคไปแล้วถึง 8ใบ ช่วงนี้ก็ต้องรับสละกล่องรับสละไปพลาง ๆการ บริจาคเงิน ในที่อยู่อาศัยผมเป็นที่นิยมบริจาคให้กับมูลนิธิต่าง ๆ ด้วยจะเน้นย้ำการบริจาคเงิน ส่งให้สำหรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้า การบริจาคเงิน สำหรับเป็นทุนเล่าเรียนเยาวชน และหากเป็นคราวที่มีปมปัญหากรณีภยันตรายต่าง ๆเช่นปี 54 ที่มีน้ำหลากหรือปี สี่สิบหก ที่เกิด ซึนามิ คนไทยก็มีการ บริจาคเงิน กันอย่างเหลือล้น ส่วนสิทธิค่าที่ได้ถ้าหากมีการบริจาค อย่างคนที่เสียสละอย่างอื่นที่มิได้ตัวเงินตรา ก็เพราะว่าบางท่านก็ไม่เป็นที่นิยม บริจาคเงิน แต่ จะเสียสละเครื่องใช้เครื่องใช้ทดแทน หรือ บริจาคเลือด บริจาคเกร็ดเลือดที่อาจจะทำได้ทุกเดือน หรือหากใครของที่ที่อยู่อาศัยมากหลายก็อาจจะนำทางเสียสละได้ หรือใครพร้อมที่จะบริจาคร่างกายและจิตใจ แขนขา ดวงตา ก็อาจจะทำได้หากไม่อยากได้บริจาคเงิน การบริจาคเงิน นั้นปัจจุบันนี้มีการกำหนดจุดประสงค์ชัดเจน เช่น  บริจาคเงิน เพื่อไถ่ชีวิตวัวควาย บริจาคเงิน เพื่อให้ ทะนุถนอมน้ำหลาก อันนี้จะทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าสตางค์เราไปแห่งใดบ้าง อย่างที่วัดวาอาราม การบริจาคเงิน บางวัดวาอาราม เสียสละ 10 บาท ยี่สิบ บาท ก็มีการขึ้นชื่อเสียงเรียงนาม แจ้งไว้ว่าใครสละบ้าง ส่วนการใช้ประโยชน์ก็ต้องสุดแต่วัดวาอารามว่าจะนำไปใช้ทำอย่างไร

บริจาคเงิน

บริจาคเงิน

การบริจาคเงิน กับ การบำเพ็ญทานปัจจุบัน หากจะทำก็ต้องเลือกสรรทำให้ดี ให้ตรงจุด เช่นว่า การซื้อนก ปลา เพื่อชี้นำไปอนุญาต หากมีมุ่งมั่นดีก็อย่าไปซื้อหา นกปลาที่เขามีการจัดแจงไว้ มันก็เปรียบเสมือนไปส่งเสริมให้เขา ไปจับ ไปล่อมาซื้อขาย หรือนกที่เราปล่อย ๆ ไป มันก็กลับมาที่เดิม ก็นกมันมีอยู่แต่ในกรงไม่รู้เรื่องจะไปไหน หรือการ บริจาคเงิน ให้เด็กคนขอทาน กับคนคนขอทานต่าง ๆ ยิ่งให้ก็ดุจดังเป็นการเกื้อกูลให้มีคนขอทานอยู่จากนั้น ลองกระผมไม่ให้ ไม่ส่งเสริม เขาก็เลิกขอกันไปเอง การบริจาคเงินชั่วครู่นี้ ดูจะเป็นกรณีโดยทั่วไป ไปแล้วสำหรับคนทั่ว ๆไป เพราะแค่คิดว่าหยอดไป ไม่กี่เงิน ไม่ต้องคิดอะไรมาก เช่น ตู้ที่ตั้งอยู่ในร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ กับในห้างสรรพสินค้าที่ จ่ายเงินตราค่าของใช้เสร็จปั๊บ ก็เจอตู้สละ กระผมก็ทำจนเป็นความกลายเป็นนิสัยที่ต้องหยอด โดยไม่รู้เรื่องว่าเงินตรานั้นเอาไปทำเช่นไร เอาไปไหน  กับการบริจาคเงินกับสื่อต่าง ๆ ที่มีการโหนกระแสต่าง ๆ ให้ผม บริจาคเงินกัน เมื่อก่อนจะมีการชักชวนบุคคลบริจาคเงินโดยมีการขับกล่อม คนก็โทรศัพท์เข้าไปบริจาคมาก หากใครมีใจคอที่คิดจะสละจริง ๆ ก็คิดทบทวนกันสักนิดก่อนทบทวนดูที่จะหยอดสตางค์ หรือโอนเงินให้ใคร ถ้าหากคิดว่าใช่ ก็สละไปเถอะ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้แจ่มใส เงินตราจะไปไหนก็ค่อยมาว่ากัน

บริจาคเงินแล้ว นอกจากได้ความสุขใจ หากใครสละบ่อย ๆ ก็ลองดูเรื่องการลดภาษีอากรไว้บ้าง คนกินค่าแรงที่ค่าตอบแทนรายเดือน สอง 3 หมื่นทางบริษัทของข้าพเจ้ามีการหักเงินตราได้ส่งภาษีไปตลอดเดือนหากผม ไม่ได้นำสตางค์ที่ข้าพเจ้าสละ ไปทั้งปวงเดือนมาหักลดภาษี ถ้า ค่าจ้างรายเดือน 25,000 รวมกันเงินพิเศษ อีกราว 8 9หมื่น รวมทั้งสิ้นแล้วชำระภาษีไป เกือบ หกพัน ถ้าให้ลูกหลาน คุณพ่อ คุณแม่ด้วย พร้อมกับ ใช้สิทธิ์ลดหย่อนจากการบริจาคเงินมาคลุกคลีด้วย ก็จะได้คืนเงินภาษีจริงๆ หากผมสละให้โรงเรียนตามที่ภาษีกำหนด เยอะแยะแห่งก็จะนำมาหักลดหย่อนได้ถึง 2เท่าของยอดสตางค์สละ แต่เช่นนี้ต้องดูระเบียนจากสรรพากรควบคู่ไปกับเพื่อจะได้ใช้สิทธิ์ให้เต็มแรง

บริจาคเงิน ฉันจะเสียสละที่ใด เมื่อไหร่ กับให้ใครก็ได้เป็นเงินตราของดิฉัน สิทธิ์ของผมที่จะ บริจาคเงิน แต่ เผชิญดูนิดนึงว่า เขาเอาไปทำสิ่งไร ที่ไหน ให้เข้ากับใคร เชื่อได้มากน้อยแค่ไหน อย่าเท่า หย่อน ใส่ตู้ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำแล้วก็ให้ดีนิด แม้ดิฉันคิด จะ บริจาคเงิน



ขอบคุณบทความจาก : https://www.unicef.or.th/supportus/th/campaign/Earthquake_Nepal_th

No comments:

Post a Comment